ตอนที่3 ทำใจให้ยอมรับ

1678 คำ
ห้องทารกแรกเกิด ธีร์ธัชยืนอยู่ที่กระจกใสบานใหญ่ตรงหน้าห้องทารกแรกคลอด เขาเฝ้ามองดูเด็กหญิงตัวน้อยที่หลับตาพริ้มอยู่ในตู้อบเพื่อปรับอุณหภูมิร่างกาย ใบหน้าเล็กจิ้มลิ้มที่แสนน่ารัก มีแก้มนิด ๆ จมูกหน่อย ๆ หน้าตาคล้ายเขาอย่างน่าเหลือเชื่อ แต่ลูกสาวคนนี้ก็มีบางอย่างที่ได้จากแม่มามากอยู่เหมือนกัน ธีร์ธัชหลับตาลงชั่วครู่ หวนคิดถึงคำพูดของหมอที่ยังตามหลอกหลอนเขาตลอดเวลา ‘เด็กคนนั้นเป็นลูกของมึงกับอัยวา ผลตรวจยืนยันแล้วว่าไม่ผิดแน่ๆ’ มันไม่น่าเกิดขึ้น มันไม่น่าพลาดแบบนี้เลยจริง ๆ ทำไมทุกอย่างที่เคยคิดว่ามันเป็นเรื่องง่าย ๆ ตอนนี้กลับเป็นเรื่องที่ยาก จนไม่รู้ว่ามันจะไปต่อได้แบบไหน “อิงฟ้าลูกพ่อ ช่างน่ารักเหลือเกินลูก” เสียงพึมพำเอ่ยเรียกชื่อลูกสาว ที่เขาตั้งชื่อนี้ให้ทันทีที่ตั้งแต่รู้ว่าคือเด็กผู้หญิง คงเป็นชื่อเรียกที่แม่อุ้มบุญใช้เรียกกันจนชินปาก เพราะเขาเองก็เห็นและรับรู้ในทุกความใส่ใจของเธอ เห็นเธอดูแลฟูมฟักลูกน้อยในครรภ์มาเป็นอย่างดีมากจริง ๆ อดคิดไม่ได้ถึงความสัมพันธ์ของตัวเองในอดีตกับอัยวา เธอเคยถามเขาว่าถ้ามีลูกด้วยกันอยากมีลูกเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย เขาตอบแบบไม่คิดว่าเขาอยากจะมีลูกสาวถ้าหากเลือกได้ เพราะว่าลูกสาวจะได้สวยเหมือนแม่ แต่แล้ววันนี้ใครจะไปคิดว่าเขาและเธอจะได้มีลูกสาวด้วยกันจริง ๆแล้ว ไม่แปลกถ้าอัยวาจะรู้สึกผูกพันกับเด็กมากกว่าแม่อุ้มบุญธรรมดา คงเป็นความรู้สึกพิเศษระหว่างสายใยและสายเลือด แต่เขาจะไม่มีวันให้ใครรู้ว่าเธอคือแม่ ไม่มีวันนั้นเพราะวันนี้เขาตัดสินใจทุกอย่างดีที่สุดแล้ว เขาเลือกแล้วและมันจะไม่มีอะไรต้องเปลี่ยนแปลง “คุณธีร์คะ” เสียงพยาบาลเรียกขึ้นเบา ๆ ก่อนยื่นซองเอกสารบางอย่างให้กับเขาได้เอาไปเก็บไว้ด้วย “เป็นประวัติทางการแพทย์ของคุณอัยวาทั้งหมดค่ะ เราให้คุณตามสิทธิ์ผู้ว่าจ้าง” ธีร์ธัชรับมาถือเอาไว้เงียบ ๆ ฝ่ามือหนากำซองนั้นไว้แน่น แต่ก็ไม่ได้เปิดอ่านในทันที เพราะในหัวของเขาเวลานี้มันกำลังคิดเรื่องที่โหดร้ายที่สุดอยู่ เขาจำเป็นต้องตัดขาดผู้หญิงคนหนึ่งออกจากชีวิตลูกสาวของเธอเอง ดวงตาคมหันไปมองกระจกบานใหญ่นั้นอีกครั้ง เขายืนมองจ้องอยู่เงียบ ๆ ก่อนที่วริษาผู้เป็นภรรยาจะเดินเข้ามาสมทบและยืนอยู่เคียงข้างกันด้วยความตื่นเต้นยินดี เธอยังไม่รู้เรื่องราวความผิดพลาดที่เกิดขึ้นและเขาตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่ให้ใครรับรู้กับเรื่องนี้เพิ่มเลยแม้แต่คนเดียว ไม่มีใครคนอื่นจะได้รู้นอกจากเขาและหมอธนัทเพื่อนสนิทเพียงเท่านั้น “ลูกเราน่ารักจังเลยนะคะธีร์” วริษายิ้มออกมาด้วยความยินดี สายตาจับจ้องมองทารกน้อยที่กำลังนอนขยับตัวไปมาอยู่ข้างในตู้อบด้วยความเอ็นดูมาก ธีร์ธัชพยักหน้ารับเบา ๆ แต่ก็ไม่พูดอะไรตอบโต้ เขายกฝ่ามือขึ้นลูบไล้บานกระจกเหมือนอยากสัมผัสกับลูกน้อย สายตามองใบหน้าเล็กจิ้มลิ้มอย่างรู้สึกผิด ลูกของเขาและผู้หญิงอีกคน ผู้หญิงที่เขาเพิ่งผลักไสเธอออกไปจากชีวิตของลูก ผู้หญิงที่อาจต้องสูญเสียแสงสว่างทั้งหมดในชีวิตไป ‘หวังว่าหนูจะเข้าใจ หวังว่าจะไม่โกรธหรือเกลียดพ่อคนนี้ในวันข้างหน้านะลูก’ เพราะความรู้สึกผิดมันคือตราบาปที่พูดออกมาไม่ได้ เขาได้แต่คิดและบอกลูกน้อยให้รับรู้ความในใจเพียงเท่านั้น “คุณว่าลูกสาวเราเขาหน้าตาเหมือนใครคะธีร์?” ภรรยาสาวถามขึ้นอีกครั้ง ทำเอาธีร์ธัชรู้สึกสะดุ้งเล็กน้อย “ลูกเราก็เหมือนเรานั่นแหละ จะเหมือนใครล่ะษา” “ษาว่าเหมือนคุณมากกว่าษาเยอะเลย แต่เขาว่าเด็กหน้าตาเปลี่ยนไปทุกวัน อาจจะเหมือนษาเวลาเขาโตขึ้น คุณว่าจริงไหมคะธีร์?” “อืม...ผมก็หวังว่ามันจะเป็นแบบนั้น” เขาไม่ได้หันมามองหน้า แต่พูดคุยตอบโต้ไปมาไม่ได้ขาดสะดุด ทั้งที่ในใจมันเต้นระส่ำกับทุกคำพูดที่วริษาบอกออกมา “แล้วแม่อุ้มบุญคนนั้นละคะ เป็นยังไงบ้าง?” “หมดหน้าที่ของเขาแล้ว เขาก็ไปตามทางเขาสิ มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรา ไม่ต้องไปพูดถึงเขาอีกหรอกนะษา” “แล้วตาเธอล่ะ รักษาหายหรือยังคะ?” ธีร์ธัชหันหน้ากลับมามองภรรยาแต่งของตัวเองอีกครั้ง สีหน้าบ่งบอกว่าเขาไม่อยากจะฟังหรือพูดถึงผู้หญิงคนนั้นอีก “มันไม่ใช่ปัญหาของเรา ผมให้เงินพิเศษเขาไปแล้ว ชีวิตเขากับชีวิตเราก็ต่างคนต่างอยู่ หน้าที่ของคุณหลังจากนี้คือเป็นแม่ที่ดีของลูกก็พอษา” “ษาก็ต้องเป็นแม่ที่ดีอยู่แล้ว เขาเป็นลูกของเรานะคะธีร์ ตำแหน่งในบริษัททุกแห่งในตอนนี้มันก็เป็นของคุณโดยสมบูรณ์แล้วนะธีร์ ยินดีด้วยนะคะที่คุณสมหวังกับทุกอย่างที่มันควรเป็นของคุณ” วริษาซบหน้าลงกับแผงอกแกร่งของสามีอีกครั้ง แม้ความสัมพันธ์ของเธอและเขาจะเป็นเพียงแค่ฉากละครที่ต้องเล่นให้คนอื่นดูมาตลอด แต่เธอก็มีผลประโยชน์ร่วมกันกับเขามากที่สุด มากจนเขาไม่สามารถเขี่ยเธอทิ้งออกไปจากชีวิตได้เลยเหมือนกัน หญิงสาวยิ้มพอใจกับทุกอย่างที่กำลังเป็นอยู่ในตอนนี้มาก หลายวันผ่านไป หลังจากที่ดวงตาถูกหมอเปิดที่คลอบตาออกให้ ชีวิตที่เคยคิดว่ามันจะสดใส แต่วันนี้มันไม่เป็นแบบนั้นอีกแล้ว เสียงประตูห้องพักถูกเปิดเข้ามาเบา ๆ และภายในห้องพักฟื้นก็มีเพียงความเงียบที่ไร้เสียงรบกวน อัยวานั่งนิ่งอยู่บนเตียงนอน ทอดสายตาที่มองไม่เห็นออกไปในความว่างเปล่า “คุณอัย เป็นไงบ้างครับวันนี้” เสียงหมอหนุ่มเรียกเธอด้วยความอ่อนโยนชวนให้อุ่นใจอยู่ไม่น้อย “ผมหมอชานนท์ครับ เป็นหมอตาประจำตัวของคุณ” หญิงสาวเงยหน้าขึ้น ก่อนจะหันหน้าไปมองตามเสียงที่ได้ยินอยู่ไม่ไกลนัก “หมอคะ ทำไมอัยยังมองไม่เห็นอีก