“น้องอิงฟ้า อยู่ไหนคะ?”
เสียงของหวานตาพี่เลี้ยงสาว พยายามเรียกหาคุณหนูของบ้านเป็นครั้งที่สี่แล้วตอนนี้ เธอเดินผ่านทางห้องครัว ตามหาทุกที่ที่คิดว่าหนูน้อยจะอยู่ แต่หนูน้อยอิงฟ้ากลับเงียบหายราวกับละลายหายไปในอากาศ
จนกระทั่งเดินกลับเข้ามาที่ห้องรับแขกอีกครั้ง กลับเห็นบางอย่างที่ดูเหมือนหูของกระต่ายเน่าตัวโปรดของน้องอิงฟ้าโผล่พ้นโซฟามานิดเดียว นิ้วเท้าเล็ก ๆ โผล่ออกมาพอให้ได้เห็น หวานตาค่อย ๆ เดินเข้าไปหาพร้อมกับยื่นหน้าเข้าไปมองดูใกล้ ๆ ก็พบกับคนที่กำลังตามหาอยู่ หนูน้อยแอบมานั่งหลบมุมอยู่ตรงนั้น ตัวสั่นนิด ๆ จากการกลั้นสะอื้นไห้ ฝ่ามือเล็ก ๆ พยายามปาดเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้า เมื่อเห็นว่าเป็นพี่เลี้ยงคนสนิท
“อิงฟ้าเป็นอะไรคะ?”
“ไม่มีอะไรค่ะ” เสียงเล็ก ๆ ตอบกลับ ทั้งที่น้ำตายังเกาะเต็มแก้มเป็นหลักฐาน
“หนูแค่แอบอยู่เฉย ๆ ไม่ได้ร้องไห้เลยนะพี่หวาน” พร้อมกับซบหน้าลงกับตุ๊กตากระต่ายอย่างเงียบ ๆ อีกครั้ง เหมือนเชื่อว่าถ้าไม่พูด ไม่ต้องบอกใครเลยมันน่าจะดีที่สุดแล้ว
หวานตาไม่ซักไซ้แค่ขยับเข้าไปนั่งลงใกล้ ๆ แทน พยายามหาคำมาพูดปลอบใจให้หนูน้อยหายเศร้าได้บ้าง
“ถ้าเล่นซ่อนแอบอยู่ เพราะอยากให้พี่หวานตามหา งั้นพี่หวานก็หาอิงฟ้าเจอแล้วนะคะ”
หนูน้อยอิงฟ้าเงยหน้าขึ้นนิดหนึ่งก่อนจะยิ้มทั้งที่ตายังบวมแดงไม่หาย
“พี่หวาน ถ้าหนูนั่งเงียบอยู่แบบนี้ แม่จะชอบหนูไหมคะ?”
“ทำไมคะ คุณแม่ทำอะไรให้งอนมาอีกล่ะวันนี้”
“ไม่รู้ค่ะ หนูทำอะไรก็ไม่ดีสักอย่างเลยพี่หวาน”
“โธ่..อิงฟ้าคนสวยของพี่หวาน”
หวานตายกมือขึ้นลูบผมนุ่มเบา ๆ ด้วยเข้าอกเข้าใจ รู้สึกสงสารเด็กน้อยที่เหมือนจะร่าเริงแต่ก็ไม่ใช่อย่างที่คิด
“แม่ไม่รักหนูเลยพี่หวาน”
เป็นคำพูดที่สะเทือนใจทำเอาหัวใจพี่เลี้ยงแทบหยุดเต้น มองจ้องหน้าหนูน้อยด้วยแววตาที่อ่อนโยนและรู้สึกสงสารมากขึ้นกว่าเดิม ก่อนจะค่อย ๆ ดึงตัวเข้ามากอดเอาไว้แน่นยิ่งกว่าเดิมที่เคยทำ
“อิงฟ้าอย่าพูดแบบนั้นสิคะ แม่ที่ไหนจะไม่รักลูกกันล่ะ อิงฟ้าเป็นเด็กดี น่ารักที่สุดในโลก ใครได้อยู่ด้วยเขาก็รักน้องอิงฟ้าคนสวยกันทั้งนั้น”
หนูน้อยอิงฟ้ามองหน้าพี่เลี้ยงทั้งที่น้ำตายังคงไหลอาบแก้ม
“แม่คนอื่นไหมพี่หวาน แต่แม่หนูไม่ยิ้ม แม่ชอบทำหน้าโกรธ เหมือนหนูไปทำอะไรให้ไม่พอใจ”
พี่เลี้ยงถึงกับต้องสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ พยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ให้ร้องไห้กับคำพูดที่ไร้เดียงสา ยกมือขึ้นลูบผมนุ่มของหนูน้อยอย่างอ่อนโยนและรู้สึกสงสารจับหัวใจ
“ผู้ใหญ่บางคนเขาก็มีเรื่องในใจที่เราไม่รู้ แต่อิงฟ้าต้องจำไว้นะคะว่าอิงฟ้าเป็นเด็กที่น่ารักมาก ๆ หนูเกิดมาด้วยความรัก พี่หวานกับคนอื่นในบ้านก็รักคุณหนูอิงฟ้าที่สุดเลย รู้ไหมคะ?”
