ภายในภัตตาคารหรูที่ชื่อว่า ‘ซันไชน์’ พนักงานต่างกำลังวุ่นวายเพราะว่าวันนี้ลูกค้าต่างเข้ามาใช้บริการกันอย่างคับคั่ง ซันไชน์ตั้งอยู่ในแมนฮัตตันซึ่งเป็นศูนย์กลางทั้งเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมของรัฐนิวยอร์กแห่งนี้ ซึ่งเคยมีคนถึงกับบอกว่าคำว่ามหาครนิวยอร์กนั้นแท้จริงแล้วหมายถึงแมนฮัตตันนี่เอง
บริเวณด้านหลังภัตตาคาร อรนลินกำลังก้มหน้าก้มตาทำงานในมือของตนเองอย่างแข็งขัน หญิงสาวเป็นพนักงานเสิร์ฟที่ภัตตาคารแห่งนี้มาได้สองสามปีแล้ว โดยเจ้าภัตตาคารคือ 'มิสซิสสเตซี่ บราวด์' จะมาคุมงานที่นี่แทบทุกวัน มาดามสเตซี่เป็นหญิงวัยสี่สิบกว่าที่แม้ใครๆ จะบอกว่าหล่อนดุและเฮี้ยบ แต่สำหรับอรนลิน มาดามสเตซี่ถือเป็นคนดีมีน้ำใจคนหนึ่งเลยทีเดียว
“ฉันไม่อยากจะคิดเลยว่าเราจะได้เห็นมาร์คัส ฟาวเลอร์ตัวเป็นๆ ที่นี่!”
'แซนดร้า' เพื่อนสาวชาวอเมริกันที่ทำงานที่เดียวกันวิ่งมาเกาะเคาน์เตอร์ที่อรนลินยืนอยู่แล้วทำตาลอยเคลิ้มฝัน แม้หล่อนจะเห็นมาร์คัสมาหลายครั้งแล้ว แต่ชายหนุ่มก็ดูมีเสน่ห์ดึงดูดเสียจริง ไม่ว่าจะมองมุมไหน มาร์คัส ฟาวเลอร์ ก็เป็นผู้ชายที่หล่อนอยากจะใช้ชีวิตบนเตียงตลอดวันตลอดคืนเลยทีเดียว
อรนลินนิ่วหน้ากับคำพูดของเพื่อนสาวผมบลอนด์ รู้สึกว่าเพื่อนของตนเองออกจะคลั่งผู้ชายคนนี้มากเกินไปหน่อย
“อย่าเพ้อเจ้อน่าแซนดร้า รีบๆทำงานได้แล้ว” อรนลินพูดเกือบกึ่งรำคาญ เพราะทุกครั้งที่มาร์คัสพาคู่ควงสาวสวยของเขามาเยือนภัตตาคารแห่งนี้ แซนดร้าเป็นออกอาการทุกครั้ง ทั้งที่รู้ดีว่าตนเองไม่มีทางและไม่มีวันได้ไปนั่งตรงข้ามกับเขาอย่างเด็ดขาด
“แหม...อร! เธอนี่ช่างไม่รู้จักหาความสุขใส่ตัวเสียเลย สายตาน่ะหัดมองอย่างอื่นนอกจากงานกับเงินบ้างจะได้ไหม” แซนดร้าค้อนขวับ ไม่เข้าใจเพื่อนสาวจริงๆ เลยว่าวันๆ เอาแต่มุดหัวทำงานอยู่ได้ อรนลินไม่เคยสนใจใครคืออะไรรอบข้างเลยนอกจากงานกับเงิน นี่ดีนะที่หล่อนยังพอมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนฝูงบ้าง แต่ถึงอย่างนั้นผู้คนที่ทำงานที่นี่ต่างก็เรียกหล่อนว่าแม่นางฟ้าน้ำแข็ง ด้วยรูปร่างผอมบาง ดวงหน้าสวยหวานเพราะความลงตัวระหว่างสองเชื้อชาติ หล่อนขยันทำงาน หนักเบาเอาสู้ และเป็นคนดี หากแต่ความสามารถด้านความสัมพันธ์กับผู้คนกลับติดลบ อรนลินแทบจะคบเพื่อนฝูงอยู่ไม่กี่คน และแต่ละคนก็เป็นผู้หญิงทั้งนั้น ส่วนพวกผู้ชายนะเหรอ แม่เจ้าประคุณไม่เอาน้ำสาดไล่ก็ดีเท่าไหร่แล้ว
เหมือนแซนดร้าจะจำได้ อรนลินบอกว่าแม่ที่เป็นชาวไทยสอนไว้... ให้หล่อนรักนวลสงวนตัว คราแรกที่ได้ฟังสาวอเมริกันอย่างหล่อนถึงกับตาโต ไม่ใช่ว่าหล่อนเข้าขั้นฟรีเซ็กซ์ แต่แซนดร้าก็ไม่เข้าใจว่า...การมีเซ็กซ์ซึ่งเป็นหนึ่งในธรรมชาติของมนุษย์นั้นเป็นเรื่องร้ายแรงสำหรับแม่ของอรนลินเชียวหรือ อย่างน้อยมันก็คือการแสดงความรักกับคนที่หล่อนรักแซนดร้าคิดเช่นนั้น
“ถ้าไม่มองงานกับเงิน ฉันกับแม่ก็อดตายสิจ๊ะ” เสียงหวานๆ ของอรนลินเอ่ยตอบโต้อย่างเสียมิได้ หล่อนโบกมือไล่เพื่อนสาวที่มัวแต่นิ่งคิดอะไรไม่รู้อีกครั้ง “ไปๆ รีบๆ ทำงานกันได้แล้ว”
“เฮ้อ...เมื่อไหร่เธอจะเลิกทำตัวเหมือนหุ่นยนต์ซะทีนะอรนลิน” แซนดร้าส่ายหน้ากับท่าทางไม่สนใจอะไรนอกจากงานตรงหน้าของเพื่อน “เอ...จะว่าไปฉันว่าผู้หญิงอย่างเธอมันน่าจะได้ลองไปใช้ชีวิตอยู่บนเตียงกับมาร์คัสรูปหล่อดูสักทีนะ เผื่อว่าพ่อคาสโนว่าจะใช้ไฟในตัวเขาละลายน้ำแข็งของเธอได้”
ตอนท้ายหล่อนหัวเราะคิกคักยามเมื่อคิดภาพอรนลินเผชิญหน้ากับ มาร์คัส ฟาวเลอร์ ถึงแม้หล่อนจะรู้ว่ามันไม่มีวันเป็นไปได้ แต่แค่วาดภาพแซนดร้าก็รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกที่จะมีใครสักคนมาละลายน้ำแข็งออกจากหัวใจเพื่อนสาว คนนี้
หากคนฟังกลับเงยหน้าขึ้นมองอย่างไม่ชอบใจ คิ้วเรียวสวยสีน้ำตาลเข้ม สีเดียวกับสีผมขมวดมุ่น ดวงตาสีน้ำตาลจ้องเขม็ง แววตาบ่งบอกถึงความรำคาญที่อีกฝ่ายเอาแต่ชวนคุย “หยุดล้อเล้นได้แล้วน่าแซนดร้า เกิดมาดามมาเห็นว่าเราอู้งานแอบคุยกัน โดยตัดเงินไม่รู้จริงๆ ด้วย”
ตอนท้ายหล่อนขู่เพื่อนสาวโดยอ้างชื่อผู้จัดการมาอ้าง ถึงแม้มาดามสเตซี่จะใจดี แต่หล่อนเป็นคนดุและเนี้ยบ การมาพบเห็นว่าพนักงานในร้านแอบอู้งานมาคุยกันเช่นนี้ พวกหล่อนทั้งคู่อาจโดนตำหนิได้
“จ้า...”
แซนดร้ารับคำกึ่งประชด แล้วผละจากอรนลินโดยไม่คิดอะไรมากนัก...ด้วยรู้นิสัยกันดีว่าอรนลินเป็นคนจริงจังกับงานมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
“อร ช่วยไปเทกแคร์โต๊ะวีไอพีแทนฉันที...ไม่ไหวแล้วจริงๆ”
หลังจากแยกย้ายกันไปทำงานไม่ถึงครึ่งชั่วโมง แซนดร้าก็รีบวิ่งมาประกบอรนลินที่เพิ่งเสิร์ฟอาหารลูกค้าเสร็จ หญิงสาวขมวดคิ้วเมื่อเห็นใบหน้าซีดเซียวของแซนดร้า ที่ตอนนี้ควรจะไปเทกแคร์ลูกค้าวีไอพีอยู่ต่างหาก
“เป็นอะไรไปแซนดร้า” หล่อนถามอย่างนึกสงสัย
แซนดร้าเอามือกุมท้อง งอตัวนิดหน่อยแล้วบอกกับอรนลินน้ำเสียงค่อนข้างรัวเร็วว่า
“ปวดท้องมากเลย นะๆ ถือว่าช่วยกันหน่อย” ตอนท้ายหล่อนพูดเสียงราวกับขอร้อง ทำให้อรนลินชั่งใจ ถึงแม้ลูกค้าโต๊ะที่หล่อนรับผิดชอบจะกลับไปแล้วก็ตาม
“เอ่อ...”
“ขอบใจมากเลย แล้วเดี๋ยวฉันจะตอบแทนเธอทีหลังนะ”
หากแซนดร้าไม่ปล่อยโอกาสให้เพื่อนปฏิเสธ หญิงสาวพูดรวบรัดแล้วตรงดิ่งไปหลังร้านทันที ทิ้งให้อรนลินได้แต่มองตามอย่างไม่ชอบใจ
แม้จะไม่เต็มใจ หากสุดท้ายอรนลินก็ทำตามที่แซนดร้าขอร้อง หญิงสาวตรงไปยังโต๊ะวีไอพีที่ว่าแล้วก็พบว่าเป็นโต๊ะของมาร์คัส ฟาวเลอร์ และคู่ควงสาวคนล่าสุดนี่เอง หากจำไม่ผิดหญิงสาวคนนี้คือทีโอน่า นางแบบสาวที่กำลังมาแรงในขณะนี้
อรนลินไปยืนประจำโต๊ะเพื่อคอยอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าวีไอพีอย่างมาร์คัสที่หล่อนเห็นเขามาใช้บริการที่ภัตตาคารที่หล่อนทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟอยู่บ่อยๆ แต่คู่ควงที่เขาควงมาแต่ละคนนั้นไม่ซ้ำหน้ากันเลย หากน่าแปลก...นี่เป็นครั้งแรกที่หญิงสาวได้มาทำงานเสิร์ฟให้กับเขา และแน่นอนว่านี่เป็นครั้งแรกที่หล่อนได้เห็นเขาอย่างใกล้ชิดเช่นกัน
มาร์คัสในสายตาของอรนลินมีใบหน้าคมคาย ดวงตาของมาร์คัสเป็น สีอำพันเจือทองสวย จมูกโด่งเป็นสัน ไล่ลงมายังริมฝีปากหยักหนา กรามแกร่งรับกับรูปคางบึกบึนสมกับเป็นชายชาตรี ใบหน้าของมาร์คัสยามเขาไม่มีรอยยิ้มประดับให้ความรู้สึกหล่อร้าย แข็งกระด้าง และไร้หัวใจ
อรนลินเหลือบตามองลูกค้าคนสำคัญของร้านอีกครั้ง คราวนี้หญิงสาวลอบพินิจมองรูปร่างสูงใหญ่ เรือนกายแกร่งนั้นถูกห่อหุ้มด้วยอาภรณ์หรูหราราคาแพง สูทสีดำสนิทของเขาแนบลำตัวขับเน้นสรีระแสนเร้าใจหญิงสาวของเขาให้ดู น่าหลงใหล ไหล่หนากว้างและแผงอกแกร่งน่าซบนั่นตรึงสายตาอรนลินให้วนเวียนมองมันโดยมิอาจถอดถอนสายตาได้
แล้วหญิงสาวก็ต้องหลุบเปลือกตาลง เมื่อแวบหนึ่งสายตาของหล่อนประสานกับมหาเศรษฐีหนุ่มตรงหน้า เหมือนเขาจะจับได้ว่าอรนลินแอบมองเขาอยู่ ทำให้หล่อนรีบก้มหน้างุดเพราะรู้ตัวว่าตนเองกำลังเสียมารยาทกับลูกค้าคนสำคัญของภัตตาคาร
สายตาของมาร์คัสที่ตวัดมองหล่อนแวบหนึ่งนั้นให้ความรู้สึกสะท้านไป ทั้งร่าง...มันเป็นสายตาแปลกๆ ที่หล่อนตีความไม่ออก แต่ที่แน่ๆ...มันมีความดูถูกปะปนอยู่ในนั้น ใบหน้างดงามร้อนผ่าวรู้สึกอับอายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในชีวิต แม้จะเคยถูกใครอื่นดูถูกมานับไม่ถ้วน แต่ไม่เคยมีสายตาของใครทำให้สะท้านได้เท่ากับสายตาของมาร์คัส ฟาวเลอร์
หญิงสาวหวนคิดถึงฉายาที่บรรดาสื่อของนิวยอร์กตั้งให้กับผู้ชายคนนี้
เทพบุตรคนบาป
แม้เขาชอบบริจาคเงินให้การกุศลปีละหลายล้านเหรียญหากใครๆ กลับต่างขนานนามว่าเขาคือปีศาจในคราบนักบุญ คือซาตานในคราบเทพบุตร และเขา...คือคนสุดท้ายที่คุณไม่ควรเป็นศัตรูด้วยเช่นกัน!