มันจะหายไหมคะ?” น้ำเสียงสั่นเครือถามกลับเบา ๆ ทั้งที่หัวใจมันรู้สึกหมดหวังไปก่อนแล้ว หมอชานนท์เดินเข้ามาใกล้ก่อนจะหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของคนไข้ผู้น่าสงสาร เขาพยายามพูดคุยอย่างระมัดระวังเท่าที่จะทำได้ในเวลานี้ เพื่อไม่ให้กระทบกระเทือนกับสภาพจิตใจที่มันต้องบอบช้ำคูณสองเท่าแบบนี้ “ฟังผมนะครับ ในหลายกรณีอย่างของคุณ มันก็ไม่ได้เป็นถาวรเสมอไปนะคุณอัย” อัยวากลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ พยายามตั้งใจฟังทุกคำพูดและพยายามทำความเข้าใจกับทุกสิ่งที่หมอกำลังจะบอกกล่าวเธอในตอนนี้ “เส้นเลือดในตาที่เสียหาย สามารถฟื้นตัวได้นะครับ ความดันของคุณเริ่มคงที่แล้วและนั่นคือสัญญาณที่ดีมาก” “หมอแน่ใจเหรอคะว่ามันจะกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง?” หมอชานนท์ทำได้เพียงมองจ้องหน้าของหญิงสาวด้วยความรู้สึกสงสารจับหัวใจ เขารักษาผู้คนมานับไม่ถ้วน ทุกรายล้วนน่าสงสารเหมือนกันหมด แต่คนตรงหน้าเธอแลดูน่าสงสารที่สุดสำหรับเขาแล้ว เพราะนอกจากเธอจะมองไม่เห็นในวันนี้ แถมลูกสาวที่เธอเพิ่งคลอดก็ไม่ได้อยู่คอยเป็นกำลังใจให้แม่ในวันที่มองไม่เห็น แม้จะรู้ดีว่าเธอเป็นเพียงแค่แม่อุ้มบุญให้กับใครสักคนก็เถอะ แต่มันก็ไม่สมควรที่จะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเพื่อทดสอบชีวิตของผู้หญิงตัวเล็ก ๆ เช่นเธอเลย “ผมไม่กล้ารับปากร้อยเปอร์เซ็นต์นะครับ แต่จากอาการของคุณและผลเอกซเรย์ล่าสุด ผมขอบอกว่าคุณมีโอกาสเห็นอีกครั้งแน่นอนครับ เพียงแค่มันอาจไม่ใช่วันนี้ ไม่ใช่วันพรุ่งนี้ แต่อาจจะเป็นเดือนหน้าหรือในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าโน้น ถ้าคุณอัยรักษาตัวดี ๆ กินยาอย่างสม่ำเสมอและเชื่อมั่นในร่างกายของตัวเอง คุณจะผ่านเรื่องนี้ไปได้อย่างแน่นอน” อัยวาหลับตาลงอีกครั้ง ยกมือขึ้นสัมผัสเปลือกตาทั้งสองข้างของตัวเองเบา ๆ ยังระคายเคืองและรู้สึกเจ็บนิด ๆ ถ้ามันเป็นข้างเดียวเธอจะไม่กังวลเลย แต่นี่มันสองข้างเลยนะแล้วจะใช้ชีวิตต่อไปได้อย่างไรกัน “แล้ว....ถ้ามันไม่หายล่ะคะหมอ?” หมอหนุ่มนิ่งอึ้งกับคำถามนั้นที่ถูกถามกลับ ก่อนจะฝืนยิ้มให้กับสิ่งที่คนไข้กำลังหวาดกลัวด้วยความเข้าอกเข้าใจ “ถ้ามันไม่หาย ผมจะบอกคุณอัยตรง ๆ แต่ผมขอสัญญาว่าผมจะพยายามเต็มที่ เพื่อให้มันมีวันที่คุณอัยจะได้เห็นแสงสว่างในชีวิตอีกครั้งนะครับ” น้ำตาของอัยวาร่วงหล่นลงบนฝ่ามืออีกครั้ง หัวใจที่มันหวั่นกลัวเริ่มมีประกายของความหวังขึ้นครั้งแรก แต่ถ้ามันไม่หายอีกเลย เธอก็จะต้องยอมรับและอยู่ต่อไปให้ได้ แม้ไม่รู้เลยว่าชีวิตในวันข้างหน้ามันจะสุขหรือทุกข์มากกว่ากัน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม