ช่วงนี้ถือเป็นช่วงฤดูกาลแห่งการแข่งรถเวิร์ลกรังด์ปรีซ์ ซึ่งปีนี้นักแข่งรถจากจากทั่วทุกมุมโลก จะมาใช้สนามแข่งในประเทศไทย ซึ่งสนามใหญ่นั้นมี คุณ แทนคุณ เป็นเจ้าของ ทำให้ช่วงนี้เขามีเรื่องให้ต้องจัดการหลายอย่าง หลังจากวุ่นวายกับการเตรียมความพร้อมจนแน่ใจว่าไม่มีสิ่งใดขาดตกบกพร่อง แทนคุณจึงขับรถออกมาจากสนามแข่งเพื่อกลับไปยังที่พัก
หากแต่ระหว่างทาง ช่วงถนนสายรองอันเปลี่ยวร้างห่างไกลจากชุมชน สายตาคมพลันสะดุดเข้ากับร่างบอบบางของหญิงสาวคนหนึ่งวิ่งกระหืดกระหอบสวนทางมาตามถนน เป็นจังหวะเดียวกับช่วงนั้นเป็นสี่แยกข้ามทางรถไฟแบบไร้ไม้กั้น เขาจึงจำเป็นต้องชะลอความเร็ว โดยไม่ทันคาดคิด หญิงสาวถลาเข้ามายืนขวางหน้ารถจนเขาเกือบแตะเบรคไม่ทัน
“บ้าจริง เธออยากตายหรือไง” เสียงห้วนสบถดัง ปลายเท้านั้นยังแตะเหยียบเบรคเอาไว้แน่น
“ช่วยด้วยค่ะ ช่วยหนูด้วย” เจ้าของใบหน้าชุ่มฉ่ำหยดน้ำตา ถลามาเกาะอยู่ข้างกระจกรถ
“นี่มันอะไรกันว่ะ” แทนคุณเคยได้ยินมาบ้างว่า แถวนี้มีมิจฉาชีพมักหากินกับนักท่องเที่ยวในลักษณะนี้ คือเสแสร้งแกล้งมานอนให้รถชน จากนั้นให้คนมาบุกปล้น ฉกชิงวิ่งราวข้าวของมีค่า หากแต่เขาไม่คิดว่าตัวเองจะได้มาพบประสบกับตัวเอง
“หลบไป ไม่อย่างนั้นฉันจะขับรถเหยียบเธอเลยนะ พรรคพวกอยู่ไหนเรียกมันออกมา เดี๋ยวจะโทรแจ้งให้ตำรวจมาลากคอเข้าคุกให้หมด” เพราะห่วงกังวลว่าคนชั่วอย่างนี้จะสร้างชื่อเสียเหม็นโฉ่ให้กับจังหวัด และอาจลามไปเป็นข่าวฉาวดังไปทั่วโลก เพราะอีกไม่กี่วันทั่วทั้งอำเภอและจังหวัดจะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวที่มาชมการแข่งรถอันยิ่งใหญ่ภายในสนามของเขา
“ช่วยด้วยค่ะ คุณช่วยหนูด้วย พวกมันจะตีหนู”
“อย่ามาใช้ลูกไม้นี้กับฉัน เป็นนางนกต่อหรือไงเรา ฉันขอเตือนนะ ต่อให้เป็นผู้หญิง ฉันก็ไม่ไว้หน้า หลบไป” แทนคุณผ่อนปลายเท้าออกจากเบรคเตรียมย้ายมันไปแตะคันเร่งเพื่อหนีไปให้ไกลจากอุบายน่ารังเกียจ
“ขอร้องนะคะคุณ ช่วยหนูด้วย” สองมือบอบบางถูกยกขึ้นมาในท่าพนมไหว้ น้ำตาหยดโตไหลลงมาจนอาบแก้ม นี่พวกมิจฉาชีพมันเรียนการแสดงกันมาด้วยหรือยังไงกันนะ ทำไมถึงได้เหมือนจริงนัก
“มันอยู่นั่น ไปลากตัวมันมาเร็ว”
