ในวันที่ฤกษ์งามยามดีคฤหาสน์ตระกูลวราเศรษฐ์ได้เปิดบ้านจัดงานมงคลให้แก่หลานชายเพียงคนเดียวของพลเอกกล้าอย่างยิ่งใหญ่หรูหรา ถือเป็นข่าวใหญ่ที่วงสังคมให้ความสนใจกันมาก นักข่าวต่างก็แห่มาทำข่าวกันครึกโครม แต่นอกจากญาติสนิทมิตรสหายและแขกกิตติมศักดิ์เพียบยิบมือแล้ว ไม่มีใครได้รับอนุญาตจากว่าที่เจ้าบ่าวให้เข้าร่วมงานได้
ภายในห้องโถงโอ่อ่าที่ถูกเนรมิตให้เหมือนพระราชวังในโซนประเทศยุโรป มีพลเอกผู้ทรงอำนาจนั่งเป็นประธานอยู่บนโซฟาหลุยส์ ขนาบข้างด้วยพ่อแม่ของฝ่ายชายและฝ่ายหญิง บนพื้นพรมที่ทออย่างประณีตมีว่าที่เจ้าบ่าวในชุดสูทแบบไทยประยุกต์และว่าที่เจ้าสาวในชุดผ้าลูกไม้ปักเลื่อมและมุกสีขาวแสนอ่อนหวานละมุนตานั่งพับเพียบเรียบร้อย
เพลิงครามสวมแหวนเพชรสิบสองกะรัตน้ำงามแวววาวให้แก่คู่หมั้นสาว เมษยาก้มลงกราบแทบตักชายหนุ่มแล้วสวมแหวนให้เขาด้วยรอยยิ้มเบิกบาน ในที่สุดก็ถึงวันที่หล่อนใฝ่ฝัน เพลิงครามกลายเป็นว่าที่สามีของหล่อนอย่างถูกต้องแล้ว ต่อไปนี้หล่อนไม่ต้องกลัวว่าจะมีใครมาแย่งเขาไปจากหล่อน ไม่ว่าณหทัยหรือผู้หญิงคนไหนก็หมดสิทธิ์ในตัวเพลิงครามทั้งนั้น
“เมย์ดีใจนะคะที่พี่ครามเลือกเมย์ ขอบคุณที่ทำให้ฝันของเมย์เป็นจริง เมย์สัญญาว่าจะทำให้พี่ครามมีความสุขที่สุด” หล่อนเอ่ยเสียงนุ่มอ่อนโยน ใบหน้าที่แต่งแต้มหวานละมุนประดับรอยยิ้มเจือแววสุขล้น ประทับจูบข้างแก้มสากคู่หมั้นหนุ่มอย่างแสนรัก
“จูบเลยๆๆ” มีเสียงปรบมือเชียร์จากฝั่งเพื่อนคู่หมั้นสาวให้เพลิงครามจูบหล่อนกลับ แต่ชายหนุ่มกลับนั่งนิ่ง มองแก้มนวลสีระเรื่อด้วยความเขินอายขณะสาวเจ้าเอียงคอให้อย่างไร้การตอบสนอง แววตาเฉยชาเช่นเดียวกับใบหน้าที่เรียบขรึม
เมษยาสีหน้าแข็งทื่อที่เพลิงครามทำคล้ายกับว่าโดนบังคับให้มาร่วมพิธีในวันนี้ ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ กลบเกลื่อนความอับอาย ชักจะหวั่นใจเสียแล้วว่าเขาเต็มใจหมั้นกับหล่อนจริงรึเปล่า หรือมีใครทำให้เขาลังเลอยากเปลี่ยนใจ พลันสายตาสวยซึ้งที่ซ่อนความร้ายกาจก็เหลือบไปเห็นนังน้องสาวหน้าโง่เข้า ใจที่สุมไปด้วยไฟริษยาอยู่แล้วก็ยิ่งหวาดระแวง
วันนี้นังใบหม่อนมันสวยโดดเด่นน้อยเสียที่ไหนล่ะ...
ปกติรูปร่างหน้าตามันก็สะสวยเย้ายวนปั่นป่วนใจชายไม่น้อย ยิ่งวันนี้สวมชุดเดรสสีม่วงลาเวนเดอร์จับจีบเผยเอวคอดกิ่วก็ยิ่งดูน่าหลงใหลได้ปลื้ม ผู้ชายทุกคนที่เดินผ่านพากันตาลุกมองมันตาวาวจนเหลียวหลัง อยากได้มันจนตัวสั่น ไม่สนเรื่องคาวๆ ฉาวโฉ่ของมันเลย ดูๆ แล้วนังใบหม่อนจะเด่นเกินหน้าเกินตาหล่อนที่เป็นว่าที่เจ้าสาวเสียอีก
ยิ่งคิดยิ่งเกลียด!
หล่อนเป็นนางเอกของงานแท้ๆ แต่ดันแพ้ตัวประกอบที่ไม่มีอะไรเทียบหล่อนได้เลย หล่อนไม่ยอมเสียหน้าและไม่มีวันยอมแพ้นังใบหม่อนเป็นอันขาด
เมษยาเดินควงแขนเพลิงครามยิ้มทักทายแขกเหรื่อและเพื่อนฝูงโดยรอบ ค่อยๆ ขยับเข้าไปใกล้จุดที่ณหทัยยืนอยู่เพียงลำพัง แกล้งทำเป็นแปลกใจที่เห็นมัน ก่อนจะปรี่เข้าไปควงแขนอย่างสนิทสนมแนบเนียน ทำทีเอ่ยปากราวกับเกรงใจ แต่หัวใจของหล่อนกลับฟูฟ่องลำพองคับอก ยิ้มเย้ยณหทัยอย่างผู้ชนะ
“หม่อนอยู่นี่เอง ทำไมไม่เข้าไปสนุกกับคนอื่นๆ ล่ะ”
“อยู่ตรงนี้แหละดี ไม่มีคนกวนใจ” ณหทัยกลอกตามองหล่อนกับคู่หมั้นอย่างเหม็นขี้หน้า อุตส่าห์หลบมายืนอยู่ไกลๆ แล้วแท้ๆ ยังไม่วายจะตามมาหาเรื่องเยาะเย้ยเธออีก พวกเขาไม่เหนื่อยหรือไม่เบื่อบ้างรึไง ทั้งที่เธอแสนจะเบื่อและเหนื่อยหน่ายเต็มกลืน
“ขอบใจนะหม่อนที่ยอมมาเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้เมย์ ทีแรกเมย์กลัวแทบแย่ว่าหม่อนจะปฏิเสธซะอีก”
“กล้าขอ ก็กล้าให้”
“งั้นเมย์ขออะไรหม่อนอีกอย่างได้มั้ย”
ณหทัยเหยียดยิ้ม ประชดถามว่า
“อะไร? อยากให้ฉันร้องเพลงอวยพรให้พวกเธอด้วยรึไง”
“เมย์ไม่กล้าขอขนาดนั้นหรอก แค่อยากจะให้หม่อนดื่มอวยพรพวกเราเท่านั้นเอง”
ณหทัยมองเมษยากรีดยิ้มท้าทายขณะหยิบแก้วแชมเปญจากบริกรยื่นให้เธอ พลางกอดอกอย่างชั่งใจ ใช่ว่าอยากจะรับ แต่ถ้าไม่รับก็จะมีประเด็นว่าเธอยังอาลัยอาวรณ์ผู้ชายเฮงซวยข้างๆ หล่อนไม่จบไม่สิ้น สู้ดื่มให้มันจบๆ แล้วหาทางเลี่ยงออกจากงานไปจะดีกว่า อย่างไรงานวันนี้เธอก็ไม่ได้มีส่วนสำคัญอะไร จะอยู่หรือไม่อยู่ก็ไม่มีใครใส่ใจ แถมอาจจะไม่รู้เสียด้วยซ้ำ
“ได้สิ” หญิงสาวชนแก้วกับว่าที่คู่บ่าวสาว เพิกเฉยสีหน้าเย็นชาครั่นคร้ามที่ฟ้องชัดว่าไม่พอใจของฝ่ายชาย กระดกแก้วแชมเปญรวดเดียวจนหมด ก่อนจะคว่ำแก้วโชว์ต่อหน้าเมษยา เลิกคิ้วถามสุ้มเสียงเอือมระอาเต็มทีว่า
“ฉันไปได้แล้วใช่มั้ย” ถามแต่ไม่รอคำตอบ ณหทัยหมุนตัวเดินหนีไปทันที แต่ไม่รู้ว่ามีบริกรมายืนซ้อนหลังเธออยู่ตั้งแต่เมื่อไร เธอชนกับหล่อนเข้าอย่างจัง น้ำส้มเต็มแก้วในถาดกระฉอกหกใส่เธอทั้งตัว ชุดสวยเลอะด่างดวงเป็นวงกว้าง เธอขมวดคิ้วมองคนซุ่มซ่ามที่ยืนหน้าซีดเป็นไก่ต้ม อยากจะต่อว่าก็ว่าไม่ลง เมื่อเห็นหล่อนจวนจะปล่อยโฮเต็มที