ป่านนี้แม่ของเขาคงผุดลุกผุดนั่งเฝ้ารออย่างกระวนกระวายใจแล้ว เชื่อเลยว่าถ้าไม่ได้รับคำอธิบายที่ดี การะบุหนิงแม่ของพวกเขาอาจจะลุกขึ้นมาตีพวกเขาขาหักก็เป็นได้ ถึงแม้อันที่จริงแม้แต่จะตีมือพวกเขาเบาๆ สักแปะเธอจะไม่เคยทำก็ตาม แต่ผู้หญิงที่กุมความรักของผู้ชายแมคไกวร์ไว้ในมืออย่างแม่ แค่เธอนิ่วหน้าไม่พอใจ ก็ทำให้พวกเขาสามคนพ่อลูกแทบจะคุกเข่าสำนึกผิดแล้ว
“ฉันจัดการเอง ขอบใจที่ห่วง”
ดรัสตันตอบกลับ คราวนี้เลิกทำอะไรเล่นๆ แล้วจ้องมองพี่ชายอย่างจริงจัง
อีกฝ่ายส่งยิ้มน้อยๆ ให้เขา ยกมือตบบ่าเขาหนักๆ สองสามทีก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังไม่แพ้กันออกมาว่า
“ไม่ต้องขอบใจ เพราะฉันไม่ได้ห่วงแก”
“...”
“ฉันห่วงน้องพีชต่างหาก”
คราวนี้คนเป็นน้องชายถลึงตาดุใส่อีกฝ่ายทันที “ยุ่งกับเมียคนอื่นจังวะ!”
ทุกสามประโยคห้าประโยคเป็นต้องวนพูดถึง ‘น้องพีช’ เดี๋ยวเถอะ อย่าให้ถึงทีเขาบ้าง เลขาฯ สาวคนนั้นน่ะ เขาจะแฉมันให้หมดเลยดีไหม!
“อื้อฮือ” คนเป็นพี่ชายส่งเสียงลากยาวในลำคอล้อเลียน “ยอมรับเต็มปากเต็มคำเชียวนะว่า...เมีย”
มันเพิ่งจดทะเบียนสมรสไม่ถึงชั่วโมงดี ตอนนี้รีบประกาศตัวเลยเชียวนะ!
“ก็แต่งกันแล้ว” คนเป็นน้องลอยหน้าลอยตาตอบ “ไม่ให้เรียกเมียจะให้เรียกอะไร”
ผิดกับคนบางคน แค่จะทำให้เลขาฯ คนนั้นพูดด้วยยาวๆ สักประโยคที่ไม่ใช่เรื่องงานยังยาก แล้วทำเป็นจะมาล้อเขาเหรอ!
นายมันคนละชั้นกับฉันแล้วเว้ยพี่ชาย!
“โอเค” ทริสตันรีบยกมือยอมแพ้ก่อนจะโดนอีกฝ่ายพูดแทงใจดำอะไรออกมา ปากอย่างดรัสตันขนาดชินๆ แล้วอย่างเขาก็ยังไม่ชินเลย “ไม่เถียงกับแกแล้ว ฉันไปก่อนละ เจอกันที่งานตอนเย็น”
“เออ ไปได้แล้ว”
ดรัสตันโบกมือไล่พี่ชายให้ออกไปจากบ้านของเขา ส่วนตัวเขาเปลี่ยนใจไม่กลับไปห้องนอนของตัวเองเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนไปพบบิดามารดาแล้ว แต่ไปหาทั้งสองคนทั้งอย่างนั้น เพื่ออธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นให้พวกท่านรับรู้
ให้รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นสิ่งที่เขาคิดมาดีแล้ว...ไม่ได้ทำไปเพราะอารมณ์เหมือนที่สายตาคนภายนอกเข้าใจ!
.............................
หลังจากถูกบังคับให้จดทะเบียนสมรส พริมาภาก็ใช้เวลาหลังจากนั้นขังตัวเองอยู่ในห้องนอนตลอดเวลา ระหว่างนั้นเธอพยายามติดต่อกับพี่สาวของตนเอง ทั้งส่งข้อความและโทร.หา แต่ไม่สามารถติดต่อได้เลย เบอร์ของเพื่อนสนิทพี่สาวเธอก็มีแค่คนเดียว จึงได้แต่ไหว้วานให้อีกฝ่ายส่งเบอร์ติดต่อคนอื่นๆ ให้เธอด้วย และขอร้องว่าอย่าบอกเรื่องนี้กับใคร
พอถึงเวลาพริมาภาก็ถูกมารดาตามตัวอีกครั้ง ท่านให้เธอไปเตรียมตัวสำหรับงานเย็นที่โรงแรมซึ่งใช้จัดงาน พริมาภาอยากจะอิดออด เพราะรู้ว่างานเย็นคนเยอะกว่างานเช้าตั้งหลายเท่าตัว แต่ถึงอย่างนั้นก็รู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้ อีกอย่างเธอทำมาถึงขนาดนี้แล้ว จะเข้าหรือไม่เข้าพิธีแต่งงานก็ไม่ต่างกัน
ไม่สิ...มันต่างกันมหาศาล เพราะถ้าเธอยังทำให้ดรัสตันไม่พอใจ
ระหว่างนั้นกระทั่งแต่งตัวจนเสร็จสิ้น และออกไปยืนยิ้มรับแขกพร้อมกับดรัสตันที่เปลี่ยนมาเป็นชุดสูทสีดำ เคียงคู่กับเธอ เขามีสีหน้าปกติพอๆ กับเธอเวลาที่มีคนสงสัยในยามมองเธอกับเขา
เพราะเจ้าสาวของงานไม่ใช่แพรรัมภาอย่างที่ทุกคนรับรู้ในการ์ดเชิญ...
แม้จะบอกว่างานแต่งงานนี้ดรัสตันกับแพรรัมภาได้กำหนดว่าจะไม่จัดใหญ่โตอะไร ทว่าถึงอย่างนั้นแขกที่มาร่วมงานก็มีจำนวนหลักพันคน เธอยืนรับแขกที่ส่วนใหญ่ไม่ใช่แขกของตัวเองจนอ่อนล้าไปหมด แต่ถึงอย่างนั้นก็มีหลายคนที่รู้จักเธอ และมีเพียงคนเดียวที่เป็นเพื่อนสนิทที่เธอเชิญมางานนี้
ตอนที่เธอได้เข้าไปพักเพื่อเตรียมตัวขึ้นเวที...พิธีการแสนน่าเบื่อเหล่านั้น เพื่อนสนิทในชุดเดรสสีฟ้าน่ารักก็บุกเข้ามาหาเธอ โชคดีที่ตอนนั้นดรัสตันไม่อยู่
อีกฝ่ายมองเธอในชุดเจ้าสาวสีขาวเปิดเปลือยไหล่เล็ก ขับให้ผิวขาวผ่องโดดเด่นตาโต พริมาภาได้แต่มองเพื่อนสนิทนิ่ง ตอนนี้ถึงได้รู้ว่าเธอต้องการใครสักคนที่จะเข้าใจเธอมากแค่ไหน และอิงฟ้าเพื่อนสนิทที่เธอลืมอีกฝ่ายไปชั่วขณะก็กลายเป็นคนคนนั้น
อิงฟ้าขยับเข้ามาใกล้เธอ มองเธอขึ้นๆ ลงๆ แล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงไม่ปกปิดความสงสัยออกมา
“พีช! นี่มันอะไรวะแก ทำไมเป็นแกที่เป็นเจ้าสาว พี่แพรล่ะ รู้ไหมคนทำหน้าตกใจกันทั้งงานแล้ว”
พริมาภาจับมือเพื่อนสนิทที่ยื่นมาหาเธอแน่น ดึงอีกฝ่ายให้นั่งลงข้างๆ กัน สีหน้าของเธอในเวลานี้พริมาภาก็รู้ตัวว่าตนเองแทบจะเก็บอะไรไม่อยู่อีกต่อไปแล้ว
“ฉันเลือกไม่ได้ไงอิง ฉันไม่ได้อยากทำแบบนี้เลย”
หญิงสาวบอกเพื่อนสนิทเสียงสั่นเครือ ความรู้สึกไม่มั่นคงในใจและเจอคนที่ไว้ใจที่สุดคนหนึ่งในชีวิตทำให้เธอนึกอยากร้องไห้ออกมาต่อหน้าอีกฝ่าย
กับอิงฟ้านั้นสนิทกันเสียยิ่งกว่าพี่น้อง เธอที่เก็บกดมาตลอดตั้งแต่เช้าถึงได้รู้สึกเหมือนเจอคนที่สามารถไว้ใจระบายความรู้สึกออกมาได้
อิงฟ้าเห็นสีหน้าไม่สู้ดีเหมือนกับจะร้องไห้ของเพื่อนสนิทแล้วก็ขยับเข้าไปกอดอีกฝ่าย ตบไหล่เล็กเบาๆ แล้วเอ่ยปลอบประโลมอย่างอ่อนโยนออกมา
พริมาภาในตอนนี้ดูเหมือนจะแตกสลายได้ทุกเมื่อ เพราะเมื่อเช้าเธอไม่ได้ไปงานช่วงเช้า ถึงได้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ใครจะคิดว่าพอมางานเลี้ยงตอนเย็นจะได้เจอเพื่อนสนิทตัวเองใส่ชุดเจ้าสาวยืนรับแขกกับคนที่พริมาภาบอกว่าเกลียดเป็นอันดับหนึ่งในชีวิตคนนั้น
“แล้วมันเกิดอะไรขึ้นวะแก เล่าให้ฟังหน่อยสิ”
อิงฟ้าเอ่ยถามขึ้นอีกครั้งเมื่อเพื่อนสนิทของเธอมีท่าทีโอนอ่อนขึ้น มือเล็กที่กอดรัดเธอแน่นเริ่มคลายออก และเมื่อเผชิญหน้ากันอีกครั้งอิงฟ้าก็เอี้ยวตัวไปหยิบเอาทิชชูดึงออกมาสองสามแผ่น ดันใบหน้าสวยของพริมาภาให้เชิดขึ้นก่อนจะค่อยๆ ใช้ทิชชูซับน้ำตาให้อีกฝ่ายเบาๆ ไม่ให้มันเลอะเครื่องสำอาง แต่ถึงอย่างนั้นหลังจากนี้ก็ต้องให้ช่างเข้ามาแต่งกลบส่วนที่หลุดออกไปละนะ
พริมาภานิ่งไปชั่วครู่ ริมฝีปากเล็กขยับเหมือนจะเล่าแต่ก็ไม่รู้จะพูดออกมาอย่างไรดี ครู่หนึ่งจึงเอ่ยออกมาได้ว่า
“พ่อกับแม่บอกว่าพี่แพรหนีไปแล้ว พี่แพรไม่อยากแต่งงานกับนายดรัสตัน พี่เลยหนีไป”
ประโยครวบรัดแต่เต็มไปด้วยใจความสำคัญนั้นทำให้อิงฟ้าเบิกตาโตอ้าปากค้างในยามที่ได้ฟังแต่แรกแล้ว
“เดี๋ยว!” หญิงสาวก็รีบยกมือห้ามเพื่อนสนิทก่อนจะร้องถามออกมา “แต่สองคนนี้เป็นแฟนกันไม่ใช่เหรอ”
เธอน่ะรู้จักคู่นี้มายาวนานพอๆ กับที่รู้จักพริมาภานั่นแหละ เพราะพี่แพรพี่สาวของพริมาภาเป็นแฟนสาวของดรัสตันตั้งแต่เรียนไฮสกูลด้วยกัน ถึงจะห่างกันไปเพราะเรียนคนละที่ แต่ก็คบกันมาอย่างยืดยาว พวกเขาไม่ทะเลาะกัน สนิทสนมกันดี กระทั่งจะแต่งงาน จู่ๆ พี่แพรก็หนีไปอย่างนี้ ทิ้งทุกอย่างไปอย่างหน้าตาเฉย เธอว่ามันแปลกๆ
แต่ถึงอย่างนั้นกระทั่งคนเป็นน้องสาวอย่างพริมาภาเองก็ไม่รู้ เธอรู้แค่ว่าพี่แพรหนีไปเลยโดยไม่ทิ้งข้อความอะไรเอาไว้ คนที่บอกว่าพี่แพรหายไปก็คือพ่อกับแม่ที่หาตัวไม่เจอ ถึงได้เรียกดรัสตันมาที่บ้าน กระทั่งตบท้ายด้วยการให้เธอแต่งงานแทนอย่างนี้
ไม่มีใครรู้เลยว่าพี่แพรไปไหน...และทำไมตัดสินใจเททุกอย่างทิ้งอย่างนี้
แต่ถึงอย่างนั้นบิดาของเธอก็ยังพร่ำบ่นพี่สาวไม่หยุดปากด้วยความขัดใจ
บางทีเธอก็เข้าใจนั่นแหละว่าทำไมพี่แพรถึงไม่ยอมพูดอะไรแล้วเลือกจะไปเลย ยิ่งพอมารู้เรื่องต่างๆ ที่ไม่เคยรับรู้ รู้ถึงความลำบากใจของพี่สาว เธอก็ยิ่งคิดว่าตนเองสมควรที่จะต้องตอบแทนอะไรครอบครัวบ้าง