บทที่ 5
เริ่มต้นทำความคุ้นเคย
ดวงตากลมโตกวาดสายตามองอาหารหลากหลายเมนูบนโต๊ะอาหารด้วยสายตามีคำถาม เพราะก่อนหน้านี้ป้าภาบอกว่าเป็นอาหารโปรดของเธอทว่าเธอกลับไม่ได้รู้สึกชอบอาหารพวกนี้เป็นพิเศษเลย หรือเพราะความจำเสื่อมแม้กระทั่งของที่เธอชอบกินเธอเองก็จำไม่ได้
“ฉันชอบกินของพวกนี้ด้วยเหรอ” ใบบัวตักผัดผักมาใส่จานตัวเอง กับข้าวหน้าตาบ้านๆ พวกนี้เป็นของโปรดเธอได้ยังไง
“อืม ลองชิมดูสิเมื่อก่อนที่รักก็ไม่เคยกินกับข้าวธรรมดาพวกนี้หรอก แต่พอมาอยู่บ้านนี้ป้าภาก็เป็นคนเตรียมอาหารให้ตลอด พอได้ลองชิมเธอเลยติดใจฝีมือป้าภาเข้าให้ ร้องขอให้ทำแทบจะทุกมื้อ”
“ขนาดนั้นเลย?” หัวคิ้วสวยเลิ่กขึ้นอย่างมีคำถาม
“อย่าดูถูกผัดผักมหาเสน่ห์ของป้าภาเชียวนะ”
เธอตักผัดผักเข้าปากพลางคิดในใจว่ารสชาติของมันจะทำให้เธอรู้สึกว้าวขนาดนั้นเชียว แต่ทันทีที่ลิ้นได้สัมผัสกับรสชาติของมันเธอก็ไม่ได้รู้สึกว้าวอะไรอย่างที่คิดเอาไว้จริงๆ แต่สิ่งที่น่าประหลาดใจก็คือความรู้สึกของเธอเองมากกว่าที่มีคนรู้ว่าเธอชอบหรือไม่ชอบอะไร ทั้งที่ตัวเธอเองยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชอบทานกับข้าวพวกนี้
“ป้าภาตั้งใจทำรสชาติที่เธอชอบเลยนะรสหวานติดเค็มที่ปลายลิ้น”
“รู้ขนาดนั้นเลยเหรอ” ยิ่งฟังเธอก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงรสชาติความอร่อยของผัดผักจานนี้ ที่มันอร่อยคงจะเป็นเพราะความใส่ใจที่ตั้งใจทำมาให้เธอโดยเฉพาะละมั้ง
“กินเยอะๆ นะ”
“อือ ว่าแต่คุณไม่ไปทำงานเหรอไม่ต้องอยู่เฝ้าฉันทั้งวันก็ได้นะฉันยังใช้ชีวิตปกติได้”
“วันมะรืนว่าจะกลับเข้าไปทำงานที่บริษัทแล้ว อยากไปด้วยกันไหม”
“ไปได้เหรอ”
“ไปได้สิทำไมจะไม่ได้ ก่อนหน้านี้ก็เคยไปออกจะบ่อย”
“แปลกจัง ทำไมฉันถึงไม่หลงเหลือความรู้สึกคุ้นเคยกับคุณเลย ทั้งๆ ที่ดูเหมือนว่าเราจะสนิทกันมากแท้ๆ”
“ก็ที่รักความจำเสื่อมไงลืมไปแล้วเหรอ”
“ไม่ได้ลืม แต่ขนาดบันไดบ้านฉันยังรู้สึกคุ้นๆ เหมือนเคยมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นตรงนั้น อย่างกับข้าวป้าภารสชาติของมันก็ทำให้ฉันคุ้นเคยเหมือนกัน แต่ทำไมกับคุณฉันถึงไม่รู้สึกคุ้นเลยล่ะ” ใบบัวตั้งคำถามด้วยความสงสัย เธอเอียงคอจ้องมองใบหน้าคมคายอยู่นานเผื่อจะรู้สึกคุ้นเคยหรือนึกอะไรเกี่ยวกับตัวเขาขึ้นมาได้บ้าง ทว่าสมองของเธอกลับว่างเปล่าเมื่อพยายามนึกถึงเรื่องราวของเขา
“อย่าไปพยายามนึกถึงมันเลย จำไม่ได้ก็ไม่เป็นไรไม่ใช่เหรอ ไหนว่าเราจะมาสร้างความทรงจำใหม่ด้วยกันไง”
“ใครอยากจะไปสร้างความทรงจำกับคุณกัน ว่าแต่เราสองคนคบกันมานานไหม”
“รู้จักกันมาก็เกือบปี แต่พึ่งจะคบกันได้ก่อนที่ที่รักจะเกิดอุบัติเหตุได้ไม่นาน” ปืนรบพยายามตอบคำถามทุกคำถามที่คนตัวเล็กอยากรู้เท่าที่เขาสามารถตอบได้
“คุณทำงานเกี่ยวกับอะไร”
“กำลังสัมภาษณ์ตำแหน่งแฟนอยู่รึไง”
“นี่ฉันกำลังพยายามทำความคุ้นเคยกับคุณอยู่นะ”
“Park mall”
“ทำอยู่ในห้างเหรอ”
“นั่นห้างฉัน”
“ฮะ!”
“บ้านฉันเป็นหุ้นส่วนใหญ่ของกิจการ Park mall ตอนนี้ฉันมารับช่วงบริหารต่อจากที่บ้าน”
“รวยขนาดนั้นเลยเหรอ” คนตัวเล็กตาลุกวาวด้วยความตกใจ เพราะไม่คิดว่าผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเธอจะรวยถึงขนาดเป็นเจ้าของห้างสรรพสินค้าได้
“ฉันถึงบอกไงว่าถ้าที่รักจะไม่กลับไปเรียน นอนรูดบัตรเครดิตอยู่บ้านฉันก็ไม่เดือดร้อนอะไร”
“ฉันพอจะเดาสาเหตุที่ทำให้ฉันคบกับคุณได้แล้วแหละ ถึงฉันจะมีอุดมคติไม่ชอบคนรวย แต่คุณมันจัดอยู่ในหมวดที่รวยมากฉันเลยลุ่มหลงกับเงินทองของคุณแน่ๆ บ้านฉันที่ว่ารวยพอเจอบ้านคุณนี่หดเหลือสองนิ้วเลย” สีหน้า แววตา และน้ำเสียงที่จริงจังในการเล่าของใบบัวทำให้ปืนรบหลุดขำออกมาด้วยความเอ็นดูก่อนจะล้วงกระเป๋าตังค์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงยื่นไปวางตรงหน้าเธอ
“อยากได้ใบไหนก็เลือกเอา”
“ล้อเล่นปะเนี่ย” ใบบัวเอ่ยถามเสียงใสถึงแม้มือจะหยิบกระเป๋าตังค์ของเขามาเปิดดูบัตรเครดิตแต่ละใบแล้วก็ตาม
“ตามสบายครับคุณนาย”
“อย่าเรียกคุณนาย แก่ ไม่ชอบ เรียกคุณหนูบัวแล้วกัน” ใบบัวก้มหน้าตอบอย่างไม่จริงจังนัก เพราะตอนนี้เธอกำลังให้ความสำคัญในการเลือกบัตรเครดิตไม่จำกัดวงเงินตรงหน้าอยู่ ไม่ว่าจะเลือกใบไหนก็แทบไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่เลย
“ทะลึ่งใหญ่แล้วนะ” แก้มนวลถูกบีบด้วยความมันเขี้ยว
“โอ๊ย! ก็คุณนายมันแก่จริงๆ นะ เอ่อว่าแต่คุณรวยขนาดนี้มารู้จักฉันได้ยังไง”
“พรหมลิขิต”
“จริงจัง”
“บอกแล้วไงว่าที่รักเป็นเด็กนั่งดริงก์ เรียกฉันป๋าคะป๋าขาจำไม่ได้เลยจริงๆ เหรอ”
“ฉันไปเป็นเด็กนั่งดริงก์ได้ยังไงก่อน” ใบบัวส่ายหน้าราวกับว่าสิ่งที่เขาพูดมาแทบจะไม่มีความเป็นไปได้เลย
“ฉันพูดจริงๆ ไปถามคนที่ผับที่ที่รักเคยทำงานไหมล่ะ”
“จะเป็นไปได้ยังไง ตอนฉันความจำเสื่อมบ้านฉันล้มละลายเหรอถึงต้องไปทำงานแบบนั้น”
“บ้านไม่ได้ล้มละลาย แต่ทำเอาสนุกตามประสาเด็กแสบ”
“ช่วงนั้นฉันทำอะไรคุณช่วยเล่าให้ฟังหน่อยได้ไหม”
“เล่าให้ฟังแล้วฉันจะได้อะไร” คราวนี้เป็นปืนรบที่ตั้งคำถาม หลังจากที่ปล่อยให้คนตัวเล็กได้เป็นฝ่ายถามคำถามมามากมาย
“เดี๋ยวนี้รู้จักต่อรองแล้วเหรอ”
“ก็ที่รักชอบเอาเปรียบ”
“ถ้าคุณยอมเล่าให้ฟัง...ไม่เอาดีกว่าทำไมฉันต้องยอมเสียผลประโยชน์ด้วยในเมื่อสุดท้ายคุณก็ต้องยอมฉันอยู่ดี”
“ทำไมคิดแบบนั้น ไม่คิดว่าฉันอยากดัดนิสัยเด็กแสบอย่างที่รักบ้างเหรอ”
ใบบัวเงยหน้าพร้อมกับหรี่ตามองปืนรบด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ เธอหยิบบัตรเครดิตออกมาหนึ่งใบก่อนจะดันกระเป๋าตังค์คืนให้กับเจ้าของอย่างใจเย็น
“ขอบคุณสำหรับบัตรเครดิตนะคะ”
“มาขอบคุณใกล้ๆ ป๋านี่มา” ปืนรบยอมเล่นบทละครที่ใบบัวส่งมา พร้อมกับตบหน้าตักตัวเองเพื่อเรียกคนตัวเล็กให้ลุกไปหา แต่ที่น่าแปลกใจคือเธอยอมลุกเดินไปนั่งลงบนหน้าตักของเขาจริงๆ
มือเรียวโอบกอดลำคอหนาเอาไว้ขณะที่อีกมือก็ใช้ปลายบัตรเครดิตแตะที่ริมฝีปากตัวเองเบาๆ ก่อนจะนำมันไปแตะลงบนริมฝีปากของปืนรบที่นั่งดูการแสดงของคนตัวเล็กด้วยสายตาราบเรียบ เพราะก่อนหน้านี้เขาเห็นการแสดงเจ้ามารยาพวกนี้ของเธอจนเคยชินไปเสียแล้ว
“Thank you นะคะป๋าขา” ดวงตากลมโตจ้องมองลึกไปในดวงตาคมด้วยสายตายั่วยวนต้องการเอาชนะ ทว่าเธอคงลืมไปว่าตอนนี้เขาเป็นคนที่รู้จักตัวตนของเธอมากกว่าตัวเธอเองเสียอีก กลับกันเป็นเธอเองที่รู้จักตัวตนของเขาเพียงน้อยนิด
“ป๋าชอบให้ขอบคุณบนเตียงไม่รู้เหรอ” ปืนรบกระตุกยิ้มมุมปากพร้อมกับกระชับเอวคอดบางเอาไว้แน่น จนใบหน้าหวานเคลื่อนเข้ามาใกล้จนปลายจมูกเชิดรั้นแตะกับปลายจมูกโด่งคมของเขาเบาๆ
“จะเล่นตุกติกกับฉันเหรอ”
“ที่รักเป็นคนเดินมานั่งตรงนี้เองนะ อีกอย่างที่นั่งตรงนี้มันอันตรายควรคิดให้ดีก่อนที่จะมานั่ง” น้ำเสียงทุ้มที่พูดวนเวียนอยู่ใกล้ๆ ริมฝีปากของเธอทำเอาใบบัวเริ่มหายใจไม่ทั่วท้อง โดยเฉพาะมือหนาที่พยายามสอดเข้ามาในเสื้อกล้ามของเธอ
“ร่างกายของที่รัก ฉันน่ะรู้จักดีกว่าใคร รู้ว่าชอบให้จับตรงไหน แรงแค่ไหน...ลึกแค่...”
“พอแล้ว ฉันไม่อยากเล่นกับคุณแล้ว” ใบบัวรีบดีดตัวลุกขึ้นได้ทันก่อนที่มือหนาจะเลื่อนไปถึงใต้ขอบบราเซียร์ของเธอ
ใบหน้าหวานแดงระเรื่ออีกทั้งยังรู้สึกเห่อร้อนจนท้องน้อยวูบวาบไปหมด แวบหนึ่งที่เธอรู้สึกคุ้นเคยกับสัมผัสของเขา แต่สมองกลับสั่งการว่าเธอกำลังตกอยู่ในอันตรายเธอจึงไม่สามารถที่จะปล่อยให้เขาทำตามอำเภอใจไปได้มากกว่านั้น
“ไม่อยากรู้แล้วเหรอว่าที่รักจีบฉันยังไง”
“บ้า ใครจะไปอยากจีบผู้ชายอย่างคุณกัน”
“ฉันรวยนะลืมไปแล้วเหรอ ที่สำคัญดูเหมือนว่าร่างกายของที่รักจะจำฉันได้นะสงสัยเราอาจจะต้องใช้วิธีนี้ช่วยกระตุ้นความทรงจำแล้วหรือเปล่านะ” รอยยิ้มทะเล้นบวกกับความรู้สึกสนุกที่ได้กลั่นแกล้งคนตัวเล็กจนเสียอาการ ทำให้ใบบัวรู้สึกไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมรับให้เขาชนะศึกในครั้งนี้ไป แต่คราวหน้าเธอไม่ยอมให้เขาแกล้งเธอด้วยวิธีแบบนี้อีกแน่นอนเธอจะเอาคืนเขาให้หนักกว่านี้อีกหลายเท่า “สายตาแบบนั้นหาวิธีเอาชนะฉันอยู่เหรอ”
“ถ้าใช่แล้วจะทำไม”
“วิธีเอาชนะฉันมันมีอยู่แค่ไม่กี่วิธีหรอก แค่ที่รักขึ้นฉันก็ยอมที่รักทุกอย่างแล้ว”
“คนทะลึ่ง! ในหัวมีแต่เรื่องลามกรึไงกัน”
“เดี๋ยวก็รู้ว่าใครกันแน่ที่ทะลึ่ง” ปืนรบไหวไหล่อย่างไม่ยี่หระ ทำให้คนตัวเล็กทำได้เพียงเดินกระทืบเท้ากลับไปนั่งทานอาหารที่ตัวเองต่อพร้อมกับส่งสายตาอาฆาตมองมาที่เขาเป็นระยะ