“นั่นสิฉันลืมไปว่าแกเป็นถึงลูกสาวเจ้าของมหาวิทยาลัยสืบเรื่องอาจารย์ใหม่แค่นี้คงไม่ยาก ว่าแต่แกไม่คิดบ้างเหรอว่าอาจารย์เขาจะมีแฟนแล้ว”
“ไม่รู้สิเจน ฉันคงต้องสืบดูก่อน”
“ฉันเตือนแกเลยนะเปียโน ถ้าอาจารย์มีแฟนแล้วอย่าไปยุ่งกับเขาเด็ดขาด แกทั้งสวยทั้งรวยไม่จำเป็นต้องไปแย่งผู้ชายของใคร” ณัฐมลเตือนสติเพื่อน
“ฉันรู้หรอกน่าใบตอง คนอย่างฉันก็มีศักดิ์ศรีพอ ฉันไม่ไปแย่งของรักของห่วงของใครหรอก แต่ถ้าใครมาแย่งของฉันเป็นอันเห็นดีกัน”
“แกก็พูดไปเรื่อยเปียโน อย่างกับแกมีแฟนนั่นแหละ รุ่นพี่มาจีบตั้งหลายคนก็ไม่เห็นแกจะสนใจใคร”
“ก็สเปกฉันต้องอายุมากกว่าไงล่ะ”
“อย่างอาจารย์ไนท์น่ะเหรอ” เจนิสาถามย้ำเพื่อความแน่ใจ
“อือ อย่างอาจารย์ไนท์เนี่ยใช่เลย คะแนนเต็มสิบฉันให้ร้อยเลยนะ”
“แกก็เว่อร์เกินไปแล้ว”
“ฉันพูดจริงนะเจน ยังไม่เคยมีใครที่ทำให้ฉันรู้สึกชอบได้เท่าอาจารย์ไนท์เลย เขาทำให้หัวใจฉันเต้นแรง วันนี้ฉันเรียนแทบไม่รู้เรื่อง”
“ก็แกเอาแต่จ้องหน้าอาจารย์นี่จะเรียนรู้เรื่องได้ยังไง”
“ฉันอยากให้ถึงวันเสาร์หน้าเร็วๆ จังเลย” สุพิชฌาย์พูดไปยิ้มไปดวงตากลมโตเป็นประกายระยิบระยับเมื่อนึกถึงใบหน้าหล่อของอาจารย์หนุ่ม
“นี่เราเพิ่งเลิกเรียนได้ไม่ถึงยี่สิบนาทีเองนะ แกจะให้มันถึงวันเสาร์เหรอยัยเปียโน มันเกินไปแล้ว” ณัฐมลพูดพลางหัวเราะ
“เหลืออีกตั้งหนึ่งอาทิตย์ฉันจะทนคิดถึงเขาไหวไหมนะ”
“เป็นเอามากนะแก ฉันว่าไปกินข้าวกันก่อนดีกว่านะฉันหิวแล้ว” เจนิตาตัดบทเพราะถ้าคุยกันต่อสุพิชฌาย์ก็คงเวิ่นเว้อไม่เลิก
ตลอดหนึ่งสัปดาห์ต่อมาไม่มีวันไหนเลยที่สุพิชฌาย์ไม่พูดถึงอาจารย์ปณัยกร หญิงสาวรอคอยให้ถึงวันเสาร์เพราะอยากจะเจอหน้าอาจารย์อีกครั้ง
เธอยังไม่ได้สอบถามไปทางอาจารย์ทรงวุฒิเพราะตอนนี้อาจารย์ยังพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลและเธอก็ไม่อยากจะรบกวนเวลาของท่าน
“พวกแกพรุ่งนี้ก็วันเสาร์แล้วฉันตื่นเต้น” สุพิชฌาย์พูดกับเพื่อนเย็นวันศุกร์ขณะเลิกเรียนวิชาสุดท้าย
“ก็แค่วันเสาร์จะตื่นเต้นทำไมหรือชอบที่มาเรียนในวันหยุด”
“ก็ต้องชอบสิเพราะฉันได้มีเวลาอยู่กับอาจารย์ไนท์ตั้งสาม ชั่วโมงเชียวนะเจน” สุพิชฌาย์ตอบด้วยสีหน้าระรื่นเธอดีใจที่จะได้เจอกับเขาอีกครั้ง
“แกก็เพ้อฝันเหมือนกันนะเปียโน พูดมาได้ว่ามีเวลาอยู่กับอาจารย์สามชั่วโมงทำอย่างกับอยู่กันตามลำพังสองคนนั่นแหละ ลืมไปหรือเปล่ามีเพื่อนนักเรียนอีกเต็มห้อง”
“ฉันไม่สนใจคนอื่นหรอกนะ ฉันสนใจแค่ฉันกับอาจารย์”
“แกคงมองพวกฉันเป็นอากาศธาตุเลยใช่ไหม”
“มันก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกใบตองแต่มันเป็นเวลาที่ฉันจะเก็บเกี่ยวความสุขให้กับตัวเอง”
“เฮ้อ!....เพื่อนเราเป็นเอามากๆ ไม่ใช่ว่าพรุ่งนี้รีบมาเรียนแต่เช้าเพื่อจะจองโต๊ะด้านหน้าสุดนะ”
“ใครจะนั่งหน้ากันล่ะ ต้องนั่งแถวที่สองเพราะจุดนั้นอาจารย์จะเห็นชัดที่สุด” เธอตอบอย่างมั่นใจเพราะไปถามมารดาที่เคยเป็นอาจารย์มาแล้วว่าเวลาสอนชอบมองบริเวณไหนบ่อยที่สุด
“ฉันว่าครั้งนี้เปียโนมันเป็นเอามากนะ เผื่อใจไว้หน่อยก็ดีนะ อาจารย์เขาคงไม่มองนักศึกษาอย่างเรา”
“แกอย่าทำให้ฉันเสียกำลังใจสิใบตอง ถึงวันนี้ไม่มองแต่วันต่อไปมันก็ไม่แน่ คอยดูนะฉันจะต้องหาทางใกล้ชิดกับอาจารย์ไนท์มากกว่านี้ให้ได้”
“นี่แกวางแผนจะทำอะไรเหรอเปียโน อย่าคิดทำอะไรที่แผลงๆ นะ”
“ตอนนี้ยังคิดไม่ แต่เดี๋ยวก็คิดออกเองนั่นแหละ”
“แกจะทำอะไรก็ตามใจแกเลย แต่อย่าลืมนะว่าแกยังเป็นนักศึกษาอยู่ระวังด้วยเดี๋ยวจะเสียไปถึงพ่อกับแม่” ณัฐมลเตือนเพื่อนด้วยความหวังดี
“รู้แล้วน่าใบตองฉันไม่ทำอะไรให้เสียไปถึงพ่อกับแม่หรอก ถ้างั้นขอตัวกลับก่อนนะ”
“แล้วคืนนี้อย่าลืมนะที่เรานัดกันไว้ ฉันนัดกลุ่มยัยน้ำหวานไว้ด้วยนะ ไปกันหลายคนน่าจะสนุกดี”
“เชิญพวกแกตามสบายเถอะฉันจะรีบพักผ่อนพรุ่งนี้ตื่นมาหน้าตาจะได้สดชื่น ขอบตาไม่คล้ำอาจารย์เห็นว่าฉันสวยกว่าใคร”
“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าสาวสายปาร์ตี้อย่างแกจะพลาดการไปกินเหล้ากับพวกเรา แล้วจะเอาเวลาไปนอนพักผ่อน” เจนิสตาพูดแล้วหัวเราะเพราะปกติแล้วคนที่ชวนไปดื่มเหล้าหรือไปเที่ยวกลางคืนมักจะเป็นสุพิชฌาย์มากกว่า
“ปล่อยให้เปียโนเพ้อฝันไปคนเดียวเถอะเราสองคนก็รีบกลับหอดีกว่า” ณัฐมลชวนเจนิตากลับหอพักที่อยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยซึ่งทั้งสองคนพักด้วยกันตั้งแต่เรียนปีหนึ่ง
“แล้วเจอกันพรุ่งนี้นะ” เจนิตาโบกมือให้เพื่อน
“อือ แล้วเจอกัน”
สุพิชฌาย์แยกกับเพื่อนหน้าอาคารเรียนจากนั้นหญิงสาวก็ขับรถคันเล็กของตนเองกลับที่บ้านซึ่งอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัย บิดามารดาของเธอเป็นเจ้าของมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งนี้และบริหารงานมานานตั้งแต่สมัยคุณปู่คุณย่า
“สวัสดีค่ะพ่อสวัสดีค่ะแม่” หญิงสาวทักทายบิดามารดาที่กำลังนั่งคุยกันอยู่บริเวณห้องรับแขก
“เปียโนวันนี้กลับเร็วนะลูก”
“หนูเลิกเรียนก็รีบกลับบ้านเลยค่ะ หนูเป็นเด็กดีใช่ไหมคะ” หญิงสาวกอดแขนบิดาอย่างประจบ
“พ่อรู้ว่าลูกสาวพ่อเป็นเด็กดี พ่อกับแม่ว่าเย็นนี้จะไปเยี่ยมอาจารย์ทรงวุฒิสักหน่อยเห็นว่าตอนนี้ออกจากห้องไอซียูมาอยู่ห้องพักฟื้นแล้วหนูจะไปกับพ่อด้วยไหม”
“ลูกสาวกลับมาในเหนื่อยๆ ให้ลูกพักเถอะ แล้วคืนนี้ก็คงต้องออกไปปาร์ตี้กับเพื่อนอีกอย่าไปกวนเวลาวัยรุ่นเลย”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะแม่หนูก็อยากไปเยี่ยมอาจารย์ทรงวุฒิเหมือนกันค่ะ”
“แล้วคืนนี้จะไม่ออกไปเที่ยวกับเพื่อนอีกหรือเปล่า” คุณวิมลวรรณถามลูกสาวเพราะปกติเธอจะออกไปเที่ยวกับเพื่อนในคืนวันศุกร์ ซึ่งเธอเคยห้ามอยู่หลายครั้งแต่เธอก็ไม่ฟังจนสุดท้ายก็เลิกห้าม
“คืนนี้คงไม่ไปค่ะ พรุ่งนี้หนูมีเรียน”
“หนูมีเรียนวันเสาร์ด้วยเหรอเปียโน” เธอวันถามลูกสาวด้วยความแปลกใจเพราะเสาร์ที่แล้วเธอไม่อยู่บ้านจึงไม่รู้ว่าลูกสาวของตนเองนั้นออกไปเรียนกับอาจารย์พิเศษที่จ้างมาสอนแทนอาจารย์ทรงวุฒิที่ประสบอุบัติเหตุและนอนอยู่ที่โรงพยาบาล
“มีค่ะแม่ ก็อาจารย์พิเศษที่มาสอนแทนอาจารย์ทรงวุฒิเขาว่างเฉพาะวันเสาร์ค่ะ”
“แล้วเขาสอนดีไหมเปียโน” คุณสุชาติถามลูกสาวเพราะทางมหาวิทยาลัยยังไม่เคยจ้างอาจารย์ท่านนี้มาสอนเลยสักครั้งแต่ครั้งนี้ที่จ้างก็เพราะอาจารย์ทรงวุฒิเป็นคนแนะนำ
“ก็ดีค่ะพ่อลักษณะการสอนคล้ายๆ กับอาจารย์ทรงวุฒิเลยค่ะพ่อ”
“แล้วเพื่อนของหนูโอเคกับอาจารย์พิเศษคนนี้ไหม”
“ก็โอเคนะคะโดยเฉพาะเพื่อนผู้หญิง”
“ทำไมล่ะ” คุณวิมลวรรณที่นั่งฟังอยู่ถามลูกสาว
“ก็อาจารย์คนนี่หล่อมากค่ะแม่ เพื่อนๆ ก็เลยชอบและอยากเรียนกับอาจารย์ค่ะ”
“แล้วลูกสาวของแม่ล่ะชอบอาจารย์คนนี้หรือเปล่าเขาชื่ออาจารย์อะไรนะ”
“เขาชื่ออาจารย์ปณัยกรค่ะ แต่เขาให้พวกหนูเรียกว่าอาจารย์ไนท์ค่ะ” หญิงสาวไม่ตอบมารดาว่าชอบอาจารย์คนใหม่หรือเปล่าเพราะกลัวว่าจะทำให้เขามีปัญหา
“พ่อว่าพวกเราอย่าเสียเวลาคุยกันเลย รีบไปเยี่ยมอาจารย์ทรงวุฒิดีกว่าพ่อไม่อยากไปถึงค่ำมันจะรบกวนเวลาพักผ่อน เยี่ยมเสร็จแล้วจะได้ไปหาของกินอร่อยๆ”
“ได้ค่ะพ่อ”
“แล้วหนูจะเปลี่ยนชุดก่อนไหมล่ะเปียโน”
“ไม่เป็นไรค่ะแม่หนูไปชุดนี้ก็ได้”