หนูน้อยอิงฟ้ากะพริบตาปริบ ๆ พยายามหยุดสะอื้นและฝืนยิ้มทั้งน้ำตาให้กับพี่เลี้ยงสาว
“จริงเหรอคะพี่หวาน?”
“จริงที่สุดเลยค่ะ ต่อให้ใครไม่รักอิงฟ้า อิงฟ้าก็ต้องรักตัวเองให้มาก ๆ นะคะ เพราะอิงฟ้าเก่ง อิงฟ้าเป็นเด็กดีที่สุดในโลก”
“แต่หนูก็ยังอาจดีไม่พอสำหรับแม่เลยนะพี่หวาน” ถึงกับต้องทำหน้าเศร้าเมื่อนึกถึงแม่ที่ชอบดุ ไม่มีครั้งไหนที่รู้สึกว่าแม่จะรักลูกสาวคนนี้จริง ๆ สักครั้งเลยด้วยซ้ำ
“อิงฟ้าไม่ลองเล่าให้คุณพ่อฟังบ้างล่ะคะ ทุกอย่างมันอาจจะดีกว่านี้ก็ได้นะ”
“ไม่เอา หนูกลัวพ่อแม่ทะเลาะกัน”
“อาจจะไม่ทะเลาะกันก็ได้ อิงฟ้าอาจจะกลัวไปเอง”
“พ่อทำงานเหนื่อยแล้วพี่หวาน หนูไม่อยากพูด พี่หวานอย่าไปบอกพ่อกับแม่นะว่าหนูแอบมาร้องไห้อยู่ตรงนี้”
“โธ่...คุณหนูอิงฟ้าของพี่หวาน”
พร้อมกับโอบกอดคนตัวเล็กร้องไห้ไปด้วยกันอย่างอดใจไม่ไหว พี่เลี้ยงสาวเองก็ไม่เคยจะเข้าใจ ยังเคยแอบสงสัยด้วยซ้ำเหมือนกันว่าธีร์ธัชไปมีลูกกับผู้หญิงคนอื่นมาหรือเปล่า แล้วเอามาให้ทางนี้เลี้ยง วริษาเลยดูไม่พอใจ แต่ไม่เคยกล้าถาม แม้แต่หลาย ๆ เรื่องที่เกิดขึ้นก็ไม่กล้าเล่าบอกใครเลยสักคน เพราะตัวเองเป็นแค่ลูกจ้างยังอยากมีงานทำเพื่อเลี้ยงปากเลี้ยงครอบครัว ทำได้เพียงปลอบประโลมหนูน้อยเท่าที่จะทำได้แบบนี้เท่านั้น
ภายในห้องครัวของบ้าน พอกล่อมคุณหนูนอนกลางวันเสร็จ หวานตาก็รีบเดินเข้าครัวมาเม้ามอยกับเพื่อนสนิทในบ้านเหมือนเคย
หวานตานั่งปอกสับปะรดอยู่ที่โต๊ะ ส่วนมะลิแม่บ้านประจำบ้านยืนล้างจานอยู่ที่อ่าง ทั้งคู่พูดคุยกันเป็นกิจวัตรประจำวันแบบนี้อยู่แล้ว
“มะลิแกว่าเด็กเขาดูออกมั้ยว่าใครรักจริง ใครแค่ทำเป็นรัก?”
