“พี่เป็นอะไรคะ ทำไมเหมือนจะร้องไห้จัง”
“เปล่าค่ะไม่ได้เป็นอะไร ชื่อเพราะจัง อิงฟ้าคนสวย”
“มองไม่เห็นทำไมถึงรู้ว่าหนูสวยนะ ฮ่า ๆ ๆ” ทำเอาอัยวาต้องหัวเราะตามอย่างอดไม่ได้เหมือนกัน
“พี่ชื่ออะไรคะ?”
“ชื่ออัยวาค่ะ เรียกพี่อัยก็ได้จะได้เหมือนเพื่อนที่สนิทกัน”
“ยินดีที่ได้รู้จักนะคะพี่อัยคนสวย”
อยู่ ๆ มือเล็ก ๆ ก็วางลงบนฝ่ามือของเธอ อัยวารู้สึกถึงไออุ่นแบบที่นานแค่ไหนแล้วที่ไม่เคยได้สัมผัสแบบนี้ เธอไม่ได้พูดอะไร แค่นั่งนิ่ง ๆ ปล่อยให้เด็กน้อยคนนี้จับมือไว้อย่างที่อยากจะทำ แต่หัวใจของเธอกลับเริ่มเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ รู้สึกแน่นในอกอย่างไม่มีเหตุผล ความรู้สึกแบบนี้เรียกว่าอะไรเธอก็ไม่อาจจะรู้ได้ แต่มันแปลกและแปลกมากอย่างไม่เคยรู้สึกมาก่อนเลย
“ตามหาแทบแย่ อิงฟ้า…พ่อนึกว่าหายไปไหนแล้วลูก”
เสียงที่ฟังดูคุ้นหูก็ดังขึ้น เสียงที่อัยวาไม่เคยคิดว่าจะได้ยินมันอีกแล้วด้วยซ้ำ มันคุ้นจริง ๆ และคุ้นมาก แต่ก็ไม่รู้ว่าจะใช่ไหม ยิ่งเขาเดินเข้ามาใกล้กลิ่นน้ำหอมของเขาก็ลอยเข้ามาแตะจมูก กลิ่นเดิมที่เคยอยู่บนตัวเขาคนนั้น กลิ่นเดิมที่เธอจำไม่เคยลืม
อัยวากลับไม่พูดอะไรสักคำ ไม่หันไปมองทางด้านหลังที่มีเสียงเรียกนั้นที่ดังขึ้น เธอทำแค่ก้มหน้าลงช้า ๆ นั่งบีบกำมือตัวเองแน่น ความรู้สึกตอนนี้คือร่างสูงของใครบางคน มาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเธออีกครั้งแล้วในตอนนี้ จากที่ก้มหน้าอยู่อัยวาก็ค่อย ๆ แหงนขึ้นมองจ้องหน้าเขา แม้เธอจะไม่เห็น แม้เธอจะไม่รู้ว่าใคร แต่เธอก็ยังยิ้มเพื่อที่จะพูดคุยกับคนตรงหน้าด้วยความเป็นมิตร
“ใครคะนั่น?” หญิงสาวถามออกไป ไม่กล้าเรียกชื่อเพราะกลัวจะทักคนผิด คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าก็ยังคงยืนนิ่งอึ้งแทบจะหยุดหายใจ
“อ๋อ คนนี้พ่อของหนูเองค่ะ พ่อหล่อมากเลยนะคะ ถ้าพี่อัยได้เห็นต้องชอบพ่อแน่ ๆ เลย” หนูน้อยอิงฟ้ารีบตอบกลับ พร้อมกับลุกขึ้นยืนเคียงข้างกับผู้เป็นพ่ออีกหน
ธีร์ธัชมองจ้องหน้าของคนที่เขาไม่คิดว่าจะมาเจอกันแบบนี้ได้ หญิงสาวที่เคยให้กำเนิดลูกสาวให้เขา ผู้หญิงที่ตอนนี้สูญเสียการมองเห็นไปแล้วอย่างนั้นหรือนี่ เพราะการตั้งครรภ์ในครั้งนั้นใช่หรือเปล่าที่ทำให้เธอไม่เหมือนเดิมเลยในวันนี้ ผู้หญิงที่เขาไม่มีวันกล้ากลับไปหาอีกนับตั้งแต่วันนั้น ไม่กล้าที่จะพูดความจริงกับเธอเลยสักคำ แต่เขาก็ไม่เคยคิดที่อยากจะเห็นอัยวาในสภาพแบบนี้ หัวใจมันรู้สึกเจ็บ เจ็บอย่างไม่รู้จะอธิบายออกมาได้อย่างไรในเวลานี้
