วันที่สองของการทำงานเป็นผู้ช่วยผ่านไปได้แบบสบายๆ ช่วงเช้าภคชนท์พาฉัตรญาดาไปดูเครื่องมือทางการแพทย์ชิ้นใหม่ที่โกดังเพื่อศึกษารายละเอียดของเครื่องมือซึ่งนอกจากจะมีเธอและเจ้านายแล้วยังมีฝ่ายการตลาดและเซลล์เข้าฟังอีกหลายคน
เมื่องานช่วงเช้าเสร็จภคชนท์ก็พาพนักงานมาทานอาหารโดยมีคุณแพรพรรณจองโต๊ะไว้เรียบร้อยแล้ว
“ครั้งต่อไปเวลาออกนอกสถานที่แบบนี้ญาดาจะต้องเป็นคนจัดการเรื่องพวกนี้นะ เดี๋ยวพี่จะส่งรายชื่อร้านอาหารและรายการอาหารโปรดของเจ้านายให้นะ”
“ได้ค่ะพี่แพร แล้วพี่แพรจะออกมาด้วยทุกครั้งมั้ยคะ” หญิงสาวอุ่นใจถ้าหากแพรพรรณจะออกมาด้วยทุกครั้ง
“ไม่จ้ะ หน้าที่ตามเจ้านายเป็นหน้าที่ของผู้ช่วยถ้าพี่ออกมาทุกครั้งแล้วใครจะคอยประสานงานในบริษัทล่ะ”
“ญาดาเข้าใจค่ะ”
“แต่ญาดาอย่าพึ่งกังวลไปนะทุกอย่างค่อยเป็นค่อยไป”
“แล้วญาดาก็ไม่ต้องเกรงใจพี่เลยนะ ญาดาถามพี่ได้ทุกอย่าง”
“ขอบคุณค่ะพี่แพร”
ช่วงบ่ายฉัตรญาดายังคงอยู่ที่โกดังเพื่อดูสาธิตการใช้งานของเครื่องมือแพทย์ชิ้นใหม่ส่วนเจ้านายของเธอและเลขานุการนั้นกลับเข้าบริษัทไปแล้ว ก่อนกลับเขามอบหมายให้เธอศึกษาการใช้งานจนเข้าใจเพราะการไปเจอลูกค้าครั้งต่อไปเธอจะต้องเป็นตัวแทนของเขาเข้าไปเจอลูกค้ากับเซลล์มือหนึ่งของบริษัท
“พี่เกศเก่งจังเลยนะคะฟังแป๊บเดียวก็เข้าใจหมดเลย” ฉัตรญาดาชมเกศราเซลล์รุ่นพี่ที่สามารถอธิบายทุกอย่างที่ฟังออกมา ได้แบบเข้าใจง่ายและเป็นภาษาของตนเอง
“ก็พี่ทำงานมานานแล้วนี่คะ อีกหน่อยญาดาก็เก่ง” เกศรายิ้มอย่างใจดีให้กับผู้ช่วยของเจ้านาย
“ญาดาขอฝากตัวกับทุกคนด้วยนะคะญาดายังใหม่กับงานด้านนี้มากอาจจะต้องขอคำแนะนำจากพี่บ่อยๆ นะคะ”
“ไม่เป็นไรครับเราทำงานด้วยกันก็ต้องช่วยเหลือกัน” นฤนาทรุ่นพี่อีกคนพูดขึ้น
“ขอบคุณพี่ๆ ทุกคนนะคะญาดาจะตั้งใจและทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่เลยค่ะ” ฉัตรญาดาสบายใจมากที่พี่ๆ เซลล์และการตลาดทุกคนดูเป็นมิตรและพร้อมจะช่วยเหลือให้คำแนะนำพนักงานใหม่อย่างเธอ
กลับจากโกดังสินค้าฉัตรญาดาก็เข้ามาในบริษัทซึ่งเป็นเวลาที่ทุกคนใกล้จะกลับบ้านแล้วหญิงสาวเดินกลับเข้ามาที่หน้าห้องทำงานก็เจอกับแพรพรรณที่กำลังวุ่นอยู่กับเอกสารตรงหน้า
“พี่แพรคะมีอะไรให้ญาดาช่วยมั้ย”
“ญาดาช่วยเอาแฟ้มพวกนี้ไปให้ฝ่ายบัญชีนะแล้วก็ถามฝ่ายบัญชีด้วยว่ามีเอกสารอะไรฝากให้บอสไหมจะได้ไม่ต้องเสียเวลาเอามาให้”
“ได้ค่ะ”