มะลิถึงกับขมวดคิ้วเหมือนไม่เข้าใจกับคำถาม
“พี่หวานหมายถึงใครล่ะ?”
“ฉันหมายถึงคุณหนูอิงฟ้านั่นแหละ”
“ทำไม ยังไงพี่หวาน เหลามาสิ!”
“แกสังเกตมั้ยเวลาอยู่กับคุณธีร์นะคุณหนูอิงฟ้าจะยิ้มมีความสุข เล่นเสียงดังเจื้อยแจ้วได้ แต่พอเป็นเวลาอยู่กับคุณษาจะชอบเงียบเหมือนเด็กเก็บกด หน้านิ่ง ไม่กล้าเข้าหาแม่เลยสักนิด”
มะลิเงียบไปชั่วครู่ มือที่กำลังล้างจานอยู่หยุดชะงักขึ้นเล็กน้อย
“บางทีคุณหนูอิงฟ้าอาจจะกลัวคุณษาหรืออาจจะไม่คุ้นเคยกันเท่าไหร่มั้ง”
หวานตาส่ายหน้าไปมาเบา ๆ เพราะไม่ได้คิดแบบนั้นเลยสักนิด
“มันไม่ใช่ไม่คุ้นหรอก แม่ลูกที่ไหนเขาจะไม่คุ้นเคยกันล่ะมะลิ แต่กลัวมากอาจจะใช่ คุณหนูกลัวคุณษาที่สุด ฉันดูความสัมพันธ์มันไม่เหมือนลูกกับแม่จริง ๆ เลยสักนิดนะมะลิ เหมือนแม่เลี้ยงกับลูกสาวที่เลี้ยงมากกว่า แม่เลี้ยงใจร้ายที่เขาไม่ชอบเด็กอ่ะมะลิ! แกว่าคุณธีร์เคยสังเกตบ้างไหมหรือเราควรต้องสะกิดคุณธีร์ดีวะ?”
“พี่หวาน ฉันยังไม่อยากตกงานนะ อย่ามาชวนคุยแบบนี้” มะลิหันมามองหน้า ก่อนจะหันกลับไปล้างจานตรงหน้าต่อ
“แต่ฉันสงสารคุณหนูจริง ๆ นะ วันนี้ก็ร้องไห้กอดฉันมาทีแล้ว เฮ้อ...บางทีฉันก็อดคิดไม่ได้หรอกว่าคุณหนูอิงฟ้าอาจจะไม่ใช่ลูกคุณวริษาจริง ๆ”
มะลิตกใจรีบหันขวับกลับมามองหน้าอีกครั้ง พร้อมกับมองซ้ายมองขวาเหมือนสำรวจกับบรรยากาศรอบ ๆ ตัว
“พี่หวาน! อย่าพูดแบบนั้นสิ เดี๋ยวคนอื่นมาได้ยินเข้า”
หวานตายิ้มแหย ก้มหน้าก้มตาปอกผลไม้ในจานต่อ
“ฉันก็แค่สงสัยไหม สงสัยไม่ได้เหรอ! ไม่ได้พูดว่าใช่ซะหน่อยมะลิ แต่ช่างเถอะฉันก็พูดไปเรื่อยตามประสาป้าข้างบ้านที่ชอบเผือกเฉย ๆ แหละ แกอย่าไปเล่าต่อล่ะฉันไม่อยากมีปัญหา”
วริษายืนอยู่ไม่ไกลจากตรงนั้น ไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟังในตอนแรก แต่จังหวะที่กำลังจะเดินผ่านแค่ได้ยินชื่ออิงฟ้าก็ทำให้ต้องหยุดฟัง
“สาระแนเรื่องเจ้านายดีนักนังพวกนี้” แต่วริษาไม่ได้เข้าไปต่อว่า แต่กลับเดินผ่านไปเหมือนไม่อยากสนใจอะไรต่ออีก