เขาพูดพลางคว้ากล่องมาจากมือเธอ เปิดฝาแล้วหยิบแหวนออกมาโชว์ต่อหน้าเธอ ทำให้ดุจมาตาเพิ่งรู้ตัวว่าเผลอหยิบมันติดมือมาด้วย
หญิงสาวกลอกตา หมอนี่ตามจีบผู้หญิงทุกคนแบบนี้รึไง?
“เลิกเล่นบ้าๆ สักที รู้มั้ยว่าวันนี้คุณเกือบทำให้ฉันเสียเรื่อง” เธอต่อว่าเขาอย่างไม่สบอารมณ์
แต่เจ้าตัวกลับไม่ยี่หระ ซ้ำยังเลิกคิ้วถาม
“ทำไม? คุณไม่อยากให้ว่าที่คู่หมั้นรู้ความสัมพันธ์ของเราเหรอ” แววตายั่วเย้าวับวาม เสียงกระซิบดังแผ่วซ่านใจ “หรือคุณชอบแนวหลบๆ ซ่อนๆ อยากจะให้ผมเป็นชู้รัก ผมไม่ติดนะ รักกันแบบลับๆ ก็น่าตื่นเต้นดีเหมือนกัน”
ดุจมาตาอยากจะกรี๊ดใส่หูเขาให้แตกนักเชียว!
“บ้า! ใครเขาอยากจะเป็นชู้กับเพลย์บอยอย่างคุณไม่ทราบ” ไอ้หมอนี่เคยคิดเรื่องอื่นที่สูงกว่าใต้สะดือบ้างรึเปล่า?
“อ้าว...แล้วที่บอกให้ผมไปฉุดเจ้าสาวกลางงานแต่ง ไม่ใช่เพราะคุณอยากจะเป็นผู้หญิงของผมหรอกเหรอ”
เขาถามหน้าตาย ดวงตาคมกริบมีแรงดูดมหาศาลปะปนมากับความอันตราย หากเผลอใจแม้เพียงนิดเดียวคงไม่แคล้วเธอต้องถูกเขาล่อลวงจนไม่อาจต้านทานได้แน่ๆ
หญิงสาวพ่นลมหายใจแรงๆ หมดคำจะพูด ตอนนี้เธออยากขยุ้มหัวเขาหรือไม่ก็หาไม้หน้าสามมาทุบเขาให้น่วม ให้สมกับความยียวนกวนประสาทของเขา
“เอาน่า... ไหนๆ ผมก็เสียเงินไปตั้งสี่ลิบล้านแล้ว ก็ให้แหวนวงนี้ได้ทำหน้าที่ของมันสักหน่อยเถอะ”
คชายิ้มเผล่ ยอมอ่อนข้อ กลัวว่าขืนยิ่งยั่ว จากสาวงามจะกลายเป็นสาวงอม เพราะคุณเธอเล่นตีหน้ายักษ์จนตีนกาแทบจะแย่งกันขึ้นหน้า แบบนั้นเขาคงรู้สึกผิดแย่
ดุจมาตาค้อนเขาวงโต ยังไม่หายอารมณ์เสีย แต่ก็ไม่ถึงขั้นปรี๊ดแตก เธอมองมือเขาที่เอื้อมมากุมมือเธอ เตรียมจะสวมแหวนเพชรเม็ดงาม เห็นแก่ที่เขายอมทุ่มเงินไปมาก จะตามใจเขาสักหน่อยก็แล้วกัน
“เดี๋ยวก่อน! นิ้วนั้นไม่ได้” เธอร้องท้วง เมื่อเขาจะสวมแหวนบนนิ้วนาง
“ทำไมล่ะ แหวนหมั้นก็ต้องสวมนิ้วนาง ถูกต้องแล้วนี่”
“ยังไงก็ไม่ได้ ทำแบบนั้นคนอื่นเขาก็รู้กันหมดน่ะสิ” เธอชักมือกลับ
“รู้ก็รู้ไปสิ หรือคุณอายที่หมั้นกับผม ไม่ใช่ไอ้แฟนเกาหลีของคุณ” คชาถามเสียงขุ่น มือยังยื้อยุดไม่ยอมปล่อยมือเธอ