เพราะเขาใช่ไหม ความผิดของเขาใช่หรือเปล่าที่ทำให้คนเคยรักต้องมองไม่เห็นแสงสว่างในชีวิตแบบนี้ แม้วันนั้นจะรู้สึกโกรธและไม่พอใจ แต่พอมาเห็นเธออยู่ในสภาพแบบนี้เขาเองก็ไม่ได้รู้สึกสะใจเลยสักนิด เขาเองก็ไม่ได้มีความสุขมากกว่าชีวิตของเธอที่มืดบอดเลย
“ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ ฉันชื่ออัยวา”
ไม่มีเสียงพูด ไม่มีเสียงตอบรับ ไม่มีเสียงยินดีที่ได้รู้จักตอบกลับให้ได้ยินเลยสักคำเดียว เพราะเขายังคงนิ่งอึ้ง ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกไปหรือเปล่า
อัยวาก็ยังคงนั่งยิ้มแม้ไม่มีเสียงตอบรับจากเขากลับมา เธอไม่รู้หรอกว่าทำไมคนตรงหน้าถึงไม่พูดอะไรเลยสักคำ แต่กลิ่นน้ำหอมของเขาก็ยังแตะจมูกเธอทุกครั้งตอนที่ลมพัดผ่านเบา ๆ
“หนูชอบพี่อัยนะคะ พี่อัยสวยเหมือนแม่ในฝันของหนูเลยค่ะ”
ประโยคนั้นทำให้อัยวาน้ำตาซึมขึ้นมาจนอยากจะร้องไห้ เหมือนแม่ในฝันอย่างนั้นเหรอ เธออยากเป็นแม่ในฝันของใครสักคนอยู่เหมือนกัน แค่แม่ในฝันไม่ต้องเป็นแม่จริง ๆ ของใครก็ได้ แค่นี้ชีวิตก็มีความสุขที่สุดแล้ว ลูกที่เธอเคยอุ้มท้องมาจะอยากให้เธอเป็นแม่ในฝันแบบนี้หรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่ถ้าเป็นได้ชีวิตเธอก็คงจะมีความสุขที่สุดในโลกเลย
“กลับกันเถอะลูก” เสียงทุ้มพูดขึ้นเบา ๆ แทบไม่กล้าสบตาเธอเลยในตอนนี้
อ้อมแขนเล็ก ๆ ของหนูน้อยอิงฟ้าโผเข้ากอดอัยวาก่อนลาจาก อัยวานั่งนิ่งอยู่อย่างนั้นรู้สึกดีและรู้สึกตกใจในคราเดียวกัน น้ำตาเธอไหลอาบแก้มจนต้องรีบปาดเช็ดมันออกอย่างเร็ว ไม่ใช่เพราะเสียใจแต่เพราะไม่เข้าใจว่าทำไมหัวใจถึงรู้สึกอบอุ่นและเศร้าหนักมากขนาด
ธีร์ธัชมองจ้องภาพนั้นด้วยหัวใจที่แสนเจ็บปวด เขาควรจะรู้สึกแบบไหนในตอนนี้ คนสองคนบังเอิญมาเจอกันแต่ไม่มีใครรู้เลยว่าความสัมพันธ์ที่มีก่อนหน้ามันเป็นแบบไหน แต่ทำไมภาพที่เห็นในเวลานี้มันทำให้คนที่รับรู้ทุกอย่างอย่างเขาเจ็บปวดทรมานแทน
“ไปก่อนนะคะพี่อัย หวังว่าจะได้เจอกันอีก”
“ค่ะ ขอบคุณนะคะอิงฟ้าคนสวยของพี่อัย”
หนูน้อยโบกมือลา อัยวาก็โบกมือตอบ เหมือนกับว่ารู้ว่าอีกคนก็ทำในแบบเดียวกันทั้งที่ก็มองไม่เห็น
หลังจากพาตัวลูกสาวออกมาจากตรงนั้น ธีร์ธัชก็รีบพาลูกกลับขึ้นรถโดยไม่พูดอะไรเลยสักคำ ประตูรถปิดลงเบา ๆ ก่อนที่เสียงสตาร์ทรถจะดังขึ้น รถยนต์คันหรูค่อย ๆ เคลื่อนตัวออกไปอย่างช้า ๆ บนถนนที่สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้เรียงรายกันตลอดสาย ใบไม้ที่ร่วงลงกับพื้นเหมือนความรู้สึกที่เขาเก็บไว้มาตลอดสี่ปีมันก็เริ่มสั่นไหว
เบาะหลังรถก็ยังมีลูกสาวนั่งกอดตุ๊กตากระต่ายเน่าเอาไว้แน่นเหมือนเคย สีหน้าสดใสที่ดูแปลกไปจากทุกที ธีร์ธัชไม่ได้พูดเพียงแต่มองผ่านกระจกหลังเงียบ ๆ อยู่แบบนั้น
“พ่อขา พี่อัยสวยเหมือนหนูไหม หนูว่าหนูสวยเหมือนพี่อัยเลยนะ”
ธีร์ธัชไม่ตอบ มือเขากำพวงมาลัยแน่นโดยไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ สายตามองจ้องตรงไปข้างหน้า แต่หัวใจกำลังวกกลับไปที่สวนสาธารณะที่เพิ่งจากมาเมื่อครู่นี้ อัยวาที่นั่งอยู่ในความเงียบ เขาเห็นมือเธอสั่นนิด ๆ ตอนที่ลูกสาวจับและโอบกอด เธอถึงกับน้ำตาไหลอาบแก้ม เขาเดาไม่ได้ว่าเธอรู้สึกอะไรในตอนนั้น เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเด็กคนนั้นที่จับมือด้วยคือลูกของตัวเองและเขาก็ไม่มีความกล้าจะบอกความจริงนี้ออกไปให้ใครรู้
“พ่อคะ ทำไมพี่อัยวาตาบอดล่ะคะ”
คำถามซื่อ ๆ ของเด็กสี่ขวบแทงเข้ากลางอกจนทะลุถึงหัวใจของผู้เป็นพ่อ เขาจำได้ดี จำได้หมดว่าการตั้งครรภ์ครั้งนั้นทำลายอะไรในตัวเธอไปบ้าง ทั้งร่างกายและแววตาที่เคยสดใส แต่ที่เขาไม่เคยลืมเลยคือสีหน้าเธอตอนรู้ว่าลูกจะไม่ได้อยู่กับเธออีกต่อไป เธอขออุ้มลูกแต่เขาไม่ให้ เธอขอสัมผัสเขาก็รีบปฏิเสธอออกไปและสุดท้ายก็ต่างคนต่างไป
“พ่อคะ พี่อัยเขาจะอยู่กับใครนะ ใช้ชีวิตแบบไหน หนูสงสัยจังเลย”
ธีร์ธัชกัดฟันแน่น สิ่งที่ลูกสาวเอ่ยถามสะเทือนจนถึงก้นบึ้งของหัวใจเลย เขาอยากพูด อยากบอก อยากย้อนเวลากลับไปกอดเธอในวันนั้น อยากขอบคุณ อยากขอโทษ แต่ทุกอย่างมันช้าไปหมดแล้วจริง ๆ ช้าเกินกว่าที่จะกล้าสารภาพว่าเขาคือคนที่ทิ้งเธอไว้กลางความมืด แล้วหอบแสงสว่างกลับมาให้ตัวเองอย่างคนเห็นแก่ตัว
เอี๊ยด!
“โอ๊ย! อะไรคะพ่อ?”
“เปล่าลูก มีหมาวิ่งตัดหน้ารถเฉย ๆ ขอโทษนะครับ หนูเจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”
ธีร์ธัชเผลอเหยียบเบรกกะทันหัน รถหยุดกลางถนนโล่ง ๆ ใช่ว่าจะมีอะไรตัดหน้ารถอย่างที่บอกกับลูกออกไป แต่เพราะคำถามของลูกน้อยมันทิ่มแทงใจเขาเสียมากกว่า ก่อนจะค่อย ๆ ขับต่อไปเรื่อย ๆ แต่หัวใจมันสั่นยิ่งกว่าแรงกระตุกของรถมากมายเหลือเกิน
“พ่อคะ หนูอยากเจอพี่อัยอีกได้ไหมคะ”
เขาเงียบไม่กล้าตอบอะไรออกไปทั้งนั้น แล้วจู่ ๆ น้ำตาก็ไหลออกมาเฉย ๆ โดยที่ไม่ทันรู้ตัวเลยสักนิด ไม่มีเสียงสะอื้นไห้ แต่มันคือความรู้สึกผิดที่หนักจนหายใจแทบไม่ออกแล้วในเวลานี้ ก่อนจะยกมือขึ้นปาดเช็ดน้ำตาออกอย่างรวดเร็ว
“เอาไว้ก่อนนะลูก อย่าเพิ่งชวนคุยตอนนี้ได้ไหม พ่อไม่มีสมาธิขับรถเลยครับ” เพราะหัวใจมันว้าวุ่น เขาไม่รู้จะทำอย่างไรกับความจริงที่อาจหนีไม่พ้นในวันข้างหน้า เขาเป็นพ่อของเด็กหญิงอิงฟ้าและเป็นผู้ชายที่พรากแสงสว่างสุดท้ายจากแม่ของลูกหายไปด้วย