ไม่อยากลืม

1397 คำ
การทำงานวันแรกไม่หนักเท่าไหร่ ฉัตรญาดาคิดว่าถ้าเป็นแบบนี้ไปตลอดก็คงไม่มีปัญหาอะไรในเมื่อเธอเจอเจ้านายที่ใจดี มีเพื่อนร่วมงานที่น่ารักแต่สิ่งที่กวนใจหญิงสาวอยู่ตลอดก็คือใบหน้าและรอยยิ้มของซีอีโอหนุ่มที่มันคุ้นตาเหมือนกับเธอเคยเจอกับเขามาก่อน หลังจากเลิกงานหญิงสาวก็แวะทานอาหารที่ร้านประจำก่อนจะหลับมาที่คอนโดมิเนียม เมื่อทำธุระส่วนตัวเสร็จแล้วฉัตรญาดาก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดดูภาพถ่ายเก่าๆ ที่ย้ายมาจากโทรศัพท์เครื่องเก่าหลายต่อหลายครั้ง เธอเลื่อนไปเรื่อยๆ ย้อนไปนานเผื่อว่าจะเจอภาพถ่ายของภคชนท์บ้างแต่ก็ไม่เจอแม้แต่ภาพเดียว หญิงสาววางโทรศัพท์ลงก่อนจะเปิดลิ้นชักที่โต๊ะข้างเตียงแล้วหยิบกล่องขนาดเล็กขนาดครึ่งกระดาษเอสี่ขึ้นมาเปิด ภายในกล่องมีจดหมายอยู่หลายสิบฉบับแต่หญิงสาวไม่ได้สนใจจดหมายเหล่านั้น เธอสนใจแค่ภาพถ่ายที่อยู่ด้านล่างสุดของกล่องซึ่งเป็นภาพถ่ายวันปัจฉิมนิเทศของฉัตรรวีพี่สาวของเธอ ฉัตรญาดาจำได้ว่าภาพนั้นเธอเป็นคนถ่าย พี่สาวของเธอยิ้มหวานในมือมีช่อดอกไม้อยู่หลายช่อกับตุ๊กตาหมีอีกหนึ่งตัว ด้านข้างของพี่สาวมีเด็กหนุ่มสวมชุดนักเรียนยืนอยู่ด้วย ใบหน้าของเด็กหนุ่มคนนั้นมันคล้ายกับเจ้านายของเธอมากแต่ที่ต่างกันก็คือชื่อและนามสกุลที่ต่างกันอีกทั้งเขาคนนั้นจะมาเป็นซีอีโอบริษัทนำเข้าและจำหน่ายเครื่องมือและอุปกรณ์การแพทย์ขนาดใหญ่แบบนี้ พอคิดถึงข้อแตกต่างตรงนี้ฉัตรญาดาก็เก็บภาพถ่ายและจดหมายไว้ที่เดิม ที่ผ่านมาหลายคนอาจจะคิดว่าเธอลืมเรื่องราวในอดีตได้แล้วแต่อันที่จริงเธอไม่เคยลืมช่วงเวลานั้นได้เลยไม่ใช่ว่าเธอลืมไม่ลงแต่เพราะเธอไม่อยากจะลืมมันต่างหาก ฉัตรญาดาเก็บทุกอย่างเข้าที่เดิมเรียบร้อยก่อนจะหยิบข้อมูลเครื่องมือแพทย์ตัวใหม่ขึ้นมาศึกษารายละเอียด ข้อมูลที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ส่งรายละเอียดมาให้เพราะพรุ่งนี้เธอจะไปดูเครื่องมือของจริงที่บริษัทจากอเมริกาเพิ่งส่งมาที่โกดังเก็บสินค้า เมื่ออ่านรายละเอียดของสินค้าแล้วจนเข้าใจในระดับหนึ่งแล้วหญิงสาวก็เตรียมชุดสำหรับไปทำงาน เธอเลือกชุดทำงานเป็นกางเกงเพื่อให้ดูทะมัดทะแมงก่อนจะปิดไฟเตรียมเข้านอนแต่ยังไม่ทันได้หลับตาเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาเสียก่อน “นอนหรือยังญาดา” “ยังเลย ข้าวฟ่างไม่ยุ่งใช่ไหมถึงโทรมาหาญาดาตอนนี้ได้” หญิงสาวจำได้ว่าวันนี้เพื่อนของตนเองทำงานเวรบ่าย “ไม่หรอกคนไข้ไม่เยอะ” “โทรมาตอนขึ้นเวรแบบนี้มีอะไรหรือเปล่า” “ก็อยากถามญาดาว่าไปทำงานวันแรกเป็นยังไงบ้างเจ้านายใจดีไหม” “เรื่องงานก็พอได้นะส่วนเจ้านายจะใจดีหรือเปล่าต้องดูกันนานๆ แต่เจ้านายไม่เป็นเหมือนที่ญาดาคิดไว้เลยนะ” “ไม่เหมือนยังไงล่ะ” “ก็เจ้านายอายุยังน้อยอยู่เลย ดูแล้วไม่น่าจะเกินสามสิบนะ” “แล้วเขาหล่อไหม” “เขาก็หล่อดีนะแต่ชอบทำหน้าเครียดไปหน่อยเขา” “เป็นถึงซีอีโอก็ต้องมีเรื่องให้คิดเยอะแยะ เขามีแฟนหรือยังล่ะญาดา” “ไม่รู้สิใครจะกล้าถาม” “ถ้าเขาไม่มีแฟนญาดาก็จีบเลยสิ” “จะบ้าเหรอข้าวฟ่างเพิ่งไปทำงานวันแรกจะให้ญาดาจีบเจ้านายตัวเองเนี่ยนะเขารู้ขึ้นมาได้โดนไล่ออกกันพอดี ญาดายังไม่อยากตกงานหรอกนะ” “แต่คนเราทำงานใกล้ชิดกันทุกวันถ้าเขายังไม่มีแฟนมันก็มีโอกาสเป็นไปได้นะ” “เราอย่าพูดถึงเขาแบบนี้เลย ญาดาว่าผู้ชายหน้าตาดีอาชีพการงานดีแบบนี้คงไม่โสดหรอก ญาดาไม่อยากเป็นเมียน้อยของใครหรอกนะ” “ข้าวฟ่างก็แค่ล้อเล่นน่ะ ใครจะให้เพื่อนไปเป็นเมียน้อยคนอื่นกัน สวยๆ อย่างญาดาไม่จำเป็นต้องใช้ผู้ชายร่วมกับคนอื่นหรอก” “แล้วที่โทรมาหาญาดาคือจะถามแค่เรื่องไปทำงานอย่างเดียวใช่ไหม” “ไม่ใช่สักหน่อยเรื่องสำคัญคือเรื่องที่ข้าวฟ่างกำลังจะเล่าต่อจากนี้ต่างหากล่ะ” “เรื่องอะไรเหรอข้าวฟ่างทำไมทำเสียงตื่นเต้นจัง” “ก็มันน่าตื่นเต้นจริงๆ นี่ ญาดาจำหมอเมธินทร์ได้ไหม” “ลูกชายของหมอทรงเกียรติเจ้าของโรงพยาบาลใช่ไหม” “ใช่ตอนนี้หมอเขาเรียนจบกลับมาแล้วนะ” “เขาต่อเฉพาะทางด้านไหนเหรอข้าวฟ่าง” ฉัตรญาดามีโอกาสทำงานร่วมกับคุณหมอเมธินทร์อยู่หลายเดือนก่อนที่เขาจะไปเรียนต่อเฉพาะทาง “หมอเขาไปเรียนศัลยกรรมน่ะ แต่ที่ข้าวฟ่างตื่นเต้นไม่ใช่เพราะหมอเรียนจบหรอกนะ” “แล้วตื่นเต้นเพราะอะไรกันล่ะ อย่าบอกนะว่าเปลี่ยนใจมาชอบหมอแล้ว” ฉัตรญาดารู้ว่านริศราไม่ชอบคนอาชีพนี้เท่าไหร่เนื่องจากบิดาของเธอมีอาชีพเป็นหมอและไม่ค่อยมีเวลาให้กับครอบครัวเพื่อนของเธอเคยพูดไว้ว่าจะไม่เลือกคนอาชีพนี้มาเป็นคู่ครองอย่างเด็ดขาด “เลิกคิดเรื่องนั้นไปเลยที่ตื่นเต้นก็เพราะเขาไปเรียนถึงสามปีแต่เขาไม่เคยลืมใครที่นี่เลย เขาทักทายทุกคนได้ถูกต้องและที่สำคัญเขาถามถึงญาดาด้วยนะ” “ไม่เห็นน่าตื่นเต้นตรงไหนเลยข้าวฟ่างบอกเองว่าเขาจำทุกคนได้พอเขาไม่เจอญาดาเขาก็เลยถามถึงไงล่ะ” “มันก็ใช่นะแต่เขาทำหน้าผิดหวังตอนที่ข้าวฟ่างบอกว่าญาดาลาออกไปแล้ว ข้าวฟ่างว่าหมอเขายังไม่เลิกชอบญาดานะ” “แต่ญาดาก็เคยบอกเขาไว้แล้วว่าญาดาไม่คิดอะไรกับเขา ข้าวฟ่างอย่าพยายามเปลี่ยนแม่สื่ออีกเลยนะ” ก่อนที่คุณหมอเมธินทร์จะไปเรียนต่อเขามีท่าทีว่ากำลังจีบฉัตรญาดาโดยมีนริศราเป็นคนช่วยสนับสนุนแต่ฉัตรญาดาไม่เคยมองเขาเป็นคนอื่นนอกจากเพื่อนร่วมงาน “ข้าวฟ่างก็แค่อยากให้ญาดามีแฟนหมอ เขาไม่มีอะไรเสียหายเลยนะ หน้าตาก็หล่อเป็นถึงลูกชายเจ้าของโรงพยาบาลผู้หญิงส่วนใหญ่ก็ชอบเขา” “แต่ญาดาไม่ชอบนี่” “งั้นขอถามอีกข้อก่อนวางสายนะ” “ถามมาสิ” “ระหว่างหมอเมธินทร์กับเจ้านายของญาดาใครหล่อกว่ากัน” “ก็หล่อพอกันแหละหมอเขาหล่อขาวเหมือนหนุ่มเกาหลีส่วนเจ้านายของญาดาหล่อเข้มดูดีกันไปคนละแบบ” ฉัตรญาดาคุยกับนริศราอีกไม่กี่ประโยคก็วางสาย การที่นริศราพูดถึงหมอเมธินทร์วันนี้ทำให้เธอนึกย้อนไปเมื่อสามปีก่อนในวันที่คุณหมอหนุ่มนัดเธอออกมาทานอาหารตามลำพัง เขาสารภาพว่าชอบเธอและให้แล้วจะมาฟังคำตอบหลังจากเรียนจบแต่หญิงสาวก็บอกไปตั้งแต่วันนั้นว่าเธอไม่คิดอะไรกับเขาและไม่อยากให้เขาต้องรอ หมอเมธินทร์ไม่มีข้อเสียให้เธอต้องปฏิเสธเลยแต่เพราะเขาไม่ใช่ผู้ชายในแบบที่เธอชอบ ฉัตรญาดาไม่ชอบผู้ชายที่มีชีวิตสมบูรณ์แบบเหมือนกับคุณหมอที่เกิดมาในตระกูลร่ำรวยเธอกลัวความแตกต่างและกลัวเขาจะไม่เข้าใจชีวิตของเธอซึ่งมันไม่สวยหรูชีวิตที่ครอบครัวไม่สมบูรณ์แบบมีครอบครัวแตกแยก ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือเธอยังไม่พร้อมที่จะมีครอบครัวหรือมีคนรักเพราะที่ผ่านเธอเห็นว่าความรักของบิดา มารดารวมถึงความรักของพี่สาวมันล้มเหลวเลยไม่คิดจะเอาตัวเองเข้าไปในวังวนนั้น ฉัตรญาดาขอใช้ชีวิตคนเดียวไปแบบนี้ดีกว่าแม้จะเหงาบ้างแต่เธอยังมีงานและมีเพื่อน หญิงสาวกลัวความรักที่มันมาพร้อมกับความทุกข์และอาจเปลี่ยนหรือทำร้ายชีวิตของใครบางคนที่เธอเคยรู้จักไปตลอดกาล
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม