บทที่ 3 ความเจ็บที่อธิบายไม่ได้
บนรถที่แล่นเข้าไปยังบริษัทมีแต่ความอึมครึมพู่ไหมเอาแต่มองออกไปนอกหน้าต่างรถและไม่ยอมหันมามองพลขับสักนิด เมื่อธามทำท่าจะเปิดปากพูด หญิงสาวก็หลับตาลง ซึ่งทำให้ร่างสูงต้องหยุดเพราะกิริยาท่าทางแบบนี้ก็คือเจ้าหล่อนไม่อยากฟัง
แถมเมื่อถึงบริษัทหญิงสาวก็รีบเปิดประตูแล้วลงจากรถไปทันที ธามได้แต่เดินตามไปเงียบๆ
คนท้องได้สามเดือนกว่าทิ้งตัวลงที่เก้าอี้อีกครั้งและหลับตาลงเพื่อสกัดกลั้นความเจ็บ เพราะตอนนี้ทุกลมหายใจเข้าออกของร่างเล็กช่างทรมานราวกับมีคนกรีดมัน ทุกถ้อยคำพูดของศศินมันทำให้เธอยิ่งสมเพชตัวเอง หล่อนเป็นคนโง่มาเสียตั้งนาน ไม่เคยรู้จุดประสงค์ที่แท้จริงของสามีเลยสักนิด
การถูกทรยศหักหลังมันช่างเจ็บปวดเสียจริง และแม้จะรู้ว่าการกลับมาทำงานมันอาจจะทำให้ต้องช้ำปางตายแต่อย่างไรแล้วมันก็คือความจริง หญิงสาวถึงเลือกที่จะเผชิญกับมัน แต่ก็ไม่รู้ว่ากำแพงที่สร้างขึ้นมาเพื่อปกป้องตัวเองจะพังทลายลงเมื่อไรเพราะรากฐานมันช่างอ่อนแอเสียเหลือเกิน
ผ่านมาแล้วหนึ่งอาทิตย์เต็มแต่พู่ไหมยังคงทำตัวเช่นเดิม มิหนำซ้ำยังแสดงความห่างเหินกับเจ้าของบ้านอย่างเห็นได้ชัด หนักไปกว่านั้นคือ ไม่ว่าจะตอนไปทำงานหรือตอนกลับจากทำงาน หญิงสาวก็ไม่ยอมนั่งรถไปกับสามี เจ้าหล่อนเลือกที่จะนั่งรถประจำทางไปเอง
พิษบาดแผลจากการกระทำของคนตัวโตมันทำให้หญิงสาวเจ็บปวดทุกวินาที ยิ่งต้องมาปั้นหน้าตอบคำถามหรือฟังคำชื่นชมของเพื่อนร่วมงานที่ออกปากชมธามทำให้หญิงสาวได้แต่ยิ้มขื่นขม
พู่ไหมเริ่มเก็บของลงกระเป๋าอีกห้านาทีต่อมาก็ลุกจากเก้าอี้เพื่อกลับบ้าน ใช้เวลาเดินทางประมาณสี่สิบนาทีก็จะถึงที่หมาย ยานพาหนะที่หล่อนใช้ตลอดหนึ่งอาทิตย์ก็คือรถเมล์ แต่วันนี้การเดินทางช้าไปมากเพราะเม็ดฝนได้โปรยปรายลงมา ทำให้การสัญจรยิ่งติดขัด
หญิงสาวต้องยกกระเป๋าใบเล็กขึ้นมาหลบฝนตอนวิ่งลงมาจากรถเมล์ แต่ก็ต้องมายืนติดแหง็กที่ศาลารอรถ เพราะหล่อนยังคงต้องอาศัยมอเตอร์ไซค์รับจ้างอีกหนึ่งต่อกว่าจะถึงบ้าน
แต่ดูท่าวันนี้หล่อนอาจจะต้องเดินตากฝนเข้าไปเอง เพราะไม่มีรถสักคันและหากยืนรอต่อไปแล้วไม่มีรถ มันอาจจะมืดค่ำไปมากกว่านี้
เท้าเล็กเริ่มก้าวออกจากศาลารอรถ ฝนเม็ดเล็กก็เริ่มตกหนักขึ้นทำให้หญิงสาวเปียกปอนไม่ต่างจากลูกนกตกน้ำ เนื้อตัวสั่นระริกเพราะความหนาว แถมหล่อนยังโชคร้ายโดนน้ำสาดจากพื้นถนนเพราะรถคันหนึ่งวิ่งมาด้วยความเร็ว
ฟากธามก็ออกไปประชุมนอกบริษัทตอนนี้ชายหนุ่มกำลังเลี้ยวรถเข้ามาในซอย ฝนที่ตกหนักทำให้ชายหนุ่มต้องใช้ที่ปัดน้ำฝนเป็นระยะพร้อมกับต้องขับรถด้วยความระมัดระวังยิ่งขึ้น
พู่ไหมเดินกึ่งวิ่งไปได้ระยะหนึ่งก็ต้องหยุดฝีเท้าเพราะได้ยินมีคนเรียกชื่อตน พอหันไปมองก็พบว่าคือสามีของเธอเอง
ธามไม่สนใจจะคว้าร่มด้วยซ้ำทันทีที่เห็นร่างเล็กชายหนุ่มก็ถลาลงจากรถไปหาอย่างห่วงใย
“ขึ้นรถครับไหม” เสียงเข้มเอ่ยบอกพร้อมกับจับข้อมือเล็กหวังจะพาขึ้นรถแต่กลับถูกสะบัดออกแล้วหญิงสาวก็เลือกที่จะเดินต่อไป ชายหนุ่มถอนหายใจดังเฮือกใหญ่
“ไหมครับ ผมขอ ไม่เห็นแก่ผมก็เห็นแก่ลูกเถอะครับ เดี๋ยวแกจะไม่สบาย”
และแม้จะบอกตัวเองว่าอีกสองเดือนหล่อนก็จะหลุดพ้นจากบ่วงทุกข์นี้แล้ว แต่เหตุใดกันเล่าพอนึกถึงการจากลา หัวใจดวงน้อยกลับยิ่งทุกข์ระทม
มือสั่นระริกเลื่อนไปอยู่ที่หน้าท้องและได้แต่สงสารลูกน้อยที่เกิดมาต้องไร้บิดา แต่หากให้อยู่กับคนที่ไม่ได้รักทั้งเธอและลูก หล่อนขอเลือกอยู่กับลูกน้อยเพียงสองคนเท่านั้น
ก่อนใบหน้านวลจะเงยขึ้นมองนาฬิกาบนผนังห้อง ซึ่งเวลานี้คือหนึ่งทุ่มตรง หญิงสาวอยู่ทำงานนอกเวลามาตลอดเพราะไม่อยากจะกลับไปเจอหน้าของเจ้าของบ้าน