เมื่อออกจากห้องพักของอาจารย์ทรงวุฒิแล้วสุพิชฌาย์ก็เดินตามปณัยกรมายังรถของเขา
“ถ้าอาจารย์ลำบากใจ ไปส่งหนูเอารถเลยก็ได้นะคะ เดี๋ยวหนูไปหาข้าวกินเองก็ได้ค่ะ” หญิงสาวพูดอย่างเกรงใจ ขณะตากลมโตก็เหลือบมองคนที่เดินเคียงข้างมาด้วย
“ไม่เป็นไรหรอกผมพาคุณไปกินข้าวแล้วค่อยไปส่งก็ได้”
“แล้วเราจะไปกินอาหารที่ร้านไหนกันดีค่ะอาจารย์” สุพิชฌาย์ถามปณัยกรหลังจากที่เธอขึ้นมานั่งบนรถของเขาแล้ว
“คุณอยากกินอะไรล่ะเปียโน”
“หนูกินอะไรก็ได้ค่ะแล้วอาจารย์นะคะชอบกินอาหารอะไรเป็นพิเศษ”
“ผมกินได้ทุกอย่าง”
“แต่บ่ายวันเสาร์แบบนี้หนูว่าร้านอาหารต้องคนเยอะแน่เลยค่ะเราไปกินบนห้างดีไหมคะอาจารย์ เดินผ่านร้านไหนที่คนน้อยเราก็เข้าร้านนั้น อาจารย์หิวมากหรือเปล่า”
“ผมยังไม่หิวเท่าไหร่หรอก แต่คุณทนไหวแน่นะเมื่อกี้คุณบ่นว่าหิว”
“ก็หิวอยู่นะคะแต่หนูคิดว่าทนได้ค่ะ”
“ถ้ายังงั้นไปห้างที่ใกล้ที่สุดก็แล้วกันนะ กินเสร็จผมจะได้รีบกลับมาส่งคุณ”
“ได้ค่ะอาจารย์”
บ่ายวันเสาร์ผู้คนในห้างสรรพสินค้าค่อนข้างหนาตาทั้งสองคนเดินไปยังโซนที่จำหน่ายอาหารผ่านร้านอาหารอยู่หลายร้านแต่ละร้านก็มีคนมาใช้บริการค่อนข้างเยอะ สุพิชฌาย์กำลังมองไปยังร้านอาหารญี่ปุ่นตรงหน้าและเธอคิดว่าถ้ายังสรุปไม่ได้เธอจะเลือกทานร้านนั้นเนื่องจากตอนนี้หิวจนท้องร้องไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบแล้ว
“เปียโนคิดออกหรือยังว่าจะกินอะไร” ตอนนี้ปณัยกรก็เริ่มหิวมากแล้วจึงได้ถามขึ้น
“อาจารย์คะหนูขอกินอาหารญี่ปุ่นได้ไหม แต่มื้อนี้หนูขอเป็นคนเลี้ยงอาจารย์เองนะคะ”
“ได้ยังไงล่ะ ผมเป็นผู้ชายแล้วผมก็เป็นอาจารย์นะจะให้ลูกศิษย์มาเลี้ยงได้ยังไง”
“แต่หนูเกรงใจอาจารย์นี่คะ อาจารย์พาหนูไปเยี่ยมอาจารย์ทรงวุฒิแล้วยังพาหนูมากินข้าวอีก”
“ถ้าเกรงใจก็รีบเข้าไปกินเถอะกินข้าวเสร็จผมมีธุระจะต้องไปทำต่อ”
“อาหารที่นี่อร่อยมากเลยนะคะสดมากๆ เลยค่ะ ปกติอาจารย์ชอบกินอาหารญี่ปุ่นไหม” สุพิชฌาย์ชวนปณัยกรคุยระหว่างทานอาหารเธอรู้สึกว่าอาหารญี่ปุ่นที่เธอโปรดปรานรสชาติของมันอร่อยกว่าทุกครั้งที่เคยมาทานเลยทีเดียว
“ก็ชอบอยู่นะแต่ไม่ค่อยได้มากินบ่อยหรอก”
“แล้วปกติอาจารย์กินอะไรเหรอคะ ไปกินกับใคร”
“วันธรรมดาผมก็กินที่มหาวิทยาลัยวันหยุดก็กินร้านอาหารที่อยู่ใกล้ๆ มหาวิทยาลัยนั่นแหละ”
“ใช้ชีวิตแบบนั้นหนูว่าเหงาแย่เลยค่ะ เอาอย่างนี้สิคะอาจารย์ถ้าวันไหนอาจารย์อยากหาเพื่อนกินข้าวอาจารย์โทรตามหนูได้เลยนะ”
ปณัยกรไม่ตอบรับหรือปฏิเสธเขาแค่ยิ้มจากนั้นก็นั่งทานอาหารของตนเองอย่างเงียบๆ บางครั้งก็เงยหน้าขึ้นมองสุพิชฌาย์ที่ดูท่าทางจะชอบอาหารญี่ปุ่นมากจริงๆ
หญิงสาวชวนเขาคุยเรื่องเลยเปื่อยจน จนอาหารบนโต๊ะหมดและเขาก็เป็นคนจ่ายค่าหารทั้งหมดเพราะคงไม่มีอาจารย์ที่ไหนยอมให้ลูกศิษย์เป็นคนเลี้ยงอาหารอย่างแน่นอน
“หนูเกรงใจอาจารย์จังเลยค่ะ ค่าอาหารมันไม่ใช่ถูกๆ เลย” เธอรู้สึกเกรงใจและคิดว่าคงต้องหาโอกาสเลี้ยงข้าวเขากลับคืน
“ไม่เป็นไรหรอก ถือว่าเป็นการขอบคุณค่ากาแฟก็แล้วกันนะ”
“อาจารย์คะ ค่ากาแฟมันไม่เท่าไหร่มันเทียบกับราคาอาหารได้เลยเอาอย่างนี้ก็แล้วกันนะคะ ถ้ามีโอกาสหน้าเราออกมากินข้าวด้วยกันอีกหนูเป็นเจ้ามือเองนะคะ” สุพิชฌาย์เสนอ
“ผมรู้นะเปียโนว่าคุณเป็นลูกสาวเจ้าของมหาวิทยาลัยมีเงินเยอะมาก แต่คุณไม่จำเป็นต้องมาเลี้ยงผมหรอกนะ”
“หนูไม่ได้อยากเลี้ยงอาจารย์เพราะอวดรวยหรอกนะคะ แต่หนูก็แค่เกรงใจ เราออกมากินข้าวด้วยกันจะให้ผู้ชายจ่ายแค่ฝ่ายเดียวได้ยังไง”
“เรื่องนั้นค่อยว่ากันอีกทีนะ ตอนนี้ผมว่าเรารีบกลับกันดีกว่า ผมจะไปส่งคุณเอารถที่มหาวิทยาลัยนะ” ชายหนุ่มคิดว่าถ้าคุยต่อก็คงไม่จบง่ายๆ เพราะดูแล้วสุพิชฌาย์เป็นคนไม่ยอมคนเท่าไหร่ เขาขึ้นมานั่งในตำแหน่งคนขับแล้วรีบออกจากห้างสรรพสินค้าทันที
“อาจารย์บอกว่ามีธุระไปทำต่ออาจารย์จะไปทำอะไรคะหรือว่านัดแฟนไว้แล้วออกมากับหนูแบบนี้แฟนอาจารย์จะเข้าใจผิดหรือเปล่าคะ” สุพิชฌาย์แอบถามเพื่อความแน่ใจทั้งที่ตนเองก็รู้มาจากภรรยาของอาจารย์ทรงวุฒิมาแล้ว
“ผมไม่ได้นัดแฟนไว้หรอกแต่มีธุระต้องไปดูคอนโด”
“คอนโดมีปัญหาเหรอคะอาจารย์”
“เปล่าหรอกผมแค่จะไปดูคอนโดใหม่น่ะ”
“ที่ไหนคะ”
“คอนโดxxx”
“อาจารย์จะย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่เหรอคะ”
สุพิชฌาย์รู้จักคอนโดนี้ดีเพราะเธอเคยคิดจะให้บิดาซื้อให้อยู่หลายครั้งเพราะมันใกล้กับมหาวิทยาลัยมากๆ แต่บิดามารดาก็ไม่ยอมซื้อให้เพราะบอกว่าเพราะอยากให้เธอพักอยู่ที่บ้านมากกว่าแต่ครั้งนี้หญิงสาวคิดว่าจะต้องมาอยู่คอนโดแห่งนี้ให้ได้
“ครับ” ปณัยกรตอบสั้นๆ
“ทำไมอาจารย์ถึงจะย้ายมาอยู่ที่นี่ล่ะคะ” เธอชวนเขาคุยขณะเดินมาที่ลานจอดรถ
“แต่ก่อนผมอยู่บ้านพักของอาจารย์ แต่ก็อยู่มานานหลายปีแล้วก็เลยอยากจะเปิดโอกาสให้รุ่นน้องได้เขามาอยู่บ้านพักบ้าง ผมเงินเดือนมากพอที่จะออกมาอยู่ข้างนอกโดยไม่ได้เดือดร้อนอะไร” ปณัยกรบอกถึงเหตุผล
“แต่หนูว่าคอนโดที่อาจารย์จะย้ายมาอยู่ มันก็อยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยที่อาจารย์สอนนะคะดูท่าทางเป็นส่วนตัวด้วยค่ะ”
“ผมก็คิดแบบนั้นวันนี้ก็เลยว่าจะไปดูห้องสักหน่อยว่าเรียบร้อยดีไหม”
“อาจารย์คะอาจารย์สอนที่มหาวิทยาลัยรัฐบาลที่เดียวเหรอคะ”
“ครับ”
“ทำไมอาจารย์ไม่มาสอนที่มหาวิทยาลัยเอกชนบ้างล่ะคะ หนูว่าเงินเดือนน่าจะดีกว่า”
“เงินเดือนมันดีกว่าก็จริงแต่ผมเริ่มต้นจากที่นั่นและเป็นคนไม่ชอบการเปลี่ยนแปลงเท่าไหร่”
“หนูก็ไม่ได้หมายความว่าให้อาจารย์ลาออกสักหน่อยก็แค่มาสอนเพิ่ม”
“ผมมีเวลาว่างแค่วันเสาร์”
“แต่หนูรู้มานะคะว่าอาจารย์ในมหาวิทยาลัยเขาไม่ได้สอนตลอดทั้งวันสักหน่อย”
“ก็ไม่ได้สอนตลอดทั้งวันแต่คาบสอนมันก็มีทั้งเช้าและบ่ายน่ะ”
บทสนทนาเรื่องการสอนของปณัยกรหยุดไปเมื่อชายหนุ่มขับรถเข้ามาในมหาวิทยาลัย
“ขอบคุณมากนะคะอาจารย์ที่ให้หนูติดรถไปเยี่ยมอาจารย์ แล้วยังพาไปกินของอร่อยด้วย ถ้ามีโอกาสหนูจะเลี้ยงข้าวตอบแทนอาจารย์นะคะ”
“ไม่เป็นไรหรอกแค่นี้เอง”
“อาจารย์คะเราจะได้เจอกันอีกหรือเปล่าคะ”
“ผมก็ให้คำตอบไม่ได้นะ ถ้าผมมีโอกาสมาสอนที่นี่ก็คงจะได้เจอกัน”
“เราจะไม่เจอกันที่อื่นนอกจากที่มหาวิทยาลัยเลยเหรอคะอาจารย์” หญิงสาวชวนเขาคุยไปเรื่อยเพราะอยากจะทำความรู้จักกับอาจารย์คนนี้ให้มากขึ้น
“ผมก็นึกไม่ออกเหมือนกันนะว่าเราสองคนจะเจอกันได้ที่ไหน นั่นรถของคุณใช่ไหมเปียโน” เขาชะลอความเร็วของรถเมื่อเลี้ยวเข้ามาบริเวณตึกคณะ
“ใช่ค่ะ”
“ผมส่งคุณตรงนี้นะ”
“ขอบคุณมากค่ะอาจารย์แต่หนูหวังว่าหนูจะได้เจออาจารย์อีกนะคะบ๊ายบายค่ะ” หญิงสาวโบกมือและรอให้เขาขับรถกลับออกไปก่อนที่ตัวเองจะเข้าไปนั่งในรถความคิดบางอย่างผุดขึ้นก่อนจะรีบขับรถตรงกลับไปบ้านของตัวเองทันที