ทันทีที่ก้าวออกมาจากลิฟต์ ทริสตันก็สอดส่ายสายตามองหาคนที่นั่งอยู่หน้าห้องของเขาอยู่ตลอดสามปีที่ผ่านมา ทุกเช้าที่มาทำงาน เธอจะมาถึงก่อนเขาเสมอ เว้นแต่บางวันที่เขาค้างอยู่ที่นี่เท่านั้นจึงเป็นเขาที่มาก่อนเธอ และจะคอยสำรวจร่างเล็กๆ นั้นที่จะทำงานหรือสั่งการโน่นนี่เพื่ออำนวยความสะดวกให้เขาอย่างดีที่สุด โดยที่เขารู้ดีว่าการดูแลเอาใจใส่ที่เธอมีต่อเขานั้นเป็นหน้าที่มากกว่าที่จะเป็นความรู้สึกจากใจ
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เคยชินกับการมีเธอมาตลอด กระทั่งวันนี้ในตอนที่กำลังจะเข้าไปในห้องทำงานและไม่เห็นเธอนั่งอยู่ตรงนั้น ทริสตันก็อดรู้สึกหงุดหงิดใจไม่ได้
หรือเพราะเรื่องเมื่อวันก่อนเลยทำให้มาธวีประท้วงหยุดงาน
เขาคาดเดา ขณะที่พยายามจะใจเย็นคิดว่าเธออาจจะแต่อยากหลบหน้าหลบตาเขา และเขาควรจะให้เวลาเธออีกสักหน่อย ก่อนที่จะลากให้เธอออกมาจากโลกของตัวเองเพื่อเผชิญหน้ากับความเป็นจริง
พอมาคิดทบทวนดูแล้ว ทริสตันพบว่าอย่างไรมาธวีก็โกหกเขา และตัวเขามีหลักฐานพร้อมแน่นหนาอยู่แล้วว่าเธอกำลังตั้งครรภ์ ซึ่งเชื่อได้แน่เลยว่านั่นคือลูกของเขา มาธวีอาจจะคิดว่าเขาไม่รู้ไม่สนใจอะไรหลังผ่านคืนนั้น แต่นั่นเป็นเพราะเขาอยากให้เวลาเธอต่างหาก แต่ใครจะคาดคิด สิ่งที่เขาวางแผนเอาไว้กลับล่มไม่เป็นท่าเพราะงานด่วนที่เข้ามาติดๆ กัน แถมเขายังต้องไปอยู่ทำงานที่อเมริกาถึงเดือนกว่า พอกลับมาอีกที มาธวีก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทริสตันเลยต้องเล่นไปตามน้ำก่อน
ถึงจะบอกให้ตัวเองใจเย็นอย่างนั้น แต่เขาก็อดกังวลไปถึงมาธวีเสียจนทำงานแทบจะไม่รู้เรื่อง เขารู้มาว่าเธออยู่คนเดียว ไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน เกิดเจ็บป่วยอะไรขึ้นมาถึงได้หยุดงานกะทันหันไม่แจ้งล่วงหน้าแบบนี้ ใครจะช่วยดูแลเธอ ยิ่งตอนนี้กำลังท้อง เธออาจจะเป็นลมเหมือนเมื่อวานอีกก็ได้ ถึงเขาจะให้คนคอยเฝ้าตามเธอแล้ว แต่ก็ตามได้แต่ไกลๆ ไม่ได้อยู่ดูแลร่วมบ้าน คนพวกนั้นจะไปคิดถึงสิ่งผิดปกติอะไรได้ ยิ่งคิดทริสตันก็ยิ่งร้อนรนกระวนกระวาย กระทั่งสิบโมงเช้าผ่านไป ตัวหนังสือสักตัวก็ไม่เข้าหัวเขาเลย ระหว่างชั่งใจว่าจะถามอาชวินดีหรือไม่ เขาก็ไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้นแล้ว เมื่อลูกน้องหนุ่มพรวดพราดเข้ามาในห้องทำงานของเขา สีหน้ากังวลแตกตื่นของเลขาฯ หนุ่มทำให้ทริสตันรู้สึกสังหรณ์ใจในทางไม่ดีอย่างไรชอบกล
แล้วสิ่งที่เขากังวลก็เป็นความจริง เมื่อเลขาฯ หนุ่มคนสนิทเข้ามารายงานเขาว่าเพิ่งได้รับแจ้งจากฝ่ายบุคคลว่ามาธวีโทร.มาขอลาออกจากงาน
“ลาออก!”
