พู่ไหมเริ่มเก็บของลงกระเป๋าอีกห้านาทีต่อมาก็ลุกจากเก้าอี้เพื่อกลับบ้าน ใช้เวลาเดินทางประมาณสี่สิบนาทีก็จะถึงที่หมาย ยานพาหนะที่หล่อนใช้ตลอดหนึ่งอาทิตย์ก็คือรถเมล์ แต่วันนี้การเดินทางช้าไปมากเพราะเม็ดฝนได้โปรยปรายลงมา ทำให้การสัญจรยิ่งติดขัด
หญิงสาวต้องยกกระเป๋าใบเล็กขึ้นมาหลบฝนตอนวิ่งลงมาจากรถเมล์ แต่ก็ต้องมายืนติดแหง็กที่ศาลารอรถ เพราะหล่อนยังคงต้องอาศัยมอเตอร์ไซค์รับจ้างอีกหนึ่งต่อกว่าจะถึงบ้าน
แต่ดูท่าวันนี้หล่อนอาจจะต้องเดินตากฝนเข้าไปเอง เพราะไม่มีรถสักคันและหากยืนรอต่อไปแล้วไม่มีรถ มันอาจจะมืดค่ำไปมากกว่านี้
เท้าเล็กเริ่มก้าวออกจากศาลารอรถ ฝนเม็ดเล็กก็เริ่มตกหนักขึ้นทำให้หญิงสาวเปียกปอนไม่ต่างจากลูกนกตกน้ำ เนื้อตัวสั่นระริกเพราะความหนาว แถมหล่อนยังโชคร้ายโดนน้ำสาดจากพื้นถนนเพราะรถคันหนึ่งวิ่งมาด้วยความเร็ว
ฟากธามก็ออกไปประชุมนอกบริษัทตอนนี้ชายหนุ่มกำลังเลี้ยวรถเข้ามาในซอย ฝนที่ตกหนักทำให้ชายหนุ่มต้องใช้ที่ปัดน้ำฝนเป็นระยะพร้อมกับต้องขับรถด้วยความระมัดระวังยิ่งขึ้น
พู่ไหมเดินกึ่งวิ่งไปได้ระยะหนึ่งก็ต้องหยุดฝีเท้าเพราะได้ยินมีคนเรียกชื่อตน พอหันไปมองก็พบว่าคือสามีของเธอเอง
ธามไม่สนใจจะคว้าร่มด้วยซ้ำทันทีที่เห็นร่างเล็กชายหนุ่มก็ถลาลงจากรถไปหาอย่างห่วงใย
“ขึ้นรถครับไหม” เสียงเข้มเอ่ยบอกพร้อมกับจับข้อมือเล็กหวังจะพาขึ้นรถแต่กลับถูกสะบัดออกแล้วหญิงสาวก็เลือกที่จะเดินต่อไป ชายหนุ่มถอนหายใจดังเฮือกใหญ่
“ไหมครับ ผมขอ ไม่เห็นแก่ผมก็เห็นแก่ลูกเถอะครับ เดี๋ยวแกจะไม่สบาย” ประโยคยืดยาวนี้ทำให้พู่ไหมหยุดฝีเท้าแล้วเม้มริมฝีปากแน่นเพราะเธอเอาทิฐิเอาความโกรธมาเป็นที่ตั้งโดยลืมคิดถึงลูกน้อยไปได้อย่างไร
เมื่อเห็นว่าภรรยาสาวหยุดฝีเท้ามือหนาก็คว้าข้อมือเล็กอีกครั้งแล้วจูงให้เดินไปนั่งบนรถ และธามก็รีบหยิบเสื้อสูทหลังรถมาให้หญิงสาวสวมใส่ทันที
พู่ไหมเม้มริมฝีปากอีกหนยามได้เห็นสายตาคมเพราะมันมีประกายแห่งความห่วงใยอยู่ แต่หญิงสาวไม่รู้ว่าประกายตานี้มันคือความจริงหรือไม่ หรือเขากำลังล่อลวงเธออีก
หากเป็นไปได้หล่อนก็ไม่อยากให้เขามาแสดงความห่วงใยอีกเพราะมันจะทำให้ป้อมปราการที่สร้างขึ้นมาพังทลายลงง่ายๆ ซึ่งมันทำให้เธอรู้สึกปวดแปลบในอก
เมื่อรถแล่นเข้ามาถึงบ้านพู่ไหมก็ก้าวลงจากรถแล้วตรงไปยังห้องนอนทันทีเพราะขืนอยู่กับเขาต่อไป หล่อนอาจจะเก็บความอ่อนแอเอาไว้ไม่ไหว ยิ่งได้ยินเขาเอ่ยถึงลูก เธอก็ยิ่งเจ็บปวด เพราะเธอกับลูกคือสิ่งที่เขาไม่ต้องการ ความทุกข์โหมกระพืออยู่ในอก
พู่ไหมรีบอาบน้ำชำระร่างกายเพราะกลัวไม่น้อยว่าจะป่วยแล้วมันจะส่งผลกระทบกับลูกน้อยในครรภ์ ยามนี้หล่อนต้องคิดถึงลูกน้อยที่สุด เธอสัญญาว่าต่อให้ลูกขาดบิดา เธอก็จะเป็นบิดาให้เอง จะทำทุกอย่างให้ลูกมีความสุขเท่าที่แม่คนหนึ่งจะทำได้
สักประมาณสามทุ่มตรงเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น พู่ไหมลุกจากหน้ากระจกตรงไปเปิดประตู เพราะคิดว่าคนที่มาเคาะคือป้าพิม แต่เพียงเปิดประตูออกดู หญิงสาวก็อยากจะปิดมันกลับ
“ผมเอานมร้อนๆมาให้ครับไหม” ธามรู้ว่าภรรยาสาวไม่มีทางรับมันแน่ ชายหนุ่มจึงยัดมันใส่มือน้อย แถมยังไม่เปิดโอกาสให้เจ้าหล่อนได้ปฏิเสธ ก่อนจะชิงพูดบางสิ่งออกมาเสียก่อน
“พรุ่งนี้ผมจะพาไปฝากครรภ์นะครับไหม”
“ไหมไปเองได้ค่ะ”
“ให้ผมทำหน้าที่พ่อบ้างนะครับ” ใบหน้าคมเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด น้ำเสียงก็สั่นพร่าไม่น้อย เพราะก้อนเนื้อด้านซ้ายเริ่มกลัว ชายหนุ่มกลัวอิทธิพลของความแค้น พู่ไหมเปลี่ยนไปจนน่าใจหาย หญิงสาวคงเกลียดเขามาก
ฟากคนตัวเล็กก็ยิ้มหยัน เขาน่ะหรืออยากจะทำหน้าที่พ่อ หล่อนไม่มีทางเชื่อ
“ไม่ต้องการแกไม่ใช่หรือคะ อย่าลำบากใจเลยค่ะ”