คล้อยหลังดรัสตันออกไปได้ไม่นาน พริมาภาก็ออกมาข้างนอกห้องทำงาน หญิงสาวมองบิดามารดาของตนเองโดยไม่เหลือบแลมองไปทางดรัสตัน ก่อนจะกดหน้าลงนิดๆ เป็นเชิงบอกให้บิดากับมารดารู้ว่าเธอตกลงที่จะแต่งงานกับดรัสตันแทนแพรรัมภาที่หายตัวไป
หลังจากนั้นหญิงสาวก็ถูกมารดาพากลับไปยังห้องนอนของเธอ ช่างแต่งหน้าทำผมยังคงรออยู่ตรงนั้น ร่างเล็กของพริมาภาถูกกดลงให้นั่งบนเก้าอี้หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ขณะที่มารดาของเธอเข้าไปพูดคุยกับช่างแต่งหน้าทำผม หลังจากนั้นแม้พวกเขาจะมีสีหน้าสงสัยอะไร แต่พริมาภาก็ไม่รับรู้ทั้งสิ้น เบือนหน้าหนีภาพที่มารดาออกไปข้างนอกห้องนอนของเธอ ดูเหมือนท่านจะไปเอาชุดของพี่แพรมาให้เธอสวมแทน ไม่รู้โชคดีหรือโชคร้ายที่เธอกับพี่สาวมีหุ่นใกล้เคียงกันชนิดที่บางครั้งก็สามารถยืมเสื้อผ้ากันใส่ได้
พริมาภาเงยหน้าขึ้นมองกระจกตรงหน้า ก็พบว่าช่างแต่งหน้าอึกอักเหมือนอยากจะเข้ามาทำหน้าที่ของตัวเอง หญิงสาวมองสบตาอีกฝ่ายผ่านกระจกก่อนจะเม้มปากแน่นแล้วพยักหน้าให้น้อยๆ ในที่สุด เธอมองภาพใบหน้าตัวเองที่ซีดเผือด ขับให้เห็นขอบตาแดงช้ำเพราะผ่านการร้องไห้ แล้วก็ได้แต่หลุบเปลือกตาลง ก่อนหันหน้าไปหาช่างแต่งหน้าที่ยืนอยู่ข้างหลังตนเอง ตอนนี้เธอไม่กล้าแม้แต่จะสบตาตัวเองแล้ว ใจของพริมาภาทั้งเจ็บทั้งทรมาน
เธอเกลียดที่เรื่องมันกลายมาเป็นแบบนี้ ใจทั้งอยากหนีแต่ก็ไม่อาจทำได้ เพราะสุดท้ายเธอก็ไม่สามารถทิ้งให้คนข้างหลังลำบากได้อีกต่อไป
และที่ทำให้เธอเกลียดที่สุดก็คือ ดรัสตัน แมคไกวร์ ผู้ชายหน้าเนื้อใจเสือ ซาตานในคราบสุภาพบุรุษ ปีศาจในร่างคน หรืออะไรก็ตามแต่ เขาบีบให้เธอจนตรอก ทำให้เธอจำต้องก้มหัวยอมรับว่าเธอได้ขายตัวเองให้เขาแล้วในวันนี้
ขายตัวเองให้กับคนที่เธอเกลียดที่สุดอย่างเขาเพราะ ‘เงิน’ เพียงคำเดียว!
เธอเคยทระนงตัวเองมาตลอดว่าเธอมีพร้อม สุดท้ายแล้วเธอถึงรู้ว่าเธอมันก็แค่เด็กคนหนึ่งเท่านั้น พอไม่มีคนหนุนหลังเธอก็ไม่เหลืออะไรเลย
...กระทั่งชีวิตของเธอเอง
หลังจากนั้นพริมาภาก็ไม่สนใจแล้วว่าใครจะให้เธอทำอะไร ใจของหญิงสาวจมจ่อมอยู่แต่กับความรู้สึกโกรธเกรี้ยวที่พยายามข่มเอาไว้ ในสมองเอาแต่ครุ่นคิดว่าเธอจะสามารถหลุดพ้นไปจากสถานการณ์ตรงนี้ได้หรือไม่ และบางครั้งเธอก็สวดภาวนาให้เกิดเรื่องอะไรสักอย่างก็ได้ที่ทำให้งานแต่งงานบ้าๆ นี่มันจบลงไปซะ
ถึงเธอจะพอรู้มาบ้างว่าดรัสตันจำเป็นต้องแต่งงานเขาถึงไม่อยากยกเลิก แต่เธอจะไปสนใจเขาทำไม เธออยากให้มันเกิดขึ้น แล้วคนผิดก็จะเป็นเขาไม่ใช่ครอบครัวเธอ
แต่ถึงอย่างนั้นเมื่อเวลาผ่านไปกระทั่งแต่งตัวเสร็จ เรื่องที่เธอภาวนานั้นก็ไม่เกิดขึ้น รู้ตัวอีกทีเธอก็พบว่าตัวเองกำลังนั่งอยู่เคียงข้างดรัสตันในพิธีหมั้นช่วงเช้า เธอรู้ว่ามีหลายคนสงสัยว่าทำไมเจ้าสาวถึงกลายเป็นเธอ แต่ก็ไม่มีใครถามอะไรออกมา ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะคนที่อยู่ในงานช่วงเช้านี้คือคนสนิทและเครือญาติกันเท่านั้น
พริมาภาในเวลานี้ทำตัวเหมือนหุ่นยนต์ ใครจะให้เธอทำอะไร เธอก็ทำทั้งหมด ถึงจะกระอักกระอ่วนใจมากแค่ไหน แต่เธอก็ยอมทำเพราะสายตาขอร้องของแม่ที่มองมา ทำให้เธอไม่อาจทำอะไรที่ฉีกหน้าคนในครอบครัวตัวเองได้ กระทั่งพิธีทุกอย่างเสร็จสิ้น แต่เธอยังคงต้องนั่งถ่ายรูปต่ออีกหน่อย ทำให้เธอไม่อาจลุกหนีไปได้ และตอนนั้นเองที่ ‘เจ้าบ่าว’ ของเธอก็ขยับเข้ามาชิดใกล้ เขายกแขนขึ้นโอบไหล่เล็กเปลือยเปล่าของเธอกระชับเข้าหาตัวแน่น ตอนนั้นเองที่เธอหันขวับไปมองดรัสตันเต็มตา จึงได้เห็นว่าเขาอยู่ในชุดสูทสีขาว ใบหน้าหล่อเหลาคมคายขาวจัด และออกเค้าของความเป็นตะวันตกเพราะเชื้อสายลูกเสี้ยวไทย-อเมริกันของชายหนุ่มนั้นอยู่ชิดกว่าที่เคย ชายหนุ่มแต้มยิ้มตรงมุมปากให้กับกล้อง ใบหน้าหล่อเหลาดูมีความสุขเหลือเกินทั้งๆ ที่เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นถึงขนาดนี้
พริมาภานึกอยากจะสลัดตัวออก แต่ทำไม่ได้ มิหนำซ้ำใบหน้าเล็กยังแดงก่ำขึ้นมา ฝ่ามือใหญ่ร้อนผ่าวที่โอบกระชับต้นแขนเธอนั้นบีบเข้าหากันแน่น ก่อนที่เขาจะก้มหน้าลงมาหา ริมฝีปากหยักสวยของชายหนุ่มเฉียดผ่านแก้มนวลของพริมาภา ก่อนที่เขาจะกระซิบบอกกับเธอเสียงเบาว่า
“ทำหน้าให้มันดีๆ หน่อย”
น้ำเสียงทุ้มนุ่มนั้นมีแววข่มขู่ชัด แต่ภาพที่คนภายนอกเห็นกลับเป็นดรัสตันที่แย้มยิ้มและดูมีความสุขขณะประคองกอดเจ้าสาวของเขา
ไม่ต้องเล่นละครขนาดนี้ก็ได้มั้ง ในเมื่อทุกคนในงานก็รู้เรื่องกันดีอยู่แล้ว!
พริมาภานึกอยากจะตอกกลับไปให้เขาเจ็บ แต่สุดท้ายก็รู้ว่าเธอไม่ควรหาเรื่องใส่ตัวเองแบบนั้น แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ใช่แม่ชีที่ไหนจะได้ระงับความโกรธของตัวเองอยู่
“ฉันทำได้ดีแค่นี้แหละ นายจะให้มันดีขนาดไหน”
หญิงสาวตอบกลับเขาไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาไม่แพ้กัน และเต็มไปด้วยความฉุนโกรธที่ยังอยู่ในใจเธอ
และการตอบโต้นั้นก็เหมือนจะไปจุดความโกรธให้กับคนข้างๆ ขึ้นมาอีกครั้ง เขาเหยียดยิ้มออกมา แต่กลับให้ความรู้สึกน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก และฝ่ามือใหญ่ที่กระชับต้นแขนเธอก็ออกแรงบีบมากขึ้นจนพริมาภารู้สึกเจ็บ หญิงสาวนิ่วหน้า หันขวับไปมองเขาพลางถลึงตาใส่ราวกับจะประท้วง แต่นอกจากจะไม่ปล่อยมือแล้ว ดรัสตันยังจงใจก้มหน้าลงมาชิดใบหน้าของเธออีกครั้ง ปลายจมูกโด่งเฉียดแก้มนุ่มของเธออีกหน เขาไม่ยอมขยับหนี ซ้ำยังกระซิบบอกเธอด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยติดจะท้าทายออกมาว่า
“ถ้าไม่เต็มใจขนาดนั้นก็ยกเลิกงานไปเลยได้นะ ฉันจะทนขายหน้า...”
“ไม่ต้องขู่หรอก!”
พริมาภาแย้งขึ้นมาโดยไม่ยอมให้เขาพูดจนจบ
ปีศาจร้ายข้างๆ เธอเหยียดยิ้ม ท่าทางเหมือนพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง ก่อนจะถามเหมือนกับท้าทายเธอว่า
“เธอควรจะรู้นะพีช ว่าต้องทำตัวยังไง”
“ค่ะ!”
พริมาภากระแทกเสียงตอบ ขณะที่ฉีกยิ้มกว้างออกมา แต่มันดูคล้ายกับจะแยกเขี้ยวเสียมากกว่า ดวงตาของเธอแสบร้อน หัวใจอึดอัด ตอนนี้รู้สึกหายใจแทบไม่ออก ราวกับว่าภายในห้องนี้ไม่เหลืออากาศให้เธอได้หายใจเลยสักนิดเดียว
เธอในเวลานี้รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะตาย...ไม่ใช่ทางร่างกาย แต่เป็นภายในจิตใจ...
จังหวะนั้นเธอเหลือบตาหันไปมองทางมารดาของตนเอง ก็เห็นว่าแม่มองเธออยู่ สีหน้าของท่านไม่สู้ดีและเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด ดวงตาของแม่วาววับไปด้วยหยาดน้ำตา พริมาภากัดริมฝีปากแน่น ข่มทุกความรู้สึกลงไป
เธอจะต้องอดทน... อดทนกับดรัสตันและเรื่องวันนี้เอาไว้ แค่ทนให้ผ่านวันนี้ไปได้ หลังจากนั้นเธอน่าจะเป็นอิสระได้อย่างแน่นอน!
พอคิดได้อย่างนี้พริมาภาก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาบ้าง
แค่ผ่านวันนี้ไปให้ได้ หลังจากนั้นเธอก็ไม่ต้องสนใจอะไรอีกต่อไปแล้ว!
ทว่าความโล่งใจของพริมาภาดูเหมือนจะสั้นเหลือเกิน และเธอก็ไม่คิดว่าเธอจะต้องจดทะเบียนสมรสกับดรัสตันด้วย!
หญิงสาวพยายามขัดขืนและชักแม่น้ำทั้งห้ามาโน้มน้าวทุกคนว่าเธอไม่จำเป็นต้องจดทะเบียนสมรส แต่สุดท้ายเธอก็แพ้ และกลายเป็นภรรยาของ ดรัสตัน แมคไกวร์ ในทางนิตินัยด้วยความไม่เต็มใจอย่างที่สุด!
พริมาภาในตอนที่เซ็นชื่อลงบนทะเบียนสมรสของนายทะเบียนที่ถูกเชิญมาที่บ้านนั้นพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา เธอจะต้องไม่ร้องไห้ต่อหน้าปีศาจอย่างดรัสตันเด็ดขาด ไม่อยากให้เขาได้ใจว่าเขาเอาชนะและอยู่เหนือเธอได้
เธอจะต้องเข้มแข็ง และเข้มแข็งให้มากขึ้น อย่าให้ถึงคราวของเธอบ้าง เธอจะต้องทำให้เขารู้สึกไร้ค่าเหมือนที่เธอรู้สึกให้ได้!
.............................