มาธวีตื่นเช้ามาด้วยอาการแพ้ท้องที่ทำให้เธอเวียนหัวเสียจนแทบลุกไม่ขึ้น เธอแพ้มากกว่าเมื่อวานเสียอีก ทั้งๆ ที่อุตส่าห์ได้ไปหาหมอและฝากครรภ์มาเรียบร้อยแล้ว สงสัยอาจจะเป็นเพราะความเครียดจากการถูกทริสตันกดดัน แถมเธอยังฝันถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสองเดือนก่อน ทำให้จากที่วันนี้วางแผนไว้แล้วว่าเธอจะต้องจัดการปิดบ้านแล้วหนีไปจากที่นี่สักพัก ก็มีอันต้องล้มเลิกไปหมด หลังจากที่อาเจียนเสียจนหมดแรง หญิงสาวจึงกลับมาทิ้งตัวบนเตียงนอนอีกครั้งแล้วเผลอหลับไป มารู้สึกตัวอีกทีก็เห็นว่านี่เป็นช่วงสายมากแล้ว ประกอบกับคิดว่าตนเองอาการดีขึ้นแล้ว หญิงสาวเลยจัดการโทร.ไปลาออกเป็นอันดับแรก ขณะที่ต่อมาเริ่มวางแผนชีวิตตนเองว่าเธอจะทำอย่างไรต่อไปดี
เธอไม่ได้อยากเลือกทางนี้...แต่การหนีจากทริสตันเป็นทางที่ดีที่สุด
เมื่อวานทริสตันอาจจะยังไม่ทันตั้งตัว แต่ถ้าเกิดมีเวลาคิด เธอรู้แน่ว่าเจ้านายของเธอจะต้องหาทางบีบเอาความจริงจากเธอไปจนได้ ในเมื่อเธอไม่ต้องการให้เขารู้ ทางที่ดีที่สุดที่เธอทำได้คือต้องไปให้พ้นหน้าของเขา
แต่...เธอจะไปที่ไหน
มาธวีเสียใจก็ตอนนี้เองที่เธอเป็นคนมีเพื่อนน้อย จะให้เธอกลับไปบ้านป้าเธอก็ไม่อยากไป เธอไม่ต้องการทำให้ท่านอับอายคนแถวนั้นว่าเธอท้องไม่มีพ่อ แม่เธอทำให้ป้าอายมามากพอแล้ว เธอไม่อยากทำให้ท่านเสียใจอีก เพื่อนสนิทของเธอคนเดียวที่พอจะพึ่งพาได้ก็ยังอยู่ที่ออสเตรเลีย อีกฝ่ายเรียนปริญญาโทและทำงานไปด้วย และมีอีกคนก็คืออาชวิน แต่เธอตัดรุ่นพี่หนุ่มคนนี้ไปได้เลย เขามีความเกี่ยวพันกับทริสตันอยู่ และเธอไม่อยากให้เขาหรือทริสตันตามตัวเธอได้
สุดท้ายเธอก็จำเป็นต้องพึ่งตัวเองสินะ
บางทีมาธวีก็ได้แต่ภาวนาว่าทริสตันจะไม่คิดซักไซ้อะไรเธอต่อ และเชื่อในสิ่งที่เธอพูดจนยอมปล่อยเธอไปง่ายๆ
ทว่ามาธวีคิดผิด...
ตอนที่กำลังนั่งอยู่ภายในห้องรับแขกกึ่งห้องนั่งเล่นภายในบ้านหลังเล็กของตนเอง หญิงสาวก็ต้องประหลาดใจเมื่อมีคนมากดกริ่งหน้าบ้านเธอในเวลานี้
บางทีอาจจะเป็นคนส่งของ มาธวีสงสัย แต่เมื่อคิดได้ว่าเธอแทบไม่สั่งซื้ออะไรก็อดประหลาดใจไม่ได้ กระทั่งเดินออกไปหน้าบ้านจึงได้พบว่าเป็นทริสตันที่ยืนอยู่หน้ารั้วที่สูงไม่ถึงอกของเขาด้วยสีหน้าถมึงทึงดุดัน
“คุณ...!”
มาธวีเบิกตากว้าง มองคนที่ไม่คิดมาก่อนเลยว่าเขาจะโผล่มาอยู่หน้าบ้านของเธอด้วยความรู้สึกตกใจระคนประหลาดใจ
ดวงตาของทริสตันวาบวับดุดันในยามจ้องมองเธอนิ่ง ก่อนที่เขาจะพูดกับเธอเป็นประโยคแรกที่ทำให้เธอถึงกับหวาดหวั่นในอกออกมาว่า
“คุณจะลาออกเหรอผึ้ง”
“ค่ะ”
มาธวีพยักหน้าตอบรับ ไม่รู้จะปฏิเสธไปเพื่ออะไร
เธอยอมทิ้งงานมากกว่าจะเลือกเขา ทริสตันก็น่าจะรู้ดีแล้ว แต่ทำไมเขาถึงยังต้องตามเธอมาถึงบ้านด้วย
“ผมไม่ให้คุณออก”
ชายหนุ่มประกาศกร้าว และนั่นทำให้มาธวีคอแข็งด้วยความไม่ชอบใจขึ้นมาเช่นเดียวกัน
“คุณห้ามผึ้งไม่ได้ อีกอย่างเชิญคุณออก...”
ทริสตันไม่สนใจหรอกว่ามาธวีจะอยากหรือไม่อยากอะไร และไม่สนใจด้วยว่าเธอจะต้อนรับเขาหรือไม่ ชายหนุ่มจ้องหญิงสาวเขม็ง สีหน้าเกรี้ยวกราดชัดเจนในตอนที่สั่งเธอว่า “เปิดประตูให้ผมเข้าไป”
“ไม่”
มาธวีปฏิเสธทันควัน แล้วค่อยๆ ถอยหลังห่างจากประตูรั้ว
เธอไม่ต้อนรับเขา ไม่อยากเห็นทริสตันที่บ้านของเธอ ฉะนั้นเขาควรกลับไปได้แล้ว อย่ามารบกวนเธออีก
ทริสตันจ้องมองเธอด้วยสีหน้าไม่ยี่หระ เธอไม่เปิดให้เขาก็ไม่เป็นไร เขาหาวิธีเข้าไปเองก็ได้
“ได้ งั้นผมจะเข้าไปเอง”
ชายหนุ่มบอกหญิงสาวด้วยน้ำเสียงและสีหน้าท้าทาย เขาแสยะยิ้มออกมาก่อนจะเริ่มโหนตัวเองกับประตูรั้วบ้านของหญิงสาว เธอไม่เปิดก็ปีนเข้าไปก็ได้ ใครจะทำไม
มาธวีพอเห็นทริสตันเริ่มปีนรั้วบ้านเธอ หญิงสาวก็รีบร้องห้ามเอะอะเสียงดังทันที
“เอ๊ะ ห้ามปีนนะ!”
ทว่าไม่ทันเสียแล้ว เพราะทริสตันข้ามมาอยู่ฝั่งเดียวกับเธออย่างรวดเร็ว มิหนำซ้ำยังก้าวไม่กี่ก้าวก็เข้ามาประชิดตัวเธอได้แล้ว
มาธวีพยายามบิดข้อมือเล็กที่ถูกเขาฉวยจับเอาไว้แน่นให้พ้นจากมือเขา แต่ทริสตันยิ่งเห็นเธอต่อต้านก็ยิ่งจับมือเธอแน่น แน่นเสียจนมาธวีมีสีหน้าเหยเกด้วยความเจ็บ เขาถึงยอมคลายแรงที่กำแน่นลงนิดหน่อย ทว่าถึงอย่างนั้นก็ไม่ปล่อยเธอไปอยู่ดี
“คุณทริสตัน ผึ้งว่าคุณไม่มีสิทธิ์ทำอย่างนี้นะคะ”
ใบหน้าหล่อเหลานั้นจ้องมองเธอด้วยสีหน้าถมึงทึงดุดัน และไม่ตอบรับอะไรกับคำพูดของเธอแม้แต่น้อย
“เข้าบ้านก่อน”
เขาไม่เพียงแค่พูด ยังลากเธอไปยังประตูบ้านที่เปิดกว้าง และนั่นทำให้มาธวีขืนตัวต่อสู้เขาอย่างสุดกำลัง
“งั้นคุณก็ออกไปแล้ว ผึ้งจะเข้าบ้าน”
เธอไม่เพียงแต่พูด มืออีกข้างที่ว่างยังพยายามแกะมือของเขาออกจากข้อมือเธอ ทั้งดึงทั้งหยิกทั้งตีจนทริสตันหยุดเดินแล้วหันมาจ้องมองเธอด้วยสายตาข่มขู่อย่างชัดเจน
“จะเดินตามผมเข้ามาดีๆ หรือจะคุยกันตรงนี้ให้คนรับรู้กันไปหมด”
เขาพูดพร้อมกับดึงเธอเข้ามาใกล้ มืออีกข้างที่ว่างสอดรัดเอวบางดึงรั้งเข้ามาแนบชิดกับร่างสูงใหญ่แข็งแกร่งของเขา
“คุณทริสตัน!”
มาธวีหน้าซีดเผือด ตัวแข็งทื่อในอ้อมกอดของทริสตันทันที และกิริยานั้นของเธอก็ทำให้เขาพึงพอใจ ดวงตาสีน้ำตาลทองคล้ายกับจะพอใจที่เห็นเธอนิ่ง เขาก้มหน้าลงเข้ามาหาเธอจนมาธวีต้องเบือนหน้าหนีไม่อาจทนสบตาเขาได้อีก
“ถ้าคุณยังดื้ออย่างนี้ ผมจะทำตามความคิดของผมโดยไม่ถามอะไรคุณอีกแล้วนะมาธวี”
ชายหนุ่มเอ่ยเสียงทุ้มนุ่มข่มขู่เธอ และนั่นทำให้มาธวีได้แต่ข่มกลั้นด้วยความเจ็บใจที่เธอไม่อาจสู้เขาได้
ไม่ใช่ว่าไม่เคยสู้ แต่เธอสู้ไม่ได้จริงๆ
“บ้าอำนาจ”
หญิงสาวพึมพำด่าชายหนุ่มในตอนที่เขาแทบจะอุ้มเธอเดินเข้าไปในบ้าน เขาก้าวยาวๆ เพียงไม่กี่ก้าวก็มาหยุดอยู่หน้าโซฟาตัวใหญ่ จากนั้นชายหนุ่มจึงหันมาตอบรับคำพูดของหญิงสาวที่ต่อว่าเขาเมื่อครู่นี้อย่างหน้าตาเฉย
“อืม รู้ก็ดีแล้ว ถ้ายังไม่ทำตามที่ผมบอกละก็ ผมจะทำมากกว่านี้จริงๆ ด้วย”
มาธวีผลักอกคนที่ปล่อยมือเธอแล้วให้เขาถอยไปห่างๆ สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความฉุนเฉียวขึ้งโกรธอย่างที่ไม่เคยแสดงออกต่อหน้าทริสตันสักครั้งเดียว
“ผึ้งไม่ใช่ลูกน้องของคุณแล้วนะคะ ผึ้งหวังว่าคุณจะเคารพผึ้งด้วย”
ทริสตันมองใบหน้าหวานที่แดงก่ำเพราะความโกรธเคืองของเธอด้วยสายตาทั้งพึงพอใจและขัดใจ เขาพอใจที่เห็นเธอมีอารมณ์อย่างอื่นบ้างอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน แต่ก็ไม่พอใจหรอกที่เธอต่อต้านเขาอย่างนี้ และแทนที่ชายหนุ่มจะถอยห่างจากเธออย่างที่มาธวีต้องการ เขากลับก้าวเข้าไปหาเธออีกครั้ง กระทั่งทำให้เธอถอยจนไม่มีทางถอยหนีได้อีกต่อไป
ชายหนุ่มกักร่างเล็กเอาไว้ระหว่างร่างสูงใหญ่ของเขา สองมือค้ำยันกับกำแพงขณะที่ก้มหน้าบอกกับหญิงสาวด้วยประกายตาวาววับถือสิทธิ์แสดงความเป็นเจ้าของ
“ใช่...คุณไม่ใช่ลูกน้องแล้วผึ้ง”
“...”
“คุณเป็นเมียผม เป็นแม่ของลูกผม”
ใช่ เธอเป็นของเขา ลูกในท้องเธอก็ลูกเขา มาธวีไม่อาจปฏิเสธความจริงข้อนี้ได้
เธอไม่มีทางรู้หรอกว่า ต่อให้ไม่เกิดเรื่องคืนนั้น แต่สักคืนระหว่างเธอกับเขามันก็ต้องก้าวมาถึงจุดนี้อยู่ดี
เพราะแต่ไหนแต่ไรแล้ว...มาธวีถูกเขานับว่าเป็นผู้หญิงของเขามาโดยตลอด
เพียงแต่เธอไม่เคยรู้...