ปณัยกรสอนนักเรียนคาบสุดท้ายเสร็จในเวลาบ่ายสาม เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูแล้วลังเลว่าจะโทรไปถามสุพิชฌาย์ดีหรือเปล่าว่าหญิงสาวกับคอนโดยังไงแล้วก็ตัดสินใจไม่โทรเพราะคิดว่าเธอโตแล้วน่าจะดูแลตัวเองได้
ชายหนุ่มขับรถกลับมายังคอนโดมิเนียมจากนั้นก็เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วลงไปออกกำลังกายได้ก่อนจะกลับขึ้นมาบนห้องอีกครั้ง
เมื่อใกล้ถึงเวลาที่สุพิชฌาย์มักจะเคาะประตูชวนไปทานอาหารชายหนุ่มก็อาบน้ำแต่งตัวและนั่งเล่นโทรศัพท์รอ แต่ผ่านไปครึ่งชั่วโมงเสียงเคาะประตูก็ไม่ดังขึ้น เขาอดแปลกใจไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับหญิงสาวหรือเปล่า
ปณัยกรจึงมาเคาะห้องของเธอเบาๆ แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงตอบรับเขาเป็นกังวลว่าเธอจะปวดท้องจนลุกไม่ไหวหรือเปล่าจึงตัดสินใจโทรศัพท์ไปหาเธอแต่หญิงสาวก็ไม่ยอมรับ
ความกังวลเริ่มมีมากขึ้นเพราะเขาไม่รู้ว่าเธอกลับจากมหาวิทยาลัยหรือยังและกลับยังไงอีกทั้งเขายังเป็นห่วงเรื่องอาการปวดท้องชายหนุ่มโทรไปถามนิติด้านล่างจึงรู้ว่าสุพิชฌาย์ยังไม่กลับมากลับมาที่คอนโด
เขานั่งร้อนใจอยู่ในห้องจนเวลาผ่านไปอีกเกือบยี่สิบนาทีก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อจะโทรหาเธออีกครั้งแต่แล้วเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นเสียก่อน ปณัยกรรีบลุกขึ้นมาเปิดทันที
“เปียโนไปไหนมา ผมโทรหาก็ไม่รับ ไปเคาะที่ห้องคุณก็ไม่อยู่” เขารีบถามเพราะรู้สึกเป็นห่วง
“หนูกลับไปกินข้าวที่บ้านมาค่ะ อาจารย์กินข้าวหรือยังคะ” สุพิชฌาย์ยิ้มเมื่อเห็นท่าทางห่วงใยของเขา
“ยังไม่ได้กินอะไรเลย”
“ดีเลยค่ะ หนูเอาราดหน้ามาเผื่ออาจารย์ด้วยนะคะ”
“ขอบใจนะ”
“ที่บ้านหนูทำราดหน้าอร่อยมากค่ะ อาจารย์กินเลยมั๊ยคะเดี๋ยวหนูเทใส่จานให้”
“ไม่เป็นไรแค่เอามาฝากก็ขอบใจมากๆ แล้วที่เหลือเดี๋ยวผมจัดการเอง แล้วตอนนี้คุณเป็นยังไงบ้างปวดท้องอยู่หรือเปล่า”
“หนูหายดีแล้วค่ะ”
“แล้วเย็นนี้กลับคอนโดยังไงหนู”
“ติดรถพ่อไปที่บ้านค่ะ รถที่บ้านเพิ่งมาส่งเมื่อกี้ ว่าแต่ทำไมอาจารย์ยังไม่กินข้าวคะรอหนูอยู่หรือเปล่า”
เขาพยักหน้าแล้วยิ้มอันที่จริงตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ส่วนใหญ่ช่วงเวลาเย็นก็จะทานข้าวกับสุพิชฌาย์ตลอดจนมันเป็นความเคยชินเมื่อไม่มีเธอก็เลยลืมเรื่องทานข้าวไปเลย
“หนูขอโทษที่ทำให้อาจารย์รอ” สุพิชฌาย์รู้สึกผิดที่ทำให้เขารอแต่ก็แอบดีใจด้วย
“ไม่เป็นไรหรอกพอดีวันนี้ผมกลับเร็วก็เลยออกกำลังกายเพลินไปหน่อยนะ”
“อาจารย์รีบไปกินราดหน้าเถอะค่ะเดี๋ยวเย็นแล้วมันจะไม่อร่อย หนูขอกลับห้องก่อนนะคะ”
“ขอบคุณอีกครั้งนะสำหรับราดหน้า”
“ไม่เป็นไรค่ะ เราเป็นเพื่อนบ้านกันเวลามีของอร่อยก็ต้องแบ่งกันกินสิคะ” เธอพูดพร้อมกับรอยยิ้มสดใสที่เขาเห็นจนชินตา
อันที่จริงคืนนี้บิดามารดาชวนให้เธอค้างที่บ้านแต่หญิงสาวบอกว่ามีหนังสือที่อยู่คอนโดต้องรีบกลับมาอ่านซึ่งอันที่จริงแล้วเธออยากเอาราดหน้ามาฝากปณัยกรมากกว่า หญิงสาวบอกแม่ครัวให้ทำเพิ่มให้เพื่อจะเอามาอุ่นทานในตอนเช้าเลยไม่มีใครสงสัยอะไร
เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเห็นสายไม่ได้รับจากปณัยกรแล้วก็ยิ้มก่อนจะแคปภาพหน้าจอนั้นไว้อย่างน้อยครั้งหนึ่งเขาก็เคยโทรหาเธอแม้ว่าเธอจะไม่ได้รับสายก็ตาม
หญิงสาวอาบน้ำเสร็จก็หยิบหนังสือขึ้นมาอ่านเพราะพรุ่งนี้มีเทสที่มหาวิทยาลัย อ่านไปได้สักพักก็มีจุดที่ไม่เข้าใจจึงคิดว่าเรื่องนี้อาจารย์ปณัยกรน่าจะช่วยได้ ถึงแม้วิชานี้เขาไม่ได้สอนแต่สุพิชฌาย์ก็คิดว่าเขาน่าจะรู้เรื่องมากกว่าเธอ
หญิงสาวมองดูนาฬิกาเห็นว่ามันเพิ่งจะสี่ทุ่มครึ่ง ซึ่งเวลานี้ปณัยกรน่าจะยังไม่นอน เธอตัดสินใจหยิบเสื้อคลุมมาสวมแล้วเดินมาเคาะประตูห้องของอาจารย์อีกครั้ง ยืนรอไม่นานเขาก็เปิดออก
“มีอะไรหรือเปล่าเปียโนหรือปวดท้องอีก” สีหน้าของเขาเป็นกังวลและมันทำให้เธอรู้สึกดีมากๆ
“เปล่าค่ะอาจารย์ พรุ่งนี้หนูมีสอบจะมีจุดหนึ่งที่หนูไม่เข้าใจหนูขอถามอาจารย์ได้ไหม”
“ได้สิ เข้ามาข้างในก่อนนะ” เขาเดินนำเธอไปยังห้องทำงาน ก่อนจะนั่งลงบนโซฟาเบดที่อยู่หน้าโต๊ะทำงาน
หญิงสาวเริ่มทำคำถามและเขาก็อธิบายอย่างใจเย็น
“ขอบคุณนะคะอาจารย์หนูพยายามเข้าใจมันเองแล้วแต่มันก็ยังงงอยู่ดี อาจารย์อธิบายแป๊บเดียวตอนนี้หนูเข้าใจแล้วค่ะ หนูขอนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่นี่ได้ไหมเผื่อมีจุดไหนที่ไม่เข้าใจหนูจะได้ถามอาจารย์อีก หนูคงไม่รบกวนเวลาอาจารย์จนเกินไปใช่ไหม” แม้จะเกรงใจแต่นี่มันก็เป็นโอกาสที่เธอจะได้อยู่กับเขาตามลำพัง
“ไม่รบกวนหรอกถ้าคุณนั่งอ่านเงียบๆ ไม่อ่านออกเสียง”
“ได้ค่ะ หนูจะนั่งอ่านเงียบๆ นะคะ” หญิงสาวนั่งอ่านหนังสือต่อขณะที่ปณัยกรก็เดินกลับมาที่โต๊ะทำงานของตัวเองเขากำลังเตรียมเนื้อหาสำหรับสอนนักศึกษา
บรรยากาศในห้องทำงานเงียบมากปณัยกรตั้งหน้าตั้งตาทำงานของตัวเองขณะที่สุพิชฌาย์ก็นั่งอ่านหนังสือแต่ผ่านไปไม่นานปณัยกรเงยหน้าขึ้นมองเมื่อเห็นว่าหญิงสาวเงียบผิดปกติแล้วก็ยิ้มเมื่อเห็นว่าคนที่บอกจะอ่านหนังสือตอนนี้หลับคาหนังสือไปแล้ว
“เปียโนผมว่าคุณง่วงมากก็กลับไปนอนเถอะ” เขาเรียกเบาๆ เพราะกลัวเธอจะตกใจ
สุพิชฌาย์ขยับตัวก่อนจะลืมตาขึ้นแล้วยิ้ม
“หนูแค่พักสายตาเองค่ะอาจารย์ หนูขออ่านต่ออีกนิดก็จะจบบทแล้ว อาจารย์จะนอนหรือยังคะ”
“ยังหรอกปกติผมนอนประมาณเที่ยงคืนน่ะ ถ้าจะอ่านหนังสือต่อก็อ่านเถอะ”
บรรยากาศในห้องทำงานกลับมาเงียบอีกครั้งจนกระทั่งเกือบจะเที่ยงคืนปณัยกรก็เก็บหนังสือตรงหน้าขณะที่หญิงสาวก็ลุกขึ้นเตรียมจะกลับห้องของตัวเอง
“ขอบคุณนะคะอาจารย์ที่อธิบายให้หนูจนเข้าใจ”
“แล้วนี่กลับไปจะอ่านต่อหรือนอนเลยล่ะ”
“หนูว่าจะอ่านต่ออีกนิดค่ะ”
“พรุ่งนี้เธอมีสอบไม่ใช่เหรอ อ่านดึกๆ ระวังจะไปหลับในห้องสอบเอานะ”
“ไม่หรอกค่ะอาจารย์หนูไปก่อนนะคะ”
หญิงสาวเดินออกจากห้องของปณัยกรแต่พอถึงห้องของตัวเองจากที่คิดว่าจะอ่านหนังสือต่อก็เปลี่ยนเป็นปิดไฟแล้วล้มตัวลงนอน
ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่วันนี้ได้มีโอกาสใกล้ชิดกับเขามากยิ่งขึ้น แม้จะเป็นการนั่งเงียบๆ อยู่กันตามลำพังแต่มันก็สร้างความสุขให้กับเธอมาก
ตอนนี้สุพิชฌาย์คิดเอาไว้แล้วว่าช่วงไหนที่มีอ่านหนังสือเตรียมสอบเธอจะขอไปอ่านหนังสือที่ห้องของเขาอย่างน้อยก็ได้มองเห็นหน้าเขาก็เหมือนกับเป็นกำลังใจให้เธอได้อ่านหนังสือ