ฉัตรญาดาเดินเอาเอกสารไปให้หัวหน้าฝ่ายบัญชีซึ่งแพรพรรณแนะนำให้เธอรู้จักแล้วตั้งแต่เมื่อวาน เมื่อส่งแฟ้มให้แล้วก็รับแฟ้มของฝ่ายบัญชีกลับมาหนึ่งแฟ้ม
“กลับมาแล้วเหรอญาดา เอกสารสองแฟ้มนี้พี่ฝากให้บอสนะ”
“ได้ค่ะพี่แพร” ฉัตรญาดาหยิบแฟ้มทั้งสองแล้วเคาะประตูห้องและรอจนเจ้านายอนุญาตจึงเปิดประตูเข้าไป
“เอกสารค่ะบอส” หญิงสาววางเอกสารไว้บนโต๊ะและกำลังจะกลับไปที่ตั้งของตนเอง
“เดี๋ยวก่อนสิญาดา”
“มีอะไรเหรอคะบอส”
“เอกสารพวกนี้เอาไปอ่านก่อนนะเพราะไม่ด่วนเท่าไหร่จะได้รู้แนวทางการทำงาน ครั้งหน้าคุณอาจจะต้องเป็นคนอ่านแล้วผมจะมีหน้าที่แค่เซ็นอย่างเดียว”
“ได้ค่ะบอสเธอ” ถือแฟ้มพวกนั้นกลับมานั่งอ่านได้พักใหญ่ก็ได้ยินเสียงเขาโทรศัพท์ไปบอกให้แพรพรรณกลับบ้านได้
ฉัตรญาดาอยากถามว่าแล้วเธอล่ะจะกลับได้หรือยังแต่ก็ได้แต่คิดเพราะรู้ว่าหน้าที่ผู้ช่วยต้องกลับที่หลังเจ้านาย
“เลิกงานแล้วมีธุระไปไหนหรือเปล่า” จู่ๆ ภคชนท์ก็ถามขึ้น
“เปล่าค่ะ”
“งั้นวันนี้ออกไปเจอลูกค้ากับผมนะ”
“ได้ค่ะ ลูกค้าชื่ออะไรคะฉันจะเตรียมเอกสารได้ถูกค่ะ”
“ไม่ต้องเตรียมเอกสารอะไรหรอกลูกค้าคนนี้เป็นเหมือนเพื่อนก็เลยอยากจะแนะนำให้รู้จักกันไว้ก่อน”
“ได้ค่ะ ไปตอนนี้เลยไหมคะ”
“อืม คุณมาทำงานยังไง”
“ฉันขับรถมาเองค่ะ บอสช่วยส่งโลเคชั่นให้ได้ไหมเดี๋ยวฉันจะขับรถตามไป”
“ผมว่าไปด้วยกันดีกว่านะกินข้าวเสร็จแล้วผมจะขับรถมาส่งคุณที่นี่ก็”
“ค่ะ”
ภคชนท์ขับรถออกจากบริษัทในเวลาเกือบจะหนึ่งทุ่มตอนนี้รถบนถนนติดจนแทบไม่ขยับหญิงสาวรู้สึกอึดอัดที่ต้องอยู่ตามลำพังกับเจ้านายแบบนี้ เธออยากชวนเขาคุยเพื่อทำลายบรรยากาศเงียบๆ นี้ให้หมดไปแต่ก็ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน
ปกติแล้วฉัตรญาดาเป็นคนคุยเก่งและเข้ากับทุกคนได้ดีแต่ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่คนทั่วไปที่เธอจะชวนคุยได้เพราะเขาคือเจ้านายของเธอและเธอกับเขาก็เพิ่งเจอกันเพียงแค่สองวันเท่านั้น
“อีกนานเลยกว่าจะถึงร้านที่นัดไว้คุณหิวหรือเปล่า” ภคชนท์ หันมาถามผู้ช่วยที่นั่งตัวเกร็งอยู่ข้างๆ เขาเห็นเธอเอาแต่เงียบก็เลยชวนคุย
“ไม่ค่ะปกติฉันไม่กินข้าวเวลานี้บอสล่ะคะหิวหรือเปล่าให้ฉันลงไปซื้ออะไรให้มั้ย ข้างหน้ามีเซเว่นด้วยค่ะ เดินไปซื้อของกลับมารถของบอสก็คงยังขยับไปไหนไม่ไกล”
“ไม่เป็นไรเราไปกินที่ร้านเลยก็ได้ ผมกะเวลาออกจากบริษัทผิดนิดหน่อยรถเลยติดแบบนี้ คุณพักอยู่ไหนเหรอญาดาเคยเจอรถติดหลังเลิกงานไหม”
“ฉันพักอยู่ที่คอนโดXXXค่ะ อยู่ไม่ไกลจากบริษัทเท่าไหร่ เมื่อวานตอนเลิกงานรถก็ติดไม่เยอะเท่าวันนี้ค่ะ”
“แล้วกลับคอนโดผิดเวลาแบบนี้จะมีใครว่าอะไรหรือเปล่า” ภคชนท์ถามเพราะอยากจะรู้ว่าเธอพักอยู่กับใครอาจจะเป็นแฟนเป็นครอบครัวของเธอหรือโชคดีหน่อยฉัตรญาดาก็อาจจะพักอยู่กับพี่สาว
“ไม่มีใครว่าหรอกค่ะ ฉันอยู่คอนโดคนเดียวจะกลับกี่โมงก็ได้ค่ะ”
“พักคอนโดคนเดียวแสดงว่าบ้านไม่ได้อยู่ในกรุงเทพใช่ไหม”
“ค่ะ ครอบครัวของเราอยู่อุทัยค่ะ”
“มาอยู่กรุงเทพคนเดียวแบบนี้ที่บ้านไม่ห่วงเหรอ”
“ห่วงสิคะแต่ฉันก็โทรคุยกับพ่อเกือบทุกวันค่ะ ถ้ามีวันหยุดก็ขับรถไปนอนกับท่านบ้างหรือบางครั้งคุณพ่อก็ขับรถขึ้นมานอนที่คอนโดและค้างกับฉันที่นี่ค่ะ”
ภคชนท์แปลกใจกับข้อมูลที่ฉัตรญาดาเล่าเพราะเท่าที่จำได้นั้นฉัตรญาดาอาศัยอยู่กับพี่สาว มารดาและพ่อเลี้ยงซึ่งคนหลังสุดเสียชีวิตไปสิบกว่าปีแล้ว เขาไม่เข้าใจว่าคุณพ่อที่ฉัตรญาดาพูดถึงนั้นคือใคร
เขาอยากถามเธอมากกว่านี้แต่กลัวว่ามันจะมากเกินไปสำหรับการทำความรู้จักกันช่วงแรก
“แล้วบ้านบอสนะคะอยู่ไกลจากบริษัทใหม่”
“ผมอยู่คอนโดเหมือนกันแต่อยู่ไกลจากบริษัทมากกว่าคอนโดของคุณเยอะ”
“เลยทำไมเลือกไปอยู่ไกลแบบนั้นล่ะคะ”
“ก็ในราคาเดียวกันมันได้ขนาดห้องที่ใหญ่กว่าเยอะเลย แล้วผมก็ไม่ค่อยชอบความวุ่นวายเท่าไหร่ ผมจะเข้าบริษัทเวลาไหนก็ได้ไม่จำเป็นต้องเข้าตรงเวลา”
“ถ้าบอสชอบคอนโดกว้างๆ ทำไมไม่อยู่บ้านล่ะคะ”
“ผมก็เคยคิดนะแต่อยู่บ้านมันต้องมีเวลาดูแลบ้านด้วย เอาไว้มีครอบครัวค่อยไปหาบ้านอยู่ก็แล้วกันเพราะถ้าถึงตอนนั้นคงต้องมีพื้นที่กว้างๆ สำหรับคนในครอบครัว”
“ฉันนึกว่าบอสมีครอบครัวแล้ว”
“ยังหรอก ตอนนี้ผมอยากทุ่มเทให้กับงานก่อนนะ รอให้งานอยู่ตัวมากกว่านี้ค่อยคิดเรื่องนั้นคุณล่ะญาดา”
“ฉันไม่คิดมีครอบครัวหรอกค่ะ”
“ถามได้ไหมว่าทำไม”
“ฉันมาจากครอบครัวที่ไม่ค่อยอบอุ่นและคนรอบข้างก็ทำให้ฉันหมดศรัทธาในความรักค่ะ”
“ผมก็ไม่ต่างจากคุณหรอกนะญาดาแต่ผมว่าแต่ละคนมีการใช้ชีวิตที่ไม่เหมือนกันอย่าเอาความผิดพลาดของคนอื่นมาตัดสินชีวิตของตัวเองเลยนะ”
“ค่ะแต่บางครั้งมันก็ทำใจยากกับเรื่องราวที่ผ่านมาในอดีตค่ะ”
“เรื่องในอดีตมันคงหนักมากจนคุณลืมไม่ได้เลยเหรอ ผมว่าปล่อยวางบ้างก็ได้นะ”
“ไม่ใช่ว่ามันลืมยากหรอกนะ แต่ฉันไม่อยากลืมมันมากกว่า”
“เล่าให้ผมฟังก็ได้นะ ผมน่ะเป็นคนเก็บความลับเก่งมาก”
“ขอบคุณค่ะ” ฉัตรญาดาขอบคุณแต่เธอไม่คิดจะเล่าเรื่องนั้นให้ใครฟังเพราะมันเป็นความลับของคนที่เคยเป็นคนในครอบครัว