“ผมว่าเราพาลูกส่งโรงพยาบาลก่อนเถอะ” กนธีบอกกับภรรยาด้วยน้ำเสียงสุขุม แม้ในใจจะร้อนรนเป็นห่วงลูกสาวไม่ต่างกัน
“รีบไปเดี๋ยวนี้เลยค่ะคุณ”
กนธีเข้ามาประคองร่างน้อยอุ้มแนบอก แต่ถูกน้ำเสียงที่ปกปิดความขุ่นเคืองไม่มิดของเพ็ญรดีเอ่ยทักทวงขึ้นว่า
“แล้วงานหมั้นล่ะคะจะทำยังไง”
สองสามีอนันตทรัพย์ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนกนธีจะเอ่ยเสียงเรียบว่า
“คงต้องเลื่อนออกไปก่อนครับ” ลูกสาวเขาเป็นลมเป็นแล้งไปกลางพิธีแบบนี้ ใครจะมีกะจิตกะใจนึกถึงเรื่องอื่นได้เล่า ดุจมาตาป่วยเป็นอะไรมากรึเปล่าก็ไม่รู้
“แบบนี้ทางผมค่อนข้างเสียหายนะครับ” วรงค์เอ่ยเสียงขรึม คิดว่าเขาลงทุนจัดงานหมั้นขึ้นมาแค่บาทสองบาทหรืออย่างไรกัน
“ผมขอโทษจริงๆ ครับ” กนธีค้อมศีรษะ แต่สีหน้ายืนยันคำเดิมว่าจะไม่มีพิธีหมั้นต่อไป และเขาต้องการพาลูกสาวไปโรงพยายบาลเดี๋ยวนี้
“ผมว่าเราพักเบรกกันสักครู่ รอให้ตาลฟื้นแล้วเราค่อยกลับมาทำพิธีกันใหม่ดีมั้ยครับ” พีรวิชญ์เสนอทางออกที่คิดว่าดีกับทุกฝ่าย เขาอยากจะหมั้นกับดุจมาตาจริงๆ
ไม่สิ...เขาต้องการแต่งงานกับเธอให้เร็วที่สุด!
“อาเข้าใจความรู้สึกของหลานชายนะ แต่อาอยากให้หลานเข้าใจหัวอกของคนเป็นพ่อเป็นแม่ด้วยเหมือนกัน”
พีรวิชญ์หน้าเปลี่ยนสี ประโยคของกนธีเป็นเชิงขอร้องเขาก็จริง แต่ก็ชัดเจนว่ากำลังเหน็บแนมเขาด้วยที่เอาแต่คำนึงถึงความต้องการของตนและกลัวเสียหน้าในวงสังคมชั้นสูง มากกว่าจะเป็นห่วงแฟนสาวที่เขาย้ำบอกว่ารักนักรักหนา
คิดแล้วก็อดโมโหไม่ได้ ดุจมาตาเป็นลมตอนไหนดันไม่เป็น กลับมาล้มพับไปกลางงานเสียได้ ก่อนจะพยายามเก็บอารมณ์ขุ่นเคืองแทบไม่มิด ชายหนุ่มหันมองหน้าบิดามารดา ส่งสายตาให้พวกท่านหาทางรั้งตัวครอบครัวอนันตทรัพย์เอาไว้จงได้
เพ็ญรดีจึงแทรกตัวเข้ามาหมายจะช่วยพาดุจมาตาไปปฐมพยาบาลที่ห้องก่อน อย่างไรก็จะปล่อยให้พวกอนันตทรัพย์ออกไปจากที่นี่ไม่ได้เด็ดขาด แค่หายาดมยาหอมให้กินให้ดมสักหน่อย ดุจมาตาก็คงจะฟื้นแล้วละ
ทว่าเดินได้แค่ก้าวเดียว รูปร่างเซ็กซี่ไม่หย่อนคล้อยของสาววัยเฉียดห้าสิบที่หมดเงินไปกับสถานเสริมความงามก็ถูกชนจากด้านหลังจนเกือบล้มหัวคะมำ เพ็ญรดีตวัดตามองจิกไอ้อีที่ทำตัวไร้มารยาทกับหล่อนอย่างที่สุด แต่เห็นเพียงแผ่นหลังกำยำและลาดไหล่ผ่าเผยที่ผ่านตัวหล่อนไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้ากนธี สองมือล่ำสันอุ้มเอาร่างอ้อนแอ้นมาแนบอกตัวเอง ก่อนจะเดินอาดๆ ผ่าตรงออกไปโดยไม่สนใจใคร
ดวงตาของคนที่นอนอยู่ในวงแขนของคชาควรจะปิดสนิท แต่มันกลับเปิดปรือมองลอดท้องแขนของเขาไปยังบิดามารดาที่เดินตามมาติดๆ มองไปไกลกว่านั้นก็เห็นสีหน้าหงุดหงิดเกรี้ยวกราดที่เก็บอาการแทบไม่อยู่ของครอบครัวบุญยมาส
ดุจมาตากระตุกยิ้มเย็นชา แววตาเชือดเฉือนคุกรุ่นไปด้วยแรงแค้นที่อยากจะแผดเผาคนชั่วช้าจอมลวงโลกให้มอดไหม้กลายเป็นจุณ โดยเฉพาะชายผู้มีใบหน้าหล่อเหลาอ่อนโยนเป็นอาวุธร้ายใช้ประหัตประหารความรักของเธอให้ขาดสะบั้นลงในชั่วพริบตา
ขอบคุณนะพีรวิชญ์ที่ทำให้ฉันได้เห็นธาตุแท้ของคุณ...
ฉันจะสลักความชั่วของคุณไว้ในใจไม่มีวันลืม และฉันสัญญาว่าตอบแทนความรักของคุณครั้งนี้กลับไปให้เจ็บแสบถึงทรวงเป็นร้อยเท่าพันเท่า
ขอต้อนรับสู่ประตูนรกนะคะ...พีท!
หญิงสาวเหลือบตามองผู้ชายที่โอบอุ้มเธออยู่ในอ้อมอกอย่างถนอม ไม่ได้ซาบซึ้งน้ำใจของคชามากไปกว่าการที่เขาช่วยเปิดโปงธาตุแท้ของคนรักให้เธอตาสว่าง ได้รู้เช่นเห็นแจ้งถึงความจริงใจจอมปลอม แน่นอนว่าเธอจะต้องตอบแทนน้ำใจครั้งนี้ไม่ให้ยิ่งหย่อนไปกว่าสิ่งที่พีรวิชญ์ต้องเจอนับจากนี้
ในเมื่อคชาลากเธอมาพัวพันกับความโสมมที่เจ็บปวด ไม่ว่าจะด้วยจุดประสงค์ใดก็ตาม อย่างนั้นจงล่มหัวจมท้ายไปพร้อมกับเธอจนสุดทางก็แล้วกัน
อย่าคิดว่าเธอจะยอมปล่อยเขาไปง่ายๆ เลย!