กลุ่มชายฉกรรจ์สี่คน ท่าทางเหมือนโจรเพิ่งแหกคุกวิ่งกรูกันเข้ามาจากป่ารกข้างทาง พลันดวงตากลมโตคู่นั้นเบิกค้าง ดูลนลานหวาดกลัว ฝ่ามือตบลงบนกระจกรถของเขาซ้ำ ๆ สลับกับท่าทางไหว้ขอร้องให้เขาช่วย ดวงตาคมอย่างคนเจนโลกปลายมองลงไป สังเกตถุงใต้ตาอันแดงช้ำเหมือนหญิงสาวเพิ่งผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก ริมฝีปากบางมีรอยถูกตบตีทำร้ายจนแตกยับเห็นรอยเลือดอยู่ซิบๆ หรือว่านี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น
“ขึ้นรถมา” ปลายนิ้วกดปลดล็อคเปิดประตู พร้อมเรียกให้หญิงสาวกระโดดขึ้นมายังเบาะรถด้านหลัง จากนั้นกระดิกนิ้วกดปุ่มล็อกประตูกลับตามเดิมทันที เด็กสาวทิ้งตัวลงไปนั่งหมอบอยู่บนพื้นท่าทางเหมือนกลัวกลุ่มคนพวกนี้มาก
“เฮ้ย มึงอยากตายเหรอ ปล่อยมันลงมาเดี๋ยวนี้” เสียงห้วนจากชายฉกรรจ์ ตะโกนก้องพร้อมกับปลายไม้หน้าสาม ท่อนยาวพุ่งชี้ตรงมายังใบหน้าของเขา
“เป็นผู้ชายซะเปล่า รุมรังแกผู้หญิงเนี่ยนะ” คนที่นั่งอยู่ด้านหลังพวงมาลัยเอ่ยเสียงเยาะ ตามองผ่านกระจกมองหลังยังคงเห็นเด็กสาวนั่งซุกหน้าลงไปกับหัวเข่าตัวเอง
“มันเป็นหนี้กู มันก็ต้องใช้ มึงอย่าเสือก” ไม้หน้าสามใหญ่ทุบลงมาบนฝากระโปรงรถอย่างเดือดแค้น
“เป็นหนี้ก็ต้องใช้ แต่มันก็ต้องชดใช้ด้วยเงินไม่ใช่หรือไง แต่นี่พวกนายกำลังใช้กำลังทำร้ายผู้หญิงตัวเล็กที่ไม่มีทางสู้ ไม่อายตัวเองบ้างหรือไง”
“ก็เพราะมันไม่ยอมใช้หนี้ไงล่ะ พวกกูถึงต้องใช้กำลังสั่งสอนมันซะบ้าง”
“เธอเป็นหนี้มันจริงหรือเปล่า” ใบหน้าหล่อคมคายเอี้ยวหันกลับมามอง คนที่นั่งตัวสั่นงันงกอยู่ด้านหลัง
“หนูติดหนี้เขาสองหมื่น แต่ว่าพวกมันขนของในห้องหนูไปหมดแล้ว หนูไม่เหลือเงินติดตัวเลยสักบาท หนูไม่มีอะไรจะคืนพวกมันแล้วจริงๆ นะคะ” เด็กสาวอายุน้อยยกมือขึ้นมาอยู่ในท่าพนมไหว้ยกขึ้นมาท่วมหัว ปากคอสั่นละล่ำละลักพูดความจริงทุกถ้อยคำอย่างไม่มีปกปิด
“สองหมื่นอย่างนั้นเหรอ” เงินจำนวนเท่านี้สำหรับแทนคุณซื้อได้แค่รองเท้าเขาข้างเดียวเท่านั้น แต่ไม่คิดว่ามันจะเป็นเงินจำนวนที่ทำให้เด็กสาวคนนี้ถึงกับต้องหนีตายอย่างทุลักทุเล
มิว มณิณธร เด็กสาวผู้กำพร้าทั้งแม่พ่อ อาศัยอยู่กับยายแก่ๆ เพียงลำพัง ทำงานหนักหาเช้ากินค่ำ จนกระทั่งยายมาเสียชีวิตจากไป ไม่มีแม้แต่เงินจัดงานศพ มิวตัดสินใจแสดงความกตัญญูต่อยายเป็นครั้งสุดท้าย ด้วยการไปกู้หนี้นอกระบบมาทำศพยาย โดยหารู้ไม่ว่าไอ้พวกคนชั่วใจร้ายจะใช้วิธีสกปรก ทบต้น ทบดอก จากเงินกู้หนึ่งหมื่นบาท ที่เธอนำมาใช้จ่ายเป็นค่าโลงศพ ค่าศาลา ค่าน้ำมัน และจ้างสัปเหร่อเผาศพยาย จะทบกลายเป็นจำนวนหลายหมื่น ใช้หนี้เท่าไหร่มันก็ไม่หมดสักที