พัฒนาไปทีละนิด

1398 คำ
หลายสัปดาห์ต่อมาความสัมพันธ์ระหว่างสุพิชฌาย์และอาจารย์ปณัยกรก็เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดจากแค่เพื่อนบ้านตอนนี้กลายเป็นกิจวัตรที่ขาดไม่ได้ของทั้งสองคน สุพิชฌาย์แทบไม่เคยกลับบ้านไปทานอาหารเย็นเลยตั้งแต่ย้ายมาอยู่คอนโด ทุกเย็นหลังเลิกเรียนเธอมักจะรอคอยชายหนุ่มห้องตรงกันข้ามเพื่อชวนเขาไปทานอาหารเย็นด้วยกัน จากที่อยู่คนเดียวและใช้ชีวิตเรียบง่ายมาตลอดหลายปี ชีวิตของปณัยกรก็มีสีสันมากขึ้นกลายเป็นว่าตอนนี้เริ่มชินกับเธอแล้วแต่เขาก็ยังคงเว้นระยะห่างและคิดเสมอว่าเธอก็แค่นักศึกษาคนหนึ่งและที่สำคัญคือลูกสาวเจ้าของมหาวิทยาลัยที่ตอนนี้เขามีชั่วโมงสอนที่นั่นเพิ่มมากขึ้น เสียงเคาะหน้าห้องของปณัยกรดังขึ้นในเวลาหกโมงเย็นซึ่งเร็วกว่าปกติถึงหนึ่งชั่วโมง ชายหนุ่มรู้ดีว่าใครอยู่หน้าประตู ปณัยกรยิ้มบางๆ ขณะเดินไปเปิดประตู “อาจารย์ไนท์หิวหรือยังคะ” สุพิชฌาย์ในชุดนักศึกษาที่ยิ้มกว้างทันทีที่เห็นหน้าเขา “ยังไม่หิวเท่าไหร่เปียโนหิวแล้วใช่ไหมล่ะ ถึงได้มาก่อนเวลาแบบนี้” “ค่ะ เมื่อตอนกลางวันหนูกินแค่ขนมปังไปเองค่ะ จะเป็นอะไรไหมถ้าวันนี้เราจะกินข้าวเร็วกว่าเดิมหนึ่งชั่วโมงอาจารย์มีธุระอย่างอื่นต้องทำหรือเปล่าคะ” “ไม่มีหรอก ไปกินตอนนี้เลยก็ได้” “วันนี้เราจะกินอะไรกันดีค่ะ หนูหิวมากๆ เลยค่ะ” สุพิชฌาย์ยังคงพูดไปยิ้มไปเหมือนทุกครั้ง ปณัยกรมองรอยยิ้มสดใสแล้วส่ายหัวเบาๆ ตั้งแต่วันแรกที่เขาเจอเธอ เขาก็เห็นรอยยิ้มแบบนี้ตลอดจนบางครั้งชายหนุ่มเองก็อดยิ้มตามเธอไม่ได้ “แล้วแต่เปียโนเลย” “วันนี้หนูอยากกินส้มตำค่ะ อาจารย์กินได้ไหม” “ได้สิ” “งั้นเราไปกันเลยนะคะ หนูหิวจะแย่แล้ว” ระหว่างทางไปร้านอาหารสุพิชฌาย์ก็ชวนเขาคุยเรื่องอยู่ตลอดทั้งเรื่องเรียน เรื่องเพื่อนส่วนปณัยกรก็ได้แต่รับฟังและยิ้มตาม “อาจารย์ไม่เคยเล่าเรื่องตัวเองให้หนูฟังบ้างเลยนะคะ" หญิงสาวเงยหน้าถามเมื่อเดินมาถึงร้าน “เรื่องของผมไม่ค่อยน่าสนใจหรอก ผมว่ารีบสั่งอาหารเถอะนะ” เขาไม่ชอบให้ใครมายุ่งเรื่องส่วนตัวเท่าไหร่ถึงแม้จะสนิทกันมากขึ้นแล้วก็ตามและคิดว่าพูดออกไปแบบนี้แล้วสุพิชฌาย์คงจะเลิกถามแต่เขาคิดผิดเพราะหลังเธอสั่งอาหารเสร็จแล้วเธอก็ชวนเขาคุยต่อ “หนูว่าไม่จริงหรอกค่ะ ชีวิตอาจารย์น่าสนใจออก หน้าตาหล่อ การงานก็ดีต้องมีผู้หญิงเข้ามาในชีวิตเยอะแน่เลยจริงไหมคะ” เธอถามแล้วจ้องตาแป๋วรอคอยคำตอบ “ก็ไม่เยอะอย่างที่คุณคิดหรอก ผมเป็นคนไม่ชอบเข้าสังคมเท่าไหร่” “แล้วปกติอาจารย์ไนท์ชอบทำอะไรในวันหยุดคะ” เพราะตั้งแต่มาอยู่ที่นี่เธอก็ไม่เคยเห็นเขาออกไปเที่ยวไหนช่วงวันหยุดเลย “ก็อยู่ห้อง ออกกำลังกาย อ่านหนังสือ” “ไม่เบื่อแย่เหรอคะ” “ก็มีบ้าง” ปณัยกรตอบสั้นๆ “ถ้าอาจารย์เบื่อหนูจะเพิ่มกิจกรรมวันหยุดให้เอาไหมคะ” “อาหารมาแล้ว เรารีบกินกันเถอะ” สุพิชฌาย์รู้ว่าเขาเลี่ยงที่จะตอบตกลงหรือปฏิเสธนั่นอาจเป็นเพราะเธอรุกเขาหนักจนเกินไป หญิงสาวจึงเลิกเซ้าซี้และตั้งใจทานอาหารตรงหน้า แต่เธอก็ยังไม่เลิกล้มความตั้งใจที่จะทำให้ชีวิตในวันหยุดของเขามีเธอเข้าไปอยู่ในนั้นด้วย “อร่อยไหมคะ เผ็ดหรือเปล่า หนูสั่งแบบเผ็ดกลางมานะคะหนูกลัวอาจารย์กินเผ็ดไม่เก่ง” “อร่อยครับแบบนี้กำลังดีไม่เผ็ดมาก” “อาจารย์กินส้มตำบ่อยไหมคะ” “นานๆ ครั้ง” “แล้วไปกินกับใครคะ” “ก็เพื่อนอาจารย์ที่มหาลัยนั่นแหละ บางวันก็ชวนกันออกไปกินส้มตำตอนพักเที่ยง” “หนูเดาว่าคนที่ชวนต้องเป็นอาจารย์ผู้หญิงใช่ไหมคะ” “เดาเก่งนี่” “เป็นใครก็เดาถูกค่ะเพราะผู้หญิงชอบกินส้มตำมากๆ” สุพิชฌาย์อยากจะถามต่อว่าในกลุ่มที่ไปนั้นมีคนไหนสนใจเขาเป็นพิเศษหรือเปล่าแต่ก็หยุดคำถามไว้ก่อน หลังทานส้มตำเสร็จทั้งสองก็กลับห้องของตนเองแต่ก่อนนอนหญิงสาวก็มาเคาะประตูห้องเขาอีกครั้ง “อาจารย์ไนท์นอนหรือยังคะ” “เป็นอะไรหรือเปล่าเปียโนดึกแล้วทำไมยังไม่นอนอีก” “อาจารย์ไนท์คะที่ห้องอาจารย์มียาแก้ปวดท้องไหมคะ” “เธอปวดท้องเหรอเปียโน” “ค่ะ สงสัยจะกินอาหารรสจัดไปหน่อย” “ไหวไหมผมพาไปหาหมอนะ” เขาถามอย่างห่วงใย “ไม่เป็นไรหรอกค่ะอาจารย์ หนูแค่อยากได้ยาแก้ปวดท้อง” สุพิชฌาย์ไม่อยากไปโรงพยาบาลเพราะถ้าเป็นแบบนั้นบิดามารดาจะต้องรู้และท่านก็คงไม่ยอมให้เธอออกมาอยู่คนเดียวแบบนี้อีกอย่างแน่นอน “แต่ในห้องผมไม่มียาอะไรเลย” “ไม่เป็นไรค่ะ” “ไม่เป็นไรได้ยังไงล่ะ คุณกลับเข้าไปรอในห้องนะ เดี๋ยวผมจะลงไปซื้อที่ร้านขายยาให้ตอนนี้ร้านน่าจะยังไม่ปิด นอกจากปวดท้องแล้วมีอาการอะไรอีกไหม” “หนูแค่ปวดท้องอย่างเดียวค่ะ” “มีท้องเสีย อาเจียนไหม” “ไม่มีค่ะ” “ไปรอในห้องเดี๋ยวผมจะรีบไปรีบกลับนะ” ปณัยกรกลับเข้าไปหยิบกระเป๋าสตางค์จากนั้นก็รีบตรงไปยังลิฟต์แล้วเดินไปยังร้านขายยาที่อยู่หัวมุม เขาอธิบายอาการให้กับเภสัชกรประจำร้านฟังจากนั้นก็ได้ยาแก้ปวดและยาลดกรดมาจำนวนหนึ่ง เมื่อขึ้นมาถึงหน้าห้องก็โทรศัพท์เข้าไปหาเพราะไม่อยากจะเคาะประตูเนื่องจากกลัวจะรบกวนห้องอื่น “ได้ยามาแล้วเหรอคะ” เธอเปิดประตูออกมา “ครับ ขอเข้าไปข้างในนะ” ชายหนุ่มเดินเข้ามาในห้องอธิบายถึงการทานยาให้กับหญิงสาวฟังจากนั้นก็ไปหยิบน้ำในตู้เย็นมาให้ “กินยาแล้วนอนพักนะ ถ้าไม่ดีขึ้นก็โทรไปหาผมนะ ผมจะพาไปหาหมอที่โรงพยาบาล” เขากำชับเสียงเข้ม “ขอบคุณนะคะอาจารย์” “ผมจะกลับห้องก่อน อย่าลืมนะมีอะไรโทรมาหาผมได้ตลอด” ปณัยกรย้ำอีกครั้งด้วยความเป็นห่วง เขาเข้าใจดีว่าการอยู่คนเดียวเวลาเจ็บป่วยแบบนี้มันรู้สึกแย่แค่ไหน “ค่ะอาจารย์” ปณัยกรกลับมานั่งทำงานในห้องแต่ในใจก็ยังรู้สึกเป็นห่วงสุพิชฌาย์อยู่มาก เขามองนาฬิกาและเห็นว่าผ่านไปเกือบชั่วโมงแล้วยาน่าจะออกฤทธิ์จึงโทรศัพท์ไปหาเธอ “ดีขึ้นไหมเปียโน นอนหรือยัง” “หนูดีขึ้นแล้วค่ะอาจารย์แต่หนูยังไม่ง่วงเลย” “แต่ผมว่ารีบนอนพักดีกว่านะนี่ดึกแล้ว” “แล้วอาจารย์ล่ะคะทำไมยังไม่นอนอีก” “เมื่อกี้ผมทำงานน่ะ แต่ตอนนี้ก็กำลังจะนอนเหมือนกัน ถ้าดึกๆ ปวดท้องต้องรีบบอกผมนะเปียโนจะได้รีบพาไปโรงพยาบาล” “ค่ะอาจารย์ ขอบคุณอาจารย์อีกครั้งนะคะ” เมื่อเขาวางสายไปแล้วหญิงสาวก็ยิ้มให้กับโทรศัพท์เธอไม่ได้แกล้งปวดท้องให้เขาต้องวุ่นวายแต่เธอปวดท้องจริงๆ อาจเป็นเพราะตอนกลางวันทานขนมปังไปแค่นิดเดียวแล้วเย็นนี้ยังทานอาหารรสจัดอีก แต่การที่เห็นสีหน้าของปณัยกรดูเป็นห่วงมันก็ทำให้หญิงสาวรู้สึกดีมากและคิดว่าการทำตัวสนิทสนมกับเขาช่วงสองสามอาทิตย์ที่ผ่านมามันได้ผล เธอก็เลยคิดว่าน่าจะเริ่มแผนขั้นตอนต่อไปเพื่อให้เธอกับเขาได้สนิทกันมากกว่าสถานะเพื่อนร่วมคอนโดหรืออาจารย์กับนักศึกษาอย่างที่เป็นอยู่ในตอนนี้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม