ตอนที่ 5 Goodnight kiss
“คุณเนลสันจะให้ผมทำอะไรอย่างนั้นเหรอครับ”
ผมเข้ามายืนหมุนตัวมองห้องนอนซึ่งอากาศข้างในนี้หนาวเย็นพอๆ กับตู้แช่ ไม่รู้ว่าเจ้าของบาร์กลัวว่าตัวเองจะเน่าเปื่อยหรือยังไงถึงได้ปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศเอาไว้เย็นขนาดนี้
“ช่วยเก็บกวาดแล้วก็เอาของในกระเป๋าเดินทางของฉันออกมาด้วย” คุณเนลสันพยักหน้าไปทางกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ที่ผมแบก มันขึ้นมาเมื่อวันก่อน ตอนนี้มันถูกวางไว้บนพื้นห้องพร้อมกับเปิดอ้าค้างเอาไว้ ข้าวของเสื้อผ้าข้างในสุมกองขยุกขยุยรกหูรกตาผมเหลือเกิน
ผมหยิบเสื้อผ้าที่คาดว่าน่าจะผ่านการใช้งานแล้วแยกมาใส่ตะกร้า แต่เจ้าของห้องซึ่งเพิ่งจะเดินออกมาจากห้องน้ำโดยมีเพียงผ้าเช็ดตัวสีขาวสะอาดพันเอวเอาไว้หลวมๆ เดินเข้ามาพร้อมกับเลือกหยิบเสื้อผ้าบางชิ้นออกไปจากการคัดแยกของผม
“คุณเนลสันใส่มันไปหรือยังครับ” ผมชี้นิ้วไปยังเสื้อเชิ้ตสีดำยับจนเหมือนผ้าขี้ริ้วซึ่งคุณเนลสันถือเอาไว้ในมือ
“ยัง...” เจ้าของเสื้อเชิ้ตตอบผมกลับมาหน้าตาเฉย
ผมแหงนคอขึ้นไปมองหน้าเจ้านายฝรั่งทันที เมื่อได้ฟังคำตอบรู้สึกแปลกใจเหลือเกินที่คนหน้าตาดีขนาดนี้ทำไมถึงได้ซกมกนัก เจ้าของเสื้อเดินถือเสื้อยับๆ นั้นแล้วโยนมันเข้าไปซุกไว้ในตู้เสื้อผ้าก่อนจะสลัดผ้าเช็ดตัวทิ้งลงไปกองบนพื้นห้องจนผมหลับตาแทบไม่ทัน
“ยังไม่ใส่แล้วทำไมไม่พับแยกไว้ดีๆ ล่ะครับ” ผมก้มหน้าพูดกับกางเกงในสามสี่ตัวของเจ้านายซึ่งนอนนิ่งอยู่ก้นกระเป๋าเพราะไม่อยากมองภาพเปลือยของคนหุ่นดีให้สมองของผมจดจำภาพนั้นจนต้องทำงานหนัก
“ฉันไม่ชอบพับเสื้อผ้า...” คนหล่อแต่ซกมกตอบผมกลับมาอย่างหน้าตาเฉย
คุณเนลสันเปิดลิ้นชักเลือกหยิบกางเกงบ็อกเซอร์ออกมา ตัวหนึ่งแล้วยืนใส่มันอยู่ข้างๆ ผมจากนั้นจึงใช้เท้าคีบผ้าเช็ดตัวขึ้นมาจากพื้นห้องแล้วโยนมันใส่ลงมาในตะกร้าผ้าซึ่งตั้งอยู่อีกมุมของห้อง
ผมจัดการยกตะกร้าผ้าเหล่านั้นไปวางเตรียมไว้หน้าประตูห้องแล้วกลับเข้ามาเก็บกวาดทำความสะอาดห้องนอนเจ้าของบาร์ที่รกจนไม่น่าเชื่อว่ามันเป็นห้องนอนของคนรวย
“คุณเนลสันมีอะไรจะใช้ผมอีกมั้ยครับ” ผมยืนมองฝรั่งตัวโตซึ่งนอนกระดิกเท้าอยู่บนเตียง หลังจากเก็บกวาดทำความสะอาดห้องนี้จนเรียบร้อยดีแล้ว โดยตอนนี้เจ้านายฝรั่งนอนแผ่แบะขาถ่างอ้าอวดเป้ากางเกงตุงๆ อยู่กลางเตียง
“มี...มานี่ก่อนอย่าเพิ่งไป”
“ครับ” ผมขยับเข้าไปใกล้แต่ยังคงทิ้งระยะห่างเอาไว้เพราะผมยังไม่ค่อยวางใจในตัวเจ้านายฝรั่งเท่าไหร่
“กู๊ดไนท์คิสของฉัน มาสิ” คุณเนลสันลุกขึ้นมานั่งแล้วกวักมือเรียกผมให้เข้าไปหา
“กู๊ดไนท์คิสเหรอ ผมเป็นเด็กล้างจานนะครับ” ผมรีบหันหลังกลับแล้วก้าวขาออกไปด้านหน้าสายตาจับไปยังตะกร้าผ้าซึ่งตั้งวางรออยู่หน้าประตู
แต่ผมก้าวขาออกไปค้างไว้ได้แค่ในอากาศเพราะอยู่ๆ ท่อนแขนแข็งๆ ของคนที่เรียกหาจูบก่อนนอนคว้าเอวผมไว้แล้วออกแรงรั้งผมให้ล้มตัวลงไปหาจนเด็กล้างจานอย่างผมลงไปนอนแผ่หลาอยู่บนเตียง
“คุณเนลสันจะทำอะไรครับ ปล่อยผมนะ” ผมตกใจกับการรุกเร้าเอาแต่ได้ของเจ้านายฝรั่ง
“กู๊ดไนท์คิส เป็นหน้าที่ของเธอ”
“ไม่เอา คุณจ้างผมแค่มาล้างจานทำความสะอาด”
“ถ้าอย่างนั้นฉันจ่ายให้เธอได้นะ มากเท่าที่เธอต้องการ ถ้าเธอ....ยอมนอนกับฉัน” คุณเนลสันมองผมตาเป็นประกายการพูดจาแบบตรงไปตรงมาถึงความต้องการของคุณเนลสันทำให้ผมรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่ผมคิดเพราะอย่างน้อยคุณเนลสันไม่ได้คิดล่อหลอกผมด้วยความรู้สึกแต่มันคือการแลกเปลี่ยนระหว่างกัน
“ว่ายังไง...ฉันพร้อมจะจ่าย ถ้าเธอตกลง”
“ผมขอแค่ค่าจ้างสามร้อยบาทเหมือนเดิมกับงานล้างจาน ล้างแก้ว กวาดพื้นในครัว แล้ว...ผมขอเพิ่มเป็นสามร้อยห้าสิบได้มั้ยถ้าต้องมาทำความสะอาดห้องของคุณด้วย” ผมเหลือบตาขึ้นไปมองเจ้าของตาคู่สีน้ำตาลทองอย่างกล้าๆ กลัวๆ
“ฉันให้เธอเสนอราคาค่าตัวสำหรับฉัน ไม่ใช่เพิ่มค่าแรงล้างจาน ทำความสะอาด”
“ก็ผมแค่อยากล้างจาน ตกลงสามร้อยห้าสิบได้มั้ยครับ” ผมเมินให้กับข้อเสนอราคาค่าตัวของผมเพราะผมไม่เคยคิดขายตัวเองแลกเงิน ผมเพียงแค่ต้องการค่าจ้างที่ได้มาอย่างสะอาดบริสุทธิ์เท่านั้น
“ได้สามร้อยห้าสิบ แต่มีข้อแม้ว่าเธอต้องคิสฉันทุกวัน มาสิ...” คุณเนลสันยื่นหน้าก้มลงมาหาผม
“ถ้าอย่างนั้นผมรับแค่สามร้อยเท่าเดิมก็ได้ แต่ผมไม่มอร์นิ่งคิส ไม่กู๊ดไนท์คิสอะไรทั้งนั้น...ปล่อยผม” ผมผลักอกเจ้านายฝรั่งที่ตั้งท่าแต่จะจูบผมให้ได้แล้วพยายามบ่ายหน้าหลบ
“ป้อน...ช่วยรับเงินจากฉันหน่อยไม่ได้หรือไง ข้อเสนอของฉันไม่ดีตรงไหน” คุณเนลสันกระซิบลงมาหาผมอย่างไม่ลดความพยายามในการยื่นข้อเสนอ จมูกโด่งเย็นเฉียบเกลี่ยไซ้ลงมาตามซอกคอจนผมขนลุกชันไปทั้งตัว
“ไม่เอา ผมไม่อยากได้”
“ป้อน แต่ฉันต้องการเธอ ช่วยรับข้อเสนอของฉันหน่อยเถอะ” เสียงของคุณเนลสันพร่าสั่นตามแรงอารมณ์ฝ่ามืออุ่นๆ เริ่มเคลื่อนไหวไปตามเนื้อตัวของผมลูบไล้เรื่อยไปอย่างมีความหมาย
“คุณเนลสันอย่านะครับ” สติของผมเริ่มกระเจิดกระเจิงจนหัวสมองมึนตื้อไปหมด ภาพตรงหน้าพร่าเลือนลงทุกที เรี่ยวแรงที่ควรจะมีก็ไม่รู้ว่ามันถูกสูบหายไปไหน
“ป้อน...คืนนี้ฉันจะยอมจ่ายให้เธอมากเท่ากับเงินที่เธอล้างจานถึงสามเดือนถ้าเธอตกลง” คุณเนลสันเลื่อนมือล้วงเข้าไปในขอบกางเกงของผม แต่ตอนนี้ผมรู้สึกว่าผมควบคุมตัวเองไม่ได้อีกแล้ว
“ป้อน ป้อน” ผมแว่วๆ เหมือนได้ยินเสียงใครบางคนเรียกชื่อผมมาจากที่อันแสนไกล
“ฟื้นแล้วเหรอ”
“หือ...” ผมขยับมือดึงเอาผ้าห่มนวมผืนหนาขึ้นมาคลุมตัวแล้วซุกหน้าลงไปหลบแสงไฟซึ่งมันสว่างจ้าแยงตา กลิ่นแอมโมเนียหอมฉุนจางๆ ลอยมาในระยะใกล้ คุณเนลสันนั่งอยู่บนเตียงข้างๆ ผมสะดุ้งตัวลุกขึ้นมานั่งในทันทีแล้วรีบตั้งสติคิดว่าทำไมผมมานอนอยู่บนเตียงเจ้านาย หลังจากเมื่อครู่ความรู้สึกสุดท้ายคือผมนอนจมอยู่ใต้ร่างเจ้าของบาร์โฮสต์แห่งนี้
“เอ่อ...คุณเนลสัน ผมขอโทษครับ”
“เมื่อเย็น ได้กินข้าว กินปลาบ้างหรือเปล่า” คุณเนลสันยื่นส่งแก้วโกโก้อุ่นกลิ่นหอมวางใส่ลงมาในมือผม
“.........” ผมส่ายหัวปฏิเสธแล้วยกโกโก้อุ่นๆ นั้นขึ้นมาจิบ
“ป้อน...ฟังนะ ฉันไม่ได้ใจร้ายถึงขนาดจะปล่อยให้เธอทำงานโดยไม่ให้กินอะไร เพราะฉะนั้นถ้าถึงเวลาก็กิน หิวก็บอกเข้าใจมั้ย”
“ผมยังทำงานไม่เสร็จ ก็เลย....ยังไม่ได้กินข้าว”
“แปดโมงเริ่มงาน เที่ยงกินข้าว ห้าโมงพัก เที่ยงคืนปิดร้าน ของสดในตู้เย็นอยากกินอะไรก็หยิบไปแต่อย่ากินให้ฉันเจ๊งก็แล้วกัน”
“คุณไม่หักเงินผมใช่มั้ยถ้าผมกินเยอะ” ยกเหลือบตามองเจ้าของบาร์อีกครั้งแล้วยกโกโก้อุ่นๆ นั้นดื่มเข้าไปอีกอึกใหญ่
“หน้าฉันเหมือนคนใจดำขนาดนั้นเลยหรือยังไง คืนนี้นอนได้แล้ว”
คุณเนลสันลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปทางหน้าประตูห้อง ผมจึงลุกเดินตามไปเพื่อกลับลงไปนอนที่ประจำของตัวเองซึ่งก็คือบนโซฟาหนังตัวยาวหน้าเวที
“เธอจะไปไหน” คุณเนลสันหันกลับมาถามผม
“ก็คุณบอกว่าให้กลับไปนอนได้นี่ครับ” ผมแหงนคอขึ้นไปคุยกับคนตัวสูง
“ฉันหมายถึง ให้เธอนอนในห้องนี้” คุณเนลสันยื่นมือออกมาแล้วจับไหล่ผมหมุนตัวกลับแล้วดันหลังให้ผมเดินกลับไปที่เตียงนอน
“ไม่เอา ผมไม่นอนกับคุณนะ”
“ป้อน ฟังนะ...ถึงฉันจะไม่ใช่คนดีอะไร แต่ฉันก็ไม่รังแกคนที่ไม่เต็มใจหรือว่าคนป่วยไม่มีทางสู้ นอนที่นี่แหละเดี๋ยวถ้าเกิดเธอลงไปแล้วเป็นลมกลางทางตกบันไดขาแข้งหักฉันจะเดือดร้อนเปล่าๆ”
ผมยืนกลืนน้ำลายแล้วหันกลับไปมองเตียงนอนหลังใหญ่ซึ่งตัวเองเพิ่งลุกจากมา ก่อนจะกวาดตามองหาที่ว่างเหมาะๆ ให้กับคนตัวเล็กอย่างผมสำหรับซุกนอนในคืนนี้
“มองหาอะไร”
“เอ่อ....ที่นอนครับ”
“เฮ้อ....ในความคิดของเธอ ฉันน่ากลัวขนาดนั้นเลยอย่างนั้นเหรอ” คุณเนลสันจิ้มนิ้วเคาะลงมากลางหน้าผากผมก่อนจะเดินไปปิดไฟในห้องจนมืดสนิท
ผมยังคงยืนนิ่งไม่กล้าขยับเพราะยังไม่รู้ว่าจะไปซุกตัวลง หลืบไหนดี ที่มันจะอุ่นที่สุดเพราะห้องนี้ถ้านอนโดยไม่มีผ้าห่มคงไม่ต่างอะไรกับนอนเล่นในโลงเย็นเพราะมันหนาวมากจริงๆ ผมแอบเหลือบตาเงยหน้าขึ้นไปมองตัวเลขสีเขียวบนเครื่องปรับอากาศแบรนด์ดังแล้วไม่แปลกใจเลยว่าทำไมห้องนี้ถึงได้เย็นนักเพราะเจ้าของห้องตั้งอุณหภูมิไว้ที่สิบแปดองศาเท่านั้นเอง
“คุณเนลสันไม่หนาวบ้างเหรอครับ”
“ฉันขี้ร้อน มานอนได้แล้ว”
“เอ่อ....” สายตาซึ่งเริ่มชินกับความมืดในห้อง ผมมองเห็นเจ้านายฝรั่งนอนเหยียดยาวอยู่บนเตียงโดยเว้นที่ว่างอีกครึ่งเอาไว้ให้ผม
“ป้อน...” คุณเนลสันผงกหัวขึ้นมาจากหมอนแล้วมองมาทางผมซึ่งยังยืนนิ่งไม่ขยับ
ผมหย่อนตัวลงไปนั่งบนเตียงแล้วดึงผ้าห่มมาคลุมตัวก่อนจะหันไปมองดูคนที่นอนถอดเสื้อสวมไว้แค่บ็อกเซอร์ตัวเดียว ผมล้มตัวลงนอนหันหลังให้กับเจ้านายฝรั่งพยายามข่มตาหลับท่ามกลางความหนาวเย็นจนผมสั่นไปทั้งตัว
“คุณเนลสันครับ” ผมหนาวจนทนไม่ไหวแล้วเรียกหาเจ้าของห้องเสียงสั่น
“หืมว่ายังไง”
“ผมหนาว....” ผมร้องขอความเห็นใจจากเจ้าของห้องเพราะผมจนนอนไม่หลับจริงๆ
ใต้ผ้าห่มนวมผืนใหญ่คุณเนลสันขยับตัวสอดตัวเองแนบเข้ามาชิดพร้อมกับโอบท่อนแขนมาจับผมพลิกให้หันกลับไปหา
“ไม่ใช่...ผมหมายถึงคุณช่วยปรับแอร์หน่อยได้หรือเปล่า ผมหนาว”
ผมยกมือมายันแผงอกของคุณเนลสันออกแล้วอธิบายให้เข้าใจตรงกันว่าคำว่า “หนาว” ของผมคือต้องการให้เพิ่มอุณหภูมิแอร์ไม่ใช่เรียกหาให้คนตัวอุ่นกว่ามากอด
“ก็ฉันร้อน กอดแบบนี้ไม่อุ่นเหรอ”
“ถ้าคุณร้อนแล้วกอดผมทำไมครับ”
“ตัวเธอเย็นดีฉันชอบ เอาไว้ถ้าฉันหลับเธอค่อยขยับหนีไปแล้วกัน ตอนนี้ขอยืมกอดก่อน นอนนิ่งๆ ล่ะ อันที่จริงเธอควรจะกอดฉันไว้เพราะตัวฉันอุ่น” คุณเนลสันคว้าแขนของผมไปโอบกอดตัวเองอย่างหน้าตาเฉย
ผมนอนนิ่งไม่กล้าขยับโดยพิงหน้าผากทิ้งไว้ตรงไหปลาร้าแข็งๆ ของคนตัวอุ่นกว่า ตั้งใจรอเวลาให้ผ่านไปสักสิบนาที โดยหวังว่าคุณ เนลสันน่าจะหลับแล้วผมค่อยขยับถอยออกมานอนห่างๆ แต่สิบนาทีของผมดูเหมือนมันจะยาวนานไปหน่อยเพราะกว่าผมจะรู้สึกตัวอีกครั้งก็ตอนที่ผมได้ยินเสียงเหมือนใครกำลังเปิดประตูห้อง
“ขอโทษครับ” เสียงใครคนหนึ่งคุ้นๆ เหมือนผมเคยได้ยินร้องออกมาเหมือนกับตกใจกลัวอะไรบางอย่าง
แสงสว่างจากนอกหน้าต่างส่องผ่านผ้าม่านสีเทาเข้มทะลุเข้ามาในห้องจนผมต้องยกมือขึ้นมาบังตา อากาศซึ่งหนาวยะเยือกเหมือนนอนในโลงเย็นเมื่อคืนตอนนี้อุ่นขึ้นมานิดหน่อยแล้ว ส่วนหนึ่งคงเพราะผ้านวมหนาผืนใหญ่ซึ่งห่อพันตัวผมจนมิดหัวมิดเท้า และอีกส่วนคงเพราะคนซึ่งนอนแนบอยู่เคียงข้างโอบกอดผมไว้เนื้อแนบเนื้อจนไออุ่นจากอกกว้างแผ่สะท้อนทำให้คนตัวเย็นอย่างผมอุ่นสบาย
“ไม่สบายเหรอ” เสียงคุณเนลสันดังอยู่เหนือหัวผมแต่ความรู้สึกผมเวลานี้เหมือนตัวเองกำลังนอนอยู่บนเรือมันโคลงเคลงยวบยาบไม่มั่นคง ผมหลับตาแล้วซุกหน้าลงไปกับไหล่อุ่นๆ ของคนที่นอนอยู่ข้างๆ เพื่อพยายามดึงสติตัวเองให้หลุดออกมาจากสภาพของคนงัวเงียผสมอาการเมาเรือ
“เปล่าครับ ผมแค่ง่วงแล้วก็มึนหัวนิดหน่อย”
ผมขยับพลิกตัวแล้วลุกขึ้นมานั่งก่อนจะรู้สึกแปลกๆ เมื่อหันไปเจอกับรุ่นชื่อเพียวซึ่งผมจำได้ว่าเป็นคนเดียวกับที่ไปปล่อยข่าวว่าผมเป็นเด็กของคุณเนลสันยืนถือตะกร้าผ้าอ้าปากค้างอยู่หน้าประตูห้อง