ทริสตันแทบจะเค้นเสียงออกมาในตอนที่รับรู้ว่ามาธวีคิดจะหนีหน้าเขาไปทั้งๆ ที่ยังพูดคุยกันยังไม่จบ
เขาก็พอรู้อยู่หรอกว่านิสัยของหญิงสาวเป็นอย่างไร แต่การทำแบบนี้มันทำให้เขาหงุดหงิดนึกอยากอาละวาดขึ้นมาทันที
ขี้ขลาด! หนีปัญหา!
เขาสบถพึมพำในใจ แต่ถึงเธอคิดจะหนีเขาไป คิดหรือว่าเธอจะหนีพ้น
“ครับ” อาชวินตอบรับด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ฝ่ายบุคคลแจ้งมาเมื่อครู่นี้เอง ผมเลยรีบเข้ามาบอกคุณทริสตันก่อน”
เลขาฯ หนุ่มเหลือบมองเจ้านาย เห็นสีหน้าเย็นชาเหมือนพร้อมจะฆ่าคนของทริสตันแล้วก็เสียววาบในใจ เมื่อวานนี้เขาสงสัยจนแทบจะดิ้นตายอยู่แล้วว่าทริสตันกับมาธวีมีปัญหาอะไรกัน เพราะอีกฝ่ายปิดประตูเงียบคุยกับรุ่นน้องสาวของเขาหลังจากที่มาธวีฟื้นขึ้นมา เป็นพฤติกรรมที่ไม่เคยทำมาก่อนเลยของอีกฝ่าย เขาคันปากยิบๆ อยากจะถาม แต่ก็ไม่รู้ว่าจะไปถามใครได้ มาธวีก็ไม่มีทางงัดอะไรออกมาได้ ส่วนเจ้านายยิ่งแล้วใหญ่ เกิดไปทำให้ผิดหูผิดตา เขาไม่อยากถูกส่งไปอเมริกาให้กองงานทับเขาตายหรอกนะ!
และเพราะคิดว่าการลาออกอย่างกะทันหันของมาธวีนั้นเกิดขึ้นจากเรื่องเมื่อวานไม่มากก็น้อย อาชวินถึงได้แจ้นมาแจ้งเจ้านายก่อนเป็นอันดับแรก แล้วความสงสัยของเขาก็เป็นจริง เพราะทริสตันมีสีหน้าบึ้งตึงขึ้งโกรธทันทีที่รู้เรื่องการลาออกของมาธวี
“ระงับไว้ก่อน”
ทริสตันสั่งสั้นๆ เห็นได้ชัดว่าไม่ยินยอมให้มาธวีลาออก
“ว่าแต่” อาชวินตัดสินใจเลียบๆ เคียงๆ ถามสิ่งที่อยากรู้จนได้ “เมื่อวันเสาร์เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ พอพูดกับคุณเสร็จ ทำไมจู่ๆ ผึ้งถึงลาออกกะทันหันแบบนี้”
เขายอมโดนเจ้านายโกรธ แต่เรื่องนี้เขาก็อยากรู้จนแทบจะดิ้นตายอยู่แล้ว
ทริสตันได้ยินคำถามนั้นก็เหลือบมองหน้าเลขาฯ คนสนิทของตนเอง จ้องเขม็งหาร่องรอยอะไรสักอย่างจากอาชวิน ทำให้คนถูกมองรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ แต่สุดท้ายคนเป็นเจ้านายก็ปฏิเสธออกมา
“ไม่มีอะไรหรอกอาร์ต เดี๋ยวผมจัดการเรื่องนี้เอง”
“ครับ”
อาชวินจนใจที่ไม่รู้ความคืบหน้าอะไรมากไปกว่านี้ ขณะที่ในใจคิดว่าตนเองคงต้องไปคาดคั้นเอาคำตอบจากมาธวีเองเสียกระมัง แต่ก่อนที่เขาจะขอตัวกลับไปทำงานต่อ ทริสตันก็เอ่ยขึ้นมาเสียก่อน
“อ้อ งั้นขอที่อยู่ของมาธวีหน่อยสิ”
เห็นได้ชัดว่าเจ้านายหนุ่มคงจะไปตามมาธวีด้วยตัวเอง แต่แบบนั้นก็ดีเหมือนกัน อาชวินแทนที่จะให้ที่อยู่ไป ก็เลยเปลี่ยนเป็นอาสาไปด้วยเสียเลย
“งั้นเดี๋ยวผมไปเป็นเพื่อนคุณด้วย เมื่อวานดูท่าทางไม่สบายหนัก เผื่อบางทีเกิดอะไรขึ้น”
เขาเอ่ยอย่างเป็นกังวล เผื่อที่มาธวีขอลาออกกะทันหันเพราะเป็นโรคร้ายแล้วไม่กล้าบอกใครก็เป็นได้
ไม่ได้การละ ยายผึ้งยิ่งอยู่ตัวคนเดียว เพื่อนสนิทก็เรียนอยู่เมืองนอกยังไม่กลับ ญาติพี่น้องก็อยู่ไกล มีเขาเป็นรุ่นพี่และเพื่อนที่สนิทที่สุดคนเดียวในเมืองไทยแล้ว ยายเด็กประหลาดนี่เก็บตัวเสียยิ่งกว่ามนุษย์ถ้ำ เกิดเป็นอะไรขึ้นมาใครจะไปช่วยเหลือได้ทันกันนะ
ทริสตันขมวดคิ้วมุ่นกับข้อเสนอของอาชวินแล้วจึงปฏิเสธ “ไม่ต้อง คุณอยู่รับแขกแทนผมที่นี่ เรื่องมาธวีผมจัดการเอง”
“แต่ว่า...”
เขาเสริมขึ้นเมื่อเห็นว่าอาชวินมีท่าทีลังเล
“ผมไม่ปล่อยให้เขาเป็นอะไรไปหรอก รวมถึงไม่ให้เขาลาออกด้วย”
เขาเน้นย้ำเสียงหนัก ดวงตาเป็นประกายวาววับที่ทำให้อาชวินไม่อาจดึงดันได้อีกต่อไป และค่อนข้างมั่นใจด้วยว่ามาธวีก็คงจะไม่สามารถออกจากงานได้จริงๆ นั่นแหละ
“งั้น...ครับ เดี๋ยวผมส่งที่อยู่ของผึ้งให้คุณ”
เลขาฯ หนุ่มพูดจบก็จัดการส่งที่อยู่ของมาธวีให้กับทริสตันทางโทรศัพท์ทันที แล้วจึงขอตัวออกไปทำงานที่ยังกองสุมอยู่เต็มโต๊ะของเขาให้เสร็จโดยเร็ว เผื่อบางทีตอนเย็นถ้าได้เลิกงานตามเวลา เขาจะได้ลองแวะไปดูมาธวีบ้างว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ยายเด็กนี่ถึงได้คิดจะทิ้งเขาไปแบบนี้ จะลาออกก็ไม่ส่งสัญญาณมาก่อน ไม่บอกอะไรกันสักคำ!
..............................................