แม้ว่าเมื่อคืนจะปวดท้องและกว่าจะได้นอนก็เกือบจะเที่ยงคืนแต่เช้านี้สุพิชฌาย์ก็ตื่นนอนตามปกติ อาการปวดท้องหายไปแล้วหญิงสาวแต่งตัวก็นั่งบนชั้นวางรองเท้าที่ด้านบนเป็นเบาะหนังสำหรับนั่ง เธอคอยฟังเสียงเปิดประตูของห้องปณัยกรเพราะเช้านี้เธอจะเริ่มแผนต่อไปให้ได้ใกล้ชิดกับเขามากขึ้น
เมื่อได้ยินเสียงประตูห้องฝั่งตรงข้ามเปิดออกสุพิชฌาย์ก็เปิดประตูห้องของตนเองออกทันที
“สวัสดีตอนเช้าค่ะอาจารย์ไนท์”
“สวัสดีเปียโน เป็นยังไงบ้างหายปวดท้องหรือยัง”
“รู้สึกดีขึ้นแล้วค่ะ”
“อย่าลืมทานข้าวให้ตรงเวลาแล้วก็ทานยาด้วยนะ”
“ค่ะอาจารย์หนูต้องขอบคุณอาจารย์นะคะที่ไปซื้อยามาให้”
“ไม่เป็นไรครับ เราเป็นเพื่อนบ้านกัน”
ทั้งสองเดือนคู่กันมายังลิฟต์ก่อนจะลงไปยังลานจอดรถ
“ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะ” สุพิชฌาย์มองรถของตนเองที่ล้อหน้าด้านซ้ายมันแบบจนติดพื้น
“รถคุณยางแบนนี่เปียโน”
“สงสัยเมื่อวานเย็นหนูขับผ่านบริเวณก่อสร้างด้านหลังมหาวิทยาลัยแน่เลย ทีนี่จะไปเรียนยังไงล่ะ” หญิงสาวแกล้งทำเป็นเครียดทั้งที่ตนเองเป็นคนโทรศัพท์ลงมาบอกรปภ.ให้ช่วยปล่อยยางรถข้างหน้าพร้อมกับติดสินบนให้เขาไปห้าร้อยบาท
“ให้ผมไปส่งที่มหาลัยไหม”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ อาจารย์เดี๋ยวหนูเดินออกไปเรียกแท็กซี่ข้างหน้าก็ได้” หญิงสาวพูดแล้วกุมท้องไปที่หน้าท้อง
“นั่นปวดท้องอีกเหรอ” ปณัยกรสังเกตเห็นและคิดว่าคงต้องทำอะไรสักอย่าง
“นิดหน่อยค่ะ”
“ยังไม่หายดีเลยแล้วจะเดินไปขึ้นรถยังไงให้ผมไปส่งดีกว่านะ”
“หนูกลัวจะรบกวนเวลางานอาจารย์นี่คะ”
“คงไม่เสียเวลามากหรอก รีบขึ้นรถเถอะออกเช้ากว่านี้เดี๋ยวรถจะติดเอานะ”
“ก็ได้ค่ะหนูก็ไม่อยากไปเรียนสายเหมือนกัน” สุพิชฌาย์รีบเปิดประตูขึ้นไปนั่งคู่กับเขาอย่างคุ้นเคย
ตลอดเวลาก็แอบมองหน้าอาจารย์หนุ่มแล้วยิ้มพลางชวนคุยเรื่อยเปื่อยอย่างที่ทำเป็นประจำทุกครั้ง
“อาจารย์ไม่ต้องเข้าไปจอดหน้าตึกก็ได้ค่ะ ตรงนั้นรถมันเยอะจะเสียเวลาเปล่าๆ”
“ไม่เป็นไรหรอกไหนๆ มาส่งแล้วผมก็อยากให้ส่งถึงที่ แล้วคุณก็อย่าลืมหาข้าวกินและกินยา ถ้าไม่ดีขึ้นก็เรียกแท็กซี่ให้พาไปส่งโรงพยาบาลเพราะวันนี้ผมมีสอนตลอดทั้งวัน”
“ได้ค่ะหนูจะกินข้าวกินยาให้ตรงเวลา ขอบคุณอาจารย์อีกครั้งนะคะที่มาส่ง” หญิงสาวยิ้มก่อนจะเปิดประตูลงมาจากรถและโบกมือเธอมองตามจนกระทั่งรถของเขาลับสายตาไป
“มันยังไงกันแน่เปียโนนั่นใช้รถอาจารย์ไนท์ไหมที่มาส่งแก” ณัฐมลที่ยืนมองอยู่รีบเข้ามาถาม
“ใช่”
“แกจีบเขาสำเร็จแล้วเหรอเขาถึงมาส่งที่นี่” เจนิตาที่เดินตามมาก็ถามด้วยความตื่นเต้น
“ยังหรอกแต่ทุกอย่างมันอยู่ในแผน”
“แกนี่แผนเยอะจริงนะ ขึ้นห้องเรียนกันเถอะจะได้เม้าท์ต่อ”
“ยังเหลือเวลาอีกเกือบครึ่งชั่วโมงนะเจนพาฉันไปกินข้าวก่อนดีไหม”
“วันนี้แกแปลกนะอยากจะกินข้าวตอนเช้า” เจนิตามองเพื่อนด้วยความสงสัยเพราะปกติแล้วสุพิชฌาย์ไม่ค่อยทานอะไรตอนเช้า
“ก็เมื่อคืนฉันปวดท้องน่ะสิ แล้วมันมียาจะต้องกินอาจารย์ไนท์สั่งไว้ว่าต้องกินยาและกินข้าวให้ตรงเวลา”
“ปวดท้องเหรอไปหาหมอมาแล้วใช่ไหม”
“ไม่หรอกแต่อาจารย์ไปซื้อยามาให้น่ะ”
“แกปวดท้องจริงๆ หรือแค่แกล้งปวดท้องกันแน่ล่ะ”
“ปวดจริงๆ สิเจน ก็เมื่อวานตอนกลางวันกินขนมปังไปนิดเดียวแล้วตอนเย็นฉันกับอาจารย์ไนท์ก็ไปกินส้มตำกัน ฉันกินมากไปหน่อยเมื่อคืนก็เลยปวดท้อง”
“แล้วตอนนี้ดีขึ้นหรือยังล่ะ” เจนิตาถามอย่างเป็นห่วง
“ดีขึ้นแล้ว”
“ฉันว่าแกต้องเล่าเรื่องนี้เพิ่มแล้วล่ะเปียโน”
“เดี๋ยวฉันจะเล่าให้แกสองคนฟังตอนกินข้าวก็แล้วกันนะ รีบไปกันเถอะจะได้รีบกลับมาเรียน”
หลังจากทานข้าวและทานยาเสร็จแล้วทั้งสามสาวก็กลับมายังห้องเรียนจนกระทั่งถึงเวลาพักกลางวันเสียงโทรศัพท์ของสุพิชฌาย์ก็ดังขึ้นเสียก่อน
“สวัสดีค่ะแม่ มีอะไรหรือเปล่าคะ” หญิงสาวถามมารดาที่ปกติจะไม่โทรหาเธอเวลากลางวันแบบนี้
“เปียโนมากินข้าวกลางวันกับแม่และพ่อที่ห้องทำงานพ่อหน่อยนะ แม่สั่งอาหารมาเผื่อหนูแล้ว”
“ได้ค่ะแม่” หญิงสาวกดวางสายแล้วมองหน้าเพื่อนด้วยความรู้สึกผิด
“มีอะไรหรือเปล่าเปียโน”
“ฉันคงไปกินข้าวกับแกสองก็ไม่ได้แล้ว พอดีแม่โทรตาม”
“ไม่เป็นไร ฉันไปกินสองคนก็ได้ แล้วตอนบ่ายค่อยเจอกัน แกก็อย่าลืมกินยาด้วยนะ”
“ฉันว่าจะกินก่อนไปดีกว่าไม่อยากให้พ่อกับแม่รู้ว่าปวดท้อง ขอน้ำแกหน่อยสิเจน ของฉันหมดแล้ว”
“เอาไปทั้งขวด พวกฉันสองคนไปก่อนนะเดี๋ยวโรงอาหารคนจะเยอะ”
เมื่อทานยาแล้วหญิงสาวก็เดินลงจากตึกคณะเพื่อไปยังตึกของฝ่ายบริหารที่อยู่ไม่ไกลเท่าไหร่นะ เมื่อขึ้นไปถึงบนห้องก็เห็นว่าในห้องทำงานของบิดานั้นมีอาหารวางอยู่เต็มโต๊ะ
“สวัสดีค่ะพ่อ สวัสดีค่ะแม่” สุพิชฌาย์ยกมือไหว้บุพการีทั้งสองก่อนจะนั่งลงข้างๆ กับมารดา
“สวัสดีจ้ะลูก เป็นไงบ้างเราไม่ได้เจอกันเกือบอาทิตย์เลยนะหนูไม่กลับไปหาพ่อกับแม่เลย นี่ถ้าแม่ไม่ชวนมากินข้าวกลางวันก็คงไม่มีโอกาสได้เจอกัน”
“ขอโทษนะคะพ่อ ขอโทษนะคะแม่พอดีหนูกำลังปรับตัวและฝึกใช้ชีวิตคนเดียวอยู่นี่คะถ้ากลับไปบ้านบ่อยๆ ก็คงไม่ดีเท่าไหร่” หญิงสาวยังคงอ้างเหตุผลเดิม
“แต่แม่คิดถึงหนูมากนะ”
“หนูก็คิดถึงพ่อกับแม่ค่ะ”
“พ่อว่าอย่าเพิ่งคุยกันเลยรีบกินเถอะ ลูกมีเวลาพักแค่ชั่วโมงเองเดียวเองนะ”
ทั้งสามคนนั่งรับประทานอาหารและพูดคุยถามไถ่สารทุกข์สุกดิบจนกระทั่งทานอาหารเสร็จคุณสุชาติก็เรียกให้แม่บ้านเขามาเก็บโต๊ะก่อนจะนั่งมองหน้าบุตรสาวแล้วเริ่มถามคำถามที่สงสัยจนต้องเรียกให้เธอขึ้นมาที่นี่
“เปียโน พ่อได้ยินมาว่าวันนี้ลูกไม่ได้ขับรถมาที่มหาวิทยาลัยแต่มีคนอื่นมาส่งใช่ไหม พ่ออยากรู้ว่าคนที่มาส่งลูกเป็นใคร” สีหน้าของคุณสุชาติดูจริงจังจนหญิงสาวรู้สึกเป็นกังวล
“หนูออกมาอยู่คนเดียวได้ไม่ถึงเดือนหนูมีแฟนแล้วเหรอลูกหรือที่อยากจะออกมาอยู่ตามลำพังเพราะอยากจะมาอยู่กับแฟนกันล่ะ” คุณวิมลวรรณถามด้วยความเป็นห่วง สีหน้าของท่านก็ดูจริงจังไม่ต่างจากสามี
“พ่อคะแม่คะ คนที่มาส่งหนูไม่ใช่แฟนหรอกค่ะ”
“แล้วเขาเป็นใครทำไมถึงมาส่งหนูตอนเข้าได้ล่ะ บอกแม่มาเถอะนะเปียโน แม่ไม่ห้ามถ้าหนูจะมีแฟนแต่แม่อยากรู้ว่าเขาเป็นใคร” คุณวิมลวรรณพูดอย่างใจเย็น
“ไม่ใช่แฟนอะไรที่ไหนหรอกค่ะแม่ คนที่มาส่งหนูก็คืออาจารย์ไนท์ค่ะ”
“หนูหมายถึงอาจารย์ปณัยกรเหรอเปียโน” คุณสุชาติเลิกคิ้วถามด้วยความแปลกใจ
“ค่ะพ่อ หนูคงลืมบอกพ่อกับแม่ไปว่าอาจารย์เขาพักอยู่คอนโดเดียวกับหนู แล้วเมื่อเช้ารถหนูมันยางแบนอาจารย์เห็นพอดีก็เลยมาส่งหนูค่ะ”
“พ่อก็นึกว่าลูกสาวแอบไปมีแฟนเสียแล้ว” คุณสุชาติถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“แล้วถ้าเกิดหนูมีแฟนจริงๆ พ่อจะว่ายังไง”
“พ่อก็ไม่ว่าอะไรหรอก แต่ก็อยากจะให้หนูดูให้ดีก่อนว่าเขาเข้ามาหาหนูเพราะรักหนูจริงๆ หรือเพราะหวังอะไรในตัวหนูกันแน่ หนูก็รู้ว่าหนูเป็นลูกของพ่อก็คงมีคนเข้ามาหามาก”
“ค่ะพ่อ แต่พ่อไม่ต้องห่วงนะคะหนูยังไม่คิดมีแฟนหรอกค่ะ อีกไม่กี่เดือนหนูก็ต้องไปเรียนต่อต่างประเทศแล้วถ้ามีแฟนก็คงทำให้การไปเรียนมันไม่ค่อยราบรื่นเท่าไหร่”
“ถ้าคิดได้แบบนี้แม่ค่อยสบายใจหน่อย”
“พูดถึงอาจารย์ปณัยกรแล้วเมื่อวันก่อนพ่อก็เพิ่งได้เจอเขาเองนะ”
“พ่อไปเจอเขาทำไมคะ”
“พ่อคุยกับเขาเรื่องที่จะให้เขามาสอนที่นี่มากขึ้นอาจจะเป็นช่วงซัมเมอร์ แล้วก็วางแผนไว้ว่าปีการศึกษาหน้าจะให้เขามาสอนเพิ่มมากขึ้น”
“แล้วอาจารย์เขาตอบตกลงหรือเปล่าคะ”
“เขาบอกว่าขอลองสอนช่วงซัมเมอร์นี้ก่อน เขาไม่แน่ใจว่าจะทำมันได้ดีหรือเปล่า แต่เท่าที่พอคุยพ่อว่าเขาเป็นอาจารย์ที่ดีคนหนึ่งเลย พ่อก็เลยอยากให้เขามาสอนประจำที่นี่แต่ดูท่าแล้วคงยากที่จะให้ลาออกจากมหาวิทยาลัยรัฐบาลแต่ได้มาช่วยสอนบ้างแบบนี้ก็ดีแล้ว”
“หนูสนิทกับเขามากไหมเปียโน” คุณวิมลวรรณถามบ้าง
“ไม่ได้สนิทมากขนาดนั้นหรอกค่ะแม่ เจอหน้ากันบ้างเวลาที่กลับคอนโดพร้อมกันและตอนเช้าที่เขาออกมาสอนแล้วหนูออกมาเรียนค่ะ แต่โชคดีมากที่วันนี้เขาให้หนูติดรถมาด้วย”
“แล้วหนูเรียกช่างให้ไปจัดการรถหรือยัง”
“ยังเลยค่ะพ่อหนูลืมไปแล้ว”
“ถ้ายังงั้นเดี๋ยวพ่อให้คนของพ่อจัดการให้ก็แล้วกันนะพรุ่งนี้จะได้ขับรถมาเรียน เย็นนี้เลิกเรียนแล้วก็ขึ้นมารอพ่อที่ห้องนะจะได้กลับพร้อมกัน”
“ค่ะหนูขอตัวไปเรียนก่อนนะคะ”