“อ่าผม...ไม่กวนแล้ว ผมเอาผ้าไปส่งซักนะครับ” พี่เพียวยก ตะกร้าผ้าแล้วใช้เท้าเกี่ยวประตูให้ปิดลง ทิ้งให้ผมนั่งบื้ออยู่บนเตียง
“เอ่อ...คุณเนลสัน” ผมหันมามองหน้าคนที่ยังคงนอนทำท่าสบายๆ อยู่บนเตียง
“เธอจะนอนต่อก็ได้นะ แต่เดี๋ยวฉันจะลงไปข้างล่างหน่อย คืนนี้ที่ร้านมีโชว์พิเศษฉันเลยนัดให้พวกนี้มาเช้าหน่อยเพราะว่าต้องมาเตรียมการแสดงบนเวที”
คุณเนลสันไม่ได้มีท่าทีทุกข์ร้อนกับเรื่องที่เกิดขึ้น เหมือนกับว่าเจ้าของบาร์ไม่ได้ใส่ใจสักนิดว่าพี่เพียวจะเข้าใจผิดแล้วเอาเรื่องที่เห็นภายในห้องนี้ไปพูดต่อหรือนินทาลับหลังยังไง ส่วนผมแม้จะรู้สึกไม่สบายใจแต่ก็ไม่กล้าโวยวายออกไป
“ไม่ครับ ผมจะลงไปดูแลความสะอาดข้างล่างให้ ขอบคุณ นะครับสำหรับที่นอน” ผมยกมือไหว้ขอบคุณเจ้าของห้อง เจ้าของเตียง
“ขอเปลี่ยนจากคำขอบคุณเป็นมอนิ่งคิสแทนได้มั้ย” ผมถูก คุณเนลสันดึงคอแหงนขึ้นไปหาก่อนจะถูกประกบปากลงมาจูบอย่างแผ่วเบานุ่มนวล
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วจนผมไม่ทันตั้งตัวหรือไม่มีโอกาสแม้แต่จะปฏิเสธ แค่เพียงไม่กี่วินาทีเจ้านายฝรั่งของผมก็ถอนริมฝีปากคืนกลับไปแล้วเดินไปหยิบเสื้อออกมาจากตู้เสื้อผ้าแล้วเหวี่ยงมันขึ้นไปพาดบ่าก่อนจะเดินออกจากห้องไปทั้งๆ ที่สวมไว้แค่กางเกงบ็อกเซอร์ตัวเดียว
ผมเดินกลับลงมาชั้นล่างภายในห้องเก็บของซึ่งใช้เป็นห้องเก็บกระเป๋าสะพายแล้วรีบอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟัน ก่อนจะคว้าไม้กวาดเพื่อไปทำงานตามหน้าที่ของตัวเอง ผมหยุดยืนดูพวกรุ่นพี่ผู้ชายซ้อมเต้น ซ้อมเดินอะไรกันให้วุ่นวายอยู่บนเวที และแอบเห็นพี่แก๊ปยืนอยู่ข้างบนนั้นด้วย
ส่วนคุณเนลสันนั่งอยู่ตรงโซฟาหนังข้างหน้าเวที โดยมือหนึ่งคีบบุหรี่เอาไว้ส่วนอีกมือถือแก้วเหล้า กางเกงบ็อกเซอร์สีชาไทยอ่อนๆ จนทำให้หากมองเพียงผิวเผินคนอาจคิดว่าคุณเนลสันไม่ได้นุ่งกางเกง บ็อกเซอร์เนื้อบางบีบรัดอวดเป้าตุงใหญ่โตเพราะเจ้าของมันนั่งแผ่ขาอ้าซ่าไม่ได้ปกปิดส่วนสำคัญเลยสักนิด ถ้าคนบนเวทีจะมองเพลินจนเดินหัวทิ่มตกลงมาผมก็จะไม่แปลกใจเลย
“ป้อน” ผู้ชายซึ่งเคยหาเรื่องชวนผมไปห้องร้องทักผมเสียงดังจนผมสะดุ้ง
“ครับ”
“อยากลองขึ้นมาโชว์บนเวทีมั้ย"