“คนอื่นฉันไม่สนและไม่แคร์ด้วย แต่ฉันไม่อยากให้ศัตรูของเราไหวตัวทันต่างหากละ”
คำตอบของเธอทำให้คชายิ้มออก เขายอมตามใจสวมแหวนที่นิ้วนางข้างขวาแทน จุมพิตหลังมืออย่างนุ่มละมุนพลางช้อนตามองเธออย่างลึกซึ้ง
“จำเอาไว้ให้ดีว่าคุณคือของผม อย่าให้ผู้ชายคนไหนแตะต้องคุณเด็ดขาด”
ดุจมาตาสบตาเขานิ่งอึ้งไปหลายอึดใจ รู้ทั้งรู้ว่าคชาเป็นพวกชอบพูดจาหมาหยอกไก่ คิดไปก็มีแต่จะทำให้สับสนวุ่นวายใจเปล่าๆ แต่ถึงกระนั้นเธอก็อดใจเต้นแรงไม่ได้อยู่ดี คชาจะรู้ตัวไหมว่ามีความสามารถทำให้คนใจสั่นได้ตลอดเวลา คำพูดและแววตาจริงจังมั่นคงเกือบทำให้เธอหลงคิดว่านี่เป็นเรื่องจริง
“ฉันจะไม่ทำให้เงินที่คุณเสียไปต้องสูญเปล่าแน่นอน คุณช่วยฉันเล่นงานพีรวิชญ์ ฉันก็จะช่วยคุณกรุยทางไปสู่การเมืองอย่างที่คุณตั้งใจ”
เธอเลือกที่จะเบี่ยงประเด็น หยิบยกข้อเสนอที่เขาปฏิเสธไม่ได้ คชากับพีรวิชญ์ไม่เพียงเป็นไม้เบื่อไม้เมากัน แต่ยังเป็นศัตรูตัวฉกาจของกันและกันด้วย เหมือนเสือกับสิงห์ที่ไม่อาจอยู่ถ้ำเดียวกันได้ การที่เอกับเขาร่วมมือกันมีแต่ได้กับได้ ไม่มีเหตุผลที่คชาจะไม่ยอมรับ
“ตกลง”
“พูดแล้วห้ามคืนคำนะ”
ดุจมาตาฉีกยิ้มกว้าง ดีใจจนเผลอลืมตัวยกมือขึ้นจะแปะโป้งทำสัญญากับเขา ทว่าคชากลับยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ขณะที่มือโอบเอวกระชับ ยิ้มกรุ้มกริ่มทำให้เธอตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะ รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ใบหน้าหล่อเหลาขยายเต็มต่อหน้าเธอ ดวงตาคู่หวานเบิกกว้างทันทีที่ริมฝีปากหยักได้รูปประทับจูบลงมาเต็มตื้น ขบเม้มดูดดึงกลีบปากล่าง แนบนาบบดเคล้าอย่างอ่อนหวานราวกับละเลยดชิมขนมสายไหม ก่อนจะถอนออกราวกับต้องการแกล้งให้เธอนึกเสียดาย
“ไปละ”
ดุจมาตายืนตัวแข็งทื่อ มองเงาแผ่นหลังกว้างผึ่งผายเดินจากไปอย่างสบายอกสายใจขณะที่สมองมึนงง
วิธีแปะโป้งสัญญาของเขานี่มันช่าง...
เธอยกมือแตะริมฝีปากที่ยังคงอุ่นซ่าน ความรู้สึกหวามหวานไปถึงหัวใจ ‘คชา’ ผู้ชายคนนี้เป็นอันตรายต่อหัวใจเธอจริงๆ ด้วย!