BMW 520d M Sport สีดำแล่นมาจอดที่หน้าอาคารพิริยะคอนสตรัคชั่น อาคารสูงสามสิบชั้นทันสมัยบริเวณใจกลางเมืองที่มีทั้งสำนักงานของบริษัทเองและออฟฟิศให้เช่า พิริยะคอนสตรัคชั่นเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างยักษ์ใหญ่ระดับประเทศที่มีมูลค่านับหมื่นล้านของตระกูลพิริยะที่ก่อตั้งมายาวนานกว่าเจ็ดสิบปีและเพิ่งก่อสร้างสำนักงานแห่งใหม่เป็นตึกสูงรูปทรงทันสมัยเพื่อฉลองการครบรอบเจ็ดสิบปีไปเมื่อปีที่แล้ว ภายในอาคารแห่งนี้เต็มไปด้วยห้างร้านและบริษัทต่างๆ มากมายที่เข้ามาเช่าและมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ปัจจุบันพิริยะคอนสตรัคชั่นอยู่ภายใต้การบริหารงานของภัทร พิริยะ บุตรชายคนโตวัยสามสิบห้าปีที่จบการศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์จากสหรัฐอเมริกาและจบโทด้านบริหารทรัพยากรบุคคลจากมหาวิทยาลัยเดียวกัน
หลังจากฝึกงานกับบริษัทยักษ์ใหญ่ของอเมริกาอยู่หลายปี ภัทรจึงกลับมารับช่วงต่อจากบิดาและเกษียนตัวเองไปเป็นที่ปรึกษาปล่อยให้ลูกชายคนโตนั่งตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร โดยมีลูกชายคนรองรั้งตำแหน่งรองประธานและภัทรก็ไม่ทำให้บิดาต้องผิดหวังเพราะเขานำพาบริษัทเจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็วด้วยมันสมองอันชาญฉลาดจนเป็นที่ยอมรับของบรรดาผู้ถือหุ้นและพนักงาน ปัจจุบันพิริยะพร็อพเพอร์ตี้ถือโครงการก่อสร้างสำคัญของรัฐบาลอยู่หลาย โปรเจกต์ด้วยกัน ซึ่งนั่นหมายถึงเม็ดเงินจำนวนมหาศาลที่บริษัทจะได้รับทำให้ภูวนาถภูมิใจในลูกชายคนนี้มาก
พนักงานรักษาความปลอดภัยรีบก้าวเข้ามาเปิดประตูให้เจ้านาย รูปร่างสูงใหญ่ราวร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตรในชุดสูทสีดำสุดเนี้ยบก้าวลงมาจากรถแล้วเดินเข้าไปในสำนักงาน พนักงานต่างหันมาทำความเคารพอย่างพร้อมเพียง แม้ภัทร พิริยะจะไม่ใช่คนดุ แต่รังสีความเป็นผู้นำและชื่อเสียงเรื่องการจริงจังในการทำงานก็ทำให้บรรดาพนักงานต่างเกร็งไปตามๆ กันเมื่อต้องเจอเขาจังๆ
“คุณภัทรเนี่ยโคตรหล่อเลย แต่ก็แอบน่ากลัว” พนักงานสาวกระซิบกับเพื่อนเมื่อเจ้านายหนุ่มพร้อมผู้ติดตามขึ้นลิฟต์ไปแล้ว
“ใช่ ทั้งหล่อทั้งรวย แต่ไม่รู้ทำไมอยู่ใกล้แล้วพาลจะหายใจหายคอไม่ออก”
“นั่นน่ะสิ ผู้หญิงที่อยู่ใกล้คุณภัทรแล้วรอดคงมีแค่คุณโรสคนเดียวนั่นแหละ” สองสาวหมายถึงรังสิมาเลขาส่วนตัวของภัทรที่ทำงานอยู่ใกล้ชิดกับชายหนุ่มมาตั้งแต่บิดาของชายหนุ่มวางมือไป
“คงงั้นแหละ บอกตามตรงถึงฉันจะแอบปลื้มคุณภัทรมากแค่ไหนก็ไม่เอาด้วยหรอก ขอแทะโลมอยู่ห่างๆ แบบนี้ดีกว่า”
“เหมือนกัน ไปทำงานกันเถอะเดี๋ยวจะโดนอัปเปหิออกจากบริษัทอดได้มองเจ้านายหล่อๆ เป็นอาหารตาทุกวันนะ” สองสาวหันมาบอกกันก่อนจะเดินไปที่ลิฟต์เพื่อขึ้นไปยังชั้นที่ทำงานของตัวเอง
รังสิมายกมือเคาะประตูห้องเจ้านายหนุ่มสองครั้งก่อนจะเปิดประตูเข้าไปเมื่อได้รับอนุญาต เมื่อมาถึงหน้าโต๊ะทำงานของภัทรเลขาสาววัยสามสิบปลายก็ยกไอแพดขึ้นเพื่อรายงานตารางนัดหมายของวันนี้ทันที
“วันนี้ช่วงเช้าท่านประธานมีประชุมกับฝ่ายวิศวกรรมและตอนเที่ยงมีนัดกับคุณฐิติ ส่วนตอนบ่าย…” รังสิมาชะงักเมื่อเจ้านายหนุ่มโบกมือเป็นเชิงสั่งให้หยุด
“ใจคอคุณจะไม่ให้ผมได้หายใจหายคอก่อนเลยเหรอคุณโรส” ภัทรแกล้งแซวเลขาผู้ทรงประสิทธิภาพที่เขายอมรับว่าเธอทำงานได้เนียบและถูกใจเขามาก แถมยังรู้ใจช่วยจัดการเรื่อส่วนตัวให้อย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง
“อ้าว ก็ท่านประธานเพิ่งมาถึงยังไม่ทันได้ทำงานต้องพักแล้วเหรอคะ”
“นี่พวกพนักงานเขาจะรู้ไหมนะว่าคนที่พวกเขานินทากันว่าเฮียบสุดๆ อย่างผมยังแพ้ให้กับเลขาเอไออย่างคุณ” ชานนท์บอดี้การ์ดกึ่งผู้ช่วยส่วนตัวของภัทรถึงกับหลุดขำเมื่อได้ยินฉายาที่เจ้านายใช้เรียกคุณเลขา
“ดิฉันจะถือว่าเป็นคำชมก็แล้วกันนะคะ”
“เอ้า ว่ามา” หลังจากนั้นเลขาผู้ทรงประสิทธิภาพก็รายงานตารางนัดหมายภายในวันนี้ทั้งหมดก่อนจะปิดท้ายด้วยเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับงานของบริษัท แต่ก็เป็นหน้าที่ ‘พิเศษ’ ที่เธอได้รับมอบหมายให้จัดการ
“เรื่องสุดท้ายคุณนีนี่เธอคืนคีย์การ์ดมาให้แล้วนะคะ ส่วนคอนโดดิฉันก็จัดการให้แม่บ้านเข้าไป ‘เคลียร์’ เรียบร้อยแล้วค่ะ” นีนี่คือผู้หญิงคนล่าสุดที่เจ้านายปลดระวางเมื่อหมดวาระหรือพูดภาษาบ้านๆ ว่าเบื่อนั่นเอง หลังจากเธอไปแจ้งให้ย้ายออกอีกฝ่ายก็คร่ำครวญน้ำตาเล็ดชนิดที่หากเป็นคนอื่นเห็นคนสงสาร แต่เธอที่เผชิญกับบรรดาผู้หญิงของเจ้านายมานับไม่ถ้วนมองปราดเดียวก็รู้ว่านั่นคือน้ำตามายา ข้อพิสูจน์ก็คือเมื่อเจ้าหล่อนเห็นเช็คที่เธอนำไปให้ก็หยุดคร่ำครวญทันทีก่อนจะตาลุกวาวและกุลีกุจอเก็บกระเป๋าอย่างรวดเร็ว
“ดีมาก คุณไปทำงานเถอะ”
“เรื่องนั้นเป็นยังไงบ้างนนท์” เมื่อคล้อยหลังรังสิมา ภัทรก็หันไปถามชานนท์บอดี้การ์ดกึ่งผู้ช่วยส่วนตัวที่ยิ่งกว่ารู้ใจเพราะชานนท์คือเด็กที่บิดาของเขาให้การอุปการะมาจากบ้านเด็กกำพร้าหลังมารดาของเขาไปบริจาคสิ่งของแล้วเกิดถูกชะตา เรียกว่าเขาน้องชายและชานนท์ถูกเลี้ยงมาด้วยกันเลยก็ว่าได้ ชานนท์ได้รับความรักจากทุกคนในบ้านและได้รับการศึกษาอย่างดีที่สุดทัดเทียมเขาและน้องชาย แต่อีกฝ่ายก็มักจะวางตัวเป็นลูกน้องและเจียมตัวอยู่เสมอทั้งที่รูปร่างหน้าตาการศึกษาไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาเลย แม้จะไม่ได้รวยเท่าแต่หมอนี่ก็มีหุ้นในบริษัทเช่นกัน ถึงจะเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับเขาและน้องชาย แต่ก็ทำให้หมอนี่ห่างไกลจากคำว่าจนมาก แต่ถึงกระนั้นชานนท์ก็ไม่เคยฟุ้งเฟ้อและพอใจที่จะอยู่เรือนหลังเล็กที่อยู่มาตั้งแต่ถูกพาเข้ามาที่บ้านพิริยะ แม้บิดามารดาเขาและน้องชายจะหว่านล้อมให้ขึ้นมาอยู่บนตึกใหญ่ด้วยกันเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผล
“ช่วงนี้ทางนั้นเงียบๆ ไปครับ แต่ผมก็ให้ดนัยคอยตามอยู่ตลอด” ดนัยคือบอดี้การ์ดอีกคนที่ทำงานร่วมกันมานานเรียกว่าหากชานนท์เป็นมือขวา ดนัยก็คือมือซ้ายที่จะขาดมือใดมือหนึ่งไปไม่ได้ ยิ่งช่วงนี้ที่เขาชนะการประมูลโครงการใหญ่ของรัฐมาหลายโครงการติดๆ กันก็ดูเหมือนว่าจะได้ศัตรูแถมมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
“ให้ดนัยคอยจับตาไว้ก็แล้วกัน มันคงไม่ยอมรามือง่ายๆ หรอก” บุคคลที่ภัทรและชานนท์กำลังกล่าวถึงก็คือเสี่ยวิชัยเจ้าของวิชัยการช่างบริษัทรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ที่เป็นคู่แข่งมาช้านานกับพิริยะคอนสตรัคชั่น ซึ่งปัจจุบันได้ให้ลูกชายเข้ามาช่วยงาน
“ครับนาย แล้วเรื่องคอนโดเจ้านายจะให้ผมจัดการหาเจ้าของใหม่เลยไหมครับ” คำถามนี้ทำให้ภัทรปรายตาขึ้นจากแฟ้มเอกสารมองคนถามที่ยืนกุมมืออยู่ตรงหน้าด้วยสีหน้านิ่งๆ แต่แววตาสั่นระริก ชานนท์แม้จะจริงจังกับการทำงานและเจียมเนื้อเจียมตัวแต่ก็กล้าที่จะแหย่เขาเช่นตอนนี้
“ทำไม กลัวฉันเหงาเหรอ”
“ก็ช่วงนี้นายทำงานหนัก ถ้ามีอะไรสวยๆ งามๆ ที่ทำให้กระชุ่มกระชวยหัวใจน่าจะทำให้ลดความเครียดได้”
“ยังก่อน ตอนนี้ยังไม่เจอสิ่งสวยๆ งามๆ ที่ถูกใจ ว่าแต่คนอื่นแล้วนายล่ะ วันๆ เกาะติดอยู่กับฉันไม่เบื่อหรือไง ไม่คิดจะหาของสวยๆ งามๆ บ้างเหรอ”
“เดี๋ยวผมไปดูความเรียบร้อยห้องประชุมรอดีกว่า ขอตัวก่อนครับ” โดยไม่รอคำอนุญาตบอดี้การ์ดกึ่งผู้ช่วยที่เขารักเหมือนน้องชายก็รีบหนีออกไปทันที พูดเรื่องนี้ทีไรหมอนี่ชอบเฉไฉและเขาก็ไม่เคยได้รับคำตอบว่าอีกฝ่ายมีใครในชีวิตหรือยัง แต่เขาก็ไม่เคยได้ยินชานนท์พูดถึงผู้หญิงคนไหนสักครั้ง ไม่รู้ว่าหมอนี่ตายด้านไปแล้วหรือเปล่าช่างต่างกับเขาโดยสิ้นเชิง