สิ่งนี้ได้รับการพิสูจน์มาแล้ว...ในเกมธุรกิจ มาร์คัสเปรียบเสมือนคนบาปที่พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อให้ตนเองอยู่บนจุดสูงสุดนั้น ไม่ว่าวิธีไหนเขาก็จะทำ นั่นทำให้เขาเหมาะกับฉายานี้อย่างไม่ต้องสงสัย
รูปกายงดงามราวเทพบุตร...หากนิสัยราวกับคนบาป นั่นคือสิ่งที่ประกอบขึ้นเป็นเขา และหล่อนควรจะสำนึกว่าไม่มีทางที่คนอย่างเขาจะปรายตามองผู้หญิงคนละชั้นอย่างหล่อน อรนลินลอบถอนหายใจแล้วตั้งใจทำงานชของตนเองให้ดีที่สุด
มาร์คัสสาบานได้...เขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับผู้หญิงคนไหนมาก่อน
ทันทีที่เห็นใบหน้าหวานแปลกตาของแม่เด็กเสิร์ฟตรงหน้า มาร์คัสรู้สึกเหมือนกับมีกระแสไฟฟ้าแล่นปราดไปทั่วร่าง ยิ่งในยามที่สบกับดวงตาสีน้ำตาล คู่นั้นมาร์คัสรับรู้ถึงความร้อนที่แล่นวาบไปทั่วกายเลยทันที ขนาดที่ว่าแม้แต่ทีโอน่าที่ว่าเร่าร้อนขนาดไหนยังทำให้เขารู้สึกถึงขนาดนี้ไม่ได้
ชายหนุ่มแอบปรายตามองหล่อนเป็นระยะ ใบหน้าของหล่อนดูหวานละมุนแปลกตา มันดูเหมือนเป็นส่วนผสมระหว่างเอเชียและอเมริกัน ซึ่งมาร์คัสไม่รู้ว่าหล่อนเป็นลูกครึ่งประเทศไหน สงสัยคงจะเป็นไม่จีนก็เวียดนามนั่นแหละ รูปร่างผอมบางของหล่อนอยู่ในชุดยูนิฟอร์มสีเทาของภัตตาคาร หล่อนดูไม่สูงเลยเมื่อเทียบกับบรรดาคู่ควงของเขา มาร์คัสเริ่มตระหนัก เขากำลังถูกใจแม่สาวเสิร์ฟนี่น่ะเหรอ? ไม่หรอก...เป็นไปไม่ได้ รสนิยมของเขาไม่ใช่แบบนี้ เขาชอบสาวสูงเพรียวไฟแรงสูง
แล้วที่สำคัญ...เขาไม่ตาต่ำขนาดคิดจะคั่วเด็กเสิร์ฟเด็ดขาด พวกนักข่าวได้ใส่สีตีไข่ข่าวนี้สนุกกันปะไร!
เมื่อคิดได้อย่างนี้ เมื่อมาร์คัสจับได้ว่าสายตาของแม่สาวเสิร์ฟตัวน้อยนี่แอบมองเขาอยู่ เขาจึงตวัดตามองหล่อนด้วยอารมณ์หลากหลายปะปนกัน อารมณ์ที่มาร์คัสคิดว่ามันเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองแต่ทว่าเขาไม่รู้ตัว ภายใต้ท่าทีนั้นดวงตาสีอำพันของเขาฉายแววปรารถนาอย่างแรงกล้าออกมามากเพียงใด