มันลืมยาก

1543 คำ
น่านนทีเดินตามเจ้าของบ้านเข้ามานั่งในห้องรับแขกขณะที่หญิงสาวเดินไปหยิบเครื่องดื่มและผลไม้ในตู้เย็นมาวางให้กับเขาตรงหน้าก่อนจะนั่งโซฟาอีกตัวหนึ่ง “อีฟคงไม่รบกวนเวลาคุณใช่ไหมคะ” “ไม่หรอกครับ ผมเองก็มีเรื่องจะคุยกับคุณเหมือนกันค่ะ” “คุณน่านจะคุยอะไรกับอีฟเหรอคะ” อรณิชาถามพลางมองหน้าชายหนุ่ม เธอกำลังกลัวว่าเขาจะพูดเรื่องในอดีตเพราะเธอไม่ได้เตรียมใจมาก่อนว่าการกลับมาเมืองไทยครั้งนี้จะมาเจอกับเขา “เราจะคุยกันแบบนี้จริงๆ ใช่ไหมอีฟ” “คุณหมายถึงอะไรคะ” “ผมว่าคุณรู้นะว่าผมหมายถึงอะไร ทำไมต้องทำเหมือนไม่เคยรู้จักกับผมก่อนทั้งที่แต่ก่อนก็เคยสนิทกันมาก” “ก็นั่นมันเป็นเรื่องในอดีตค่ะ คุณน่านอย่าพูดถึงมันอีกเลยนะคะ” “ถ้าไม่อยากให้ผมพูดถึงมันคุณก็บอกเหตุผลมาก่อนสิว่าทำไมถึงทิ้งผมไปมันคาใจผมมากที่จู่ๆ คุณก็หายไปจากชีวิตผมโดยไม่บอกอะไรเลย” “เรื่องมันผ่านมาแล้วคุณจะถามให้มันได้อะไรขึ้นมาเหรอคะ” “คุณช่วยบอกผมได้ไหมล่ะว่าผมทำอะไรผิดพลาดหรือไม่ดีตรงไหนคุณถึงทิ้งผมไปแบบนั้น อธิบายให้ผมเข้าใจหน่อยได้ไหม” “เรื่องมันผ่านมาแปดปีแล้วอีฟไม่อยากรื้อฟื้นอดีตหรอกค่ะ” “คุณใจร้ายเกินไปแล้วนะ คุณจากไปโดยไม่บอกลาแล้วกลับมาอีกครั้งเหมือนไม่เคยเกิดอะไรขึ้นเหมือนเราไม่เคยคบกันไม่เคยรักกันหรือเวลาหนึ่งปีที่นี่เราคุยกันมันไม่มีความหมายสำหรับคุณเลย” “มันก็ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะตอนที่เราคบกันเรายังเด็กมาก อีฟก็แค่ย้ายตามพ่อแม่ไปอยู่ต่างประเทศมันก็แค่นั้น” “จริงๆ เหรอ” “ก็จริงสิ” “แล้วทำไมถึงไม่ติดต่อกลับมาล่ะ หรือไปอยู่ที่นู่นคุณก็ลืมเรื่องของเลยเหรออีฟ คุณลืมมันง่ายๆ เลยเหรอ” “มันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะลืมง่ายหรอกนะคะแต่อีฟคิดว่าติดต่อมามันก็ไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย ยังไงอีฟก็ต้องใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นกับพ่อแม่แล้วเราจะคบกันต่อได้ยังไง” “คุณก็เลยเลือกใช้วิธีเงียบหายไปโดยไม่บอกอะไรเหรอ” “แล้วคุณจะให้อีฟทำยังไง” “คุณก็น่าจะติดต่อผมมาบ้างบอกผมว่าอยู่ที่ไหนสบายดีหรือเปล่าไม่ใช่เงียบหายไปแบบนั้น” “ตอนไปถึงอเมริกาแรกๆ อีฟก็อยากจะติดต่อคุณมาหรอกนะ แต่อีฟทำซิมการ์ดหายและไม่รู้จะไปขอเบอร์คุณจากใครเพราะการคบกันของเรามันเป็นความลับ” “แต่ก็ยังมีโซเชียลนะอีฟ เหตุผลของคุณมันฟังไม่ขึ้นเลยผมว่าคุณน่าจะอยากเลิกกับผมมากๆ เลยใช้โอกาสที่ย้ายไปอยู่กับพ่อแม่ตัดความสัมพันธ์ของผมใช่ไหม” น่านนทีไม่เชื่อเหตุผลที่หญิงสาวบอกเลยสักนิด เขาคิดว่ามันต้องมีเหตุผลอื่นเพียงแต่เธอไม่ยอมพูดความจริงกับเขา “คุณอยากจะคิดอะไรก็คิดไปเถอะค่ะคุณน่าน เพราะยังไงตอนนี้เราสองคนก็เลิกกันแล้วเรื่องนั้นมันเป็นอดีตและฉันไม่อยากจะพูดถึงมันอีก” “ผมก็คิดว่ามันเป็นเรื่องในอดีตสำหรับผมมันลืมยากมากนะ ผมพยายามจะลืมแต่พอคุณกลับมามันก็เลยทำให้ผมกลับไปนึกถึงเรื่องเก่า” “คุณน่านคะ อีฟว่ามันไม่มีประโยชน์อะไรเลยที่เราจะพูดถึงเรื่องนั้นอีก ตอนนี้อีฟแต่งงานละมีครอบครัวไปแล้ว และหวังว่าคุณจะลืมทุกอย่างได้และเริ่มต้นใหม่กับใครสักคน” “ผมก็หวังว่ามันจะเป็นอย่างนั้น แต่ระหว่างที่คุณกลับมาอยู่เมืองไทยเราสองคนจะคุยกันได้ใช่ไหม” “ได้คะเรามาเริ่มต้นรู้จักกันใหม่ในฐานะที่ฉันเป็นลูกค้าส่วนคุณก็เป็นเจ้าของบริษัทดีกว่าไหม” “ถ้าคุณคิดแบบนั้นผมก็ตกลงตามนั้น หวังว่าระหว่างที่คุณกลับมาอยู่เมืองไทยเราจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้ใช่มั้ย” “ใช่ค่ะเราจะไม่พูดถึงเรื่องในอดีตเพราะฉันเองก็อยากจะลืมเรื่องนั้นเหมือนกัน” “คุณบอกว่าอยากจะลืมแสดงว่าตอนนี้คุณยังไม่ลืมใช่ไหมล่ะ บอกผมมาสิอีฟว่าคุณไม่เคยลืมเรื่องของเราคุณยังรู้สึกกับผมเหมือนเดิมใช่ไหม” “คุณคิดเข้าข้างตัวเองเกินไปแล้วคุณน่านฉันจะไปรู้สึกอะไรกับคุณได้ยังไงฉันแต่งงานมีครอบครัวแล้วนะ” หญิงสาวย้ำคำว่าครอบครัวเพราะอยากจะให้น่านนทีตัดใจ “นั่นสินะผมคงบ้าไปเองที่คิดว่าคุณยังไม่ลืมเรื่องของเราทั้งที่มันผ่านมานานมากแล้ว ถ้างั้นผมขอตัวกลับก่อนแล้วกันนะ” “ขอบคุณมากนะคะสำหรับความช่วยเหลือในวันนี้” อรณิชาเดินตามมาส่งเขาที่จากนั้นล็อกประตูรั้วก่อนจะเดินกลับเข้าไปในบ้านตอนนี้เธอรู้สึกสับสนมากๆ เพราะไม่คิดมาก่อนเลยว่าการได้กลับมาเจอกับอดีตคนรักอีกครั้งการเจอหน้าครั้งแรกในรอบแปดปีทำให้รู้สึกหวั่นไหว เรื่องระหว่างเธอกับเขาตอนที่เรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่หกนั้นอรณิชายังจำได้ดีทุกอย่างมันเป็นช่วงเวลาที่เธอมีความสุขมากในทุกวันหญิงสาวอยากจะตื่นเช้าเพื่อไปโรงเรียนและไปเจอกับเขาทั้งสองแอบคบกันโดยไม่มีใครรู้และมักจะนัดไปอ่านหนังสือด้วยกันที่ห้องสมุดต่างฝ่ายต่างเป็นกำลังใจให้กันและกัน ในวันที่เขารู้ตัวว่าสอบติดคณะวิศวกรรมศาสตร์หญิงสาวดีใจกับเขามากๆ และเขาก็สัญญากับเธอว่าถ้าหากเรียนจบแล้วจะออกแบบบ้านในฝันและถามเธอว่าต้องการบ้านแบบไหนตอนนั้นอรณิชาก็อธิบายไปตามที่ตนเองอยากจะได้ แต่ไม่คิดเลยว่าชายหนุ่มยังจะจำทุกอย่างและเขาก็ทำมันได้สำเร็จแม้จะไม่ใช่บ้านหลังใหม่ที่สร้างขึ้นแต่ทุกอย่างมันก็เป็นเหมือนที่เธอฝันไว้ ส่วนตัวเธอยอมรับว่าทำผิดกับน่านนทีค่อนข้างมากในตอนนั้นเธอรู้ว่าตัวเองจะต้องย้ายมาเรียนต่อกับบิดามารดาที่อเมริกาแต่ก็ไม่ได้บอกเขา เหตุผลที่ไม่ยอมบอกเพราะเธอกลัวเขาจะเสียสมาธิกับการตั้งใจสอบเข้าเรียนมหาวิทยาลัยแต่พอรู้ว่าเขาสอบได้แล้วเธอก็ยังไม่กล้าบอก หญิงสาวคิดไปเองว่าเมื่อตนเองย้ายกลับไปอยู่กับบิดามารดาแล้วชายหนุ่มจะลืมเธอได้และเธอเองก็จะลืมเขาได้เหมือนกัน ระยะเวลาผ่านไปนานถึงแปดปีอรณิชาคิดว่าตัวเองลืมผู้ชายคนนี้ได้แล้ว เธอไปใช้ชีวิตไปแต่งงานสร้างครอบครัวใหม่แต่ในใจลึกๆ ก็ยังคิดถึงวันเก่าๆ และยิ่งได้มาเจอกันแบบนี้มันก็ทำให้อรณิชารู้ ว่าตัวเองไม่เคยลืมน่านนทีได้เลย แต่เรื่องระหว่างเธอกับเขามันก็เป็นไปมากกว่าเพื่อนไม่ได้ในเมื่อเธอแต่งงานมีครอบครัวไปแล้ว ถ้าหากย้อนเวลากลับไปได้อรณิชาก็คงเลือกเรียนอยู่ที่เมืองไทยแต่ตอนนั้นเธอเลือกได้ไม่มากนักเพราะคุณยายจะต้องย้ายกลับไปอยู่กับคุณน้าที่ต่างจังหวัดเนื่องจากท่านแก่มากแล้วและสุขภาพไม่ค่อยดีและอรณิชาคงดูแลท่านคนเดียวไม่ไหว บิดามารดาของเธอจึงมารับเธอไปเรียนต่อที่อเมริกา ตอนนั้นเธออยากจะบอกลาเขามากๆ แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นพูดเธอคิดว่าระยะเวลาที่ห่างกันน่าจะทำให้ทุกอย่างมันเลือนหายไปแต่มันกลับตรงกันข้าม ยิ่งได้กลับมาเจอกันแบบนี้ภาพความทรงจำในอดีตมันก็ชัดเจนมากขึ้นจนแทบอยากจะย้อนเวลากลับไปจุดเดิม แต่ในเมื่อมันเป็นแบบนั้นไม่ได้อรณิชาเลยคิดว่าจากนี้จะมองเขาเป็นแค่เพื่อนคนหนึ่งและจะต้องลืมเรื่องในอดีตให้หมดแม้ว่ามันจะยากแต่เธอก็จะพยายามทำเพราะถ้าหากยังคิดกับเขามากกว่าเพื่อนมันก็เหมือนกับเธอกำลังทรยศกับอเล็กซ์ผู้เป็นสามี
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม