บทที่ 10 ไปโรงเรียนในวัยยี่สิบเจ็ด
เช้าของอีกวัน เวลา 07.00 น.
แอดด…!
เสียงเปิดประตูเข้ามาในห้องของรมิดาที่กำลังนอนหลับสนิท เนื่องจากเมื่อคืนคนตัวเล็กอยู่ดูแลลูก้าจนดึกดื่น
“ตื่นได้แล้วค่ะ คุณริสา” เสียงของตาต้า สาวใช้ที่ติดตามมาจากบ้านตระกูลลี่ พูดออกมาเพื่อให้เธอรู้สึกตัว
“….” นิ่งเงียบ เหมือนกับว่าตาต้าคุยกับลม
“คุณริสาคะ วันนี้ต้องไปโรงเรียนนะคะ ลืมแล้วเหรอคะ” ตาต้าถอนหายใจ แล้วส่ายหัวเบา ๆ จากนั้นเดินเข้าไปดึงแขนคนตัวเล็กที่นอนอยู่บนเตียง
“อือ…ไปเรียนอะไร ฉันเรียนจบตั้งนานแล้ว” คนที่นอนอยู่บนเตียงแย้ง สะบัดแขนออกจากมือตาต้า พร้อมกับดึงผ้าห่มมาคลุมจนมิดหัว แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่งัวเงียว่า “ขอนอนต่ออีกหน่อย”
“ไม่ได้ค่ะ คุณหญิงกำชับไว้ ยังไงก็ต้องให้คุณหนูไปเรียนให้ได้ คุณหนูโดดเรียนมาหลายหนแล้ว ครั้งนี้ไม่ไปจะเรียนไม่จบนะคะ แม้แต่ปะป๊าของคุณหนูก็ช่วยไม่ได้ค่ะ” คนดูแลเสียงเข้มรีบคว้าผ้าห่มออกจากตัวของร่างเล็ก
“เฮ้อ ถึงจะความจำเสื่อม แต่เรื่องขี้เกียจไปเรียนยังคงเป็นเหมือนเดิมสินะ” ตาต้าพึมพำเบา ๆ ตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ๆ สมัยอนุบาลเรื่องการเรียนคาริสาก็ไม่เอาไหน งานบ้านก็ไม่ทำ ความรับผิดชอบก็ไม่มี มีอย่างเดียวที่ทำคือก่อเรื่อง ถึงอย่างไรตาต้าเองก็รักและเอ็นดูคนตรงหน้า ถึงเธอจะดื้อ ด้วยความที่เลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก จึงผูกพันเห็นว่าเป็นน้องสาวคนหนึ่งไปแล้ว
“หือ…ไปโรงเรียน!” คนตัวเล็กดีดตัวผึง เบิกตาโพลง ลืมไปเสียสนิทว่าตอนนี้ไม่ได้อยู่ในร่างเดิม ถึงอย่างไรมันก็ไม่ชินเสียที คิดว่าการได้เข้ามาอยู่ในร่างของเด็กสาวคนนี้ เป็นแค่เรื่องที่ฝันไป
“ใช่ค่ะ ไปโรงเรียน” ตาต้ายืนยัน
เพี๊ยะ!
รมิดาในร่างคาริสายกมือตีหน้าผากตัวเอง เพื่อเรียกสติ
“ยังต้องไปโรงเรียนอีกเหรอวะเนี่ย อายุตั้งป่านนี้แล้ว”
ตาต้าที่ยืนดูอยู่ด้านข้าง ได้แต่ทำสีหน้าเลิ่กลัก ว่าทำไมพักนี้เธอถึงได้พูดประโยคแปลก ๆ ออกมาบ่อย ๆ
“เป็นอะไรไหมคะ ปวดหัวหรือเปล่า แวะไปโรงพยาบาลก่อนไหม” เสียงสาวใช้ถามด้วยความเป็นห่วง
“ถ้าไปจะไม่ต้องไปโรงเรียนใช่ไหม”
“ไปเหมือนเดิมนั่นแหละค่ะ แค่ไปช้ากว่าเดิมแค่นั้น”
“ถ้างั้นไม่เป็นอะไรละ เดี๋ยวไปอาบน้ำก่อน แล้วชุด….”
“ชุดอยู่นี่ค่ะ…เตรียมไว้ให้เรียบร้อยแล้ว” ตาต้าพูดอย่างรู้งาน พร้อมผายมือไปที่ชุดยูนิฟอร์มของโรงเรียนเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่ง
ดวงตากลมโตปรายตามองไปที่ชุดเพียงแวบเดียวก็รู้ว่าเป็นโรงเรียนของคนรวยแน่นอน เป็นกระโปรงพลีทสีเทาเข้ม ด้านบนเป็นเสื้อเชิ้ตสีขาว และมีเสื้อคลุมสีเทาเข้มสีเดียวกับกระโปรงทับอีกหนึ่งชั้น ดูจากการตัดเย็บที่ละเอียดอ่อนนั้นแล้ว น่าจะเป็นชุดที่สั่งตัดมา ไม่ใช่ของโรงเรียนแจกแน่นอน
ชีวิตของเด็กสาวคนนี้ช่างดีกว่าชีวิตของเธออยู่หลายขุม ในสมัยเรียนยูนิฟอร์มของรมิดา ไม่ได้ดูดีขนาดนี้ แถมชุดยังต้องไปขอคนอื่นเขามาอีก เพราะเธอเป็นเด็กกำพร้า ไม่มีพ่อแม่ แค่มีโอกาสได้เรียนมันก็ดีแค่ไหนแล้ว
“เฮ้อ ชีวิตคนรวยนี่มันดีจังเลยน้า” เสียงหวานเอ่ยอย่างประชดประชัน จากนั้นก็คว้าผ้าเช็ดตัว เดินเข้าห้องน้ำไป ทิ้งตาต้าให้ยืนงง อยู่ตรงนั้น
คนเดียว
“แปลก ๆ นะคุณหนูของฉัน เฮ้อ แต่เป็นแบบนี้ดีแล้วแหละ…ตั้งแต่ความจำเสื่อมก็ไม่ก่อเรื่องที่ไหนเลย…ดี…ดีเลิศ ฮะฮ่า” ตาต้าพูดแล้วหัวเราะคิกคักออกมา แบบนี้คนดูแลอย่างเธอเบาใจขึ้นเยอะ
หลังจากอาบน้ำเสร็จ คนตัวเล็กได้มานั่งอยู่หน้ากระจก เพื่อแต่งตัวไปโรงเรียน ตอนนี้เหลือเวลาอีกประมาณครึ่งชั่วโมงต้องไปถึงโรงเรียนให้ทันเวลา อย่างที่ตาต้าได้บอกเอาไว้ ไม่อย่างนั้นจะโดนทำโทษจากอาจารย์ฝ่ายปกครอง
“เฮ้อ ไม่คิดไม่ฝันว่าชีวิตนี้จะต้องมาเข้าโรงเรียนอีกรอบ ตอนอายุ 27 ”
ณ ห้องอาหารในบ้านตระกูลเล
“สวัสดีตอนเช้าค่ะคุณปู่ นอนหลับสบายดีไหมคะ” เรียวปากสีหวานเอ่ยถาม พร้อมกับส่งยิ้มให้คุณปู่ รมิดาไม่ได้รู้สึกโกรธชายชราคนนี้เลยด้วยซ้ำ เพราะเข้าใจว่าคุณปู่หวังดีกับเลโอ อีกอย่างเมื่อวานเธอได้รู้ความจริงจากปากของชายชราตรงหน้า มันทำให้หญิงสาวใจอ่อน
“แต่งชุดแบบนี้ ไปโรงเรียนใช่ไหม” ชายชราเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่
เนิบนาบ
“ใช่ค่ะ แหะ ๆ” เจ้าของใบหน้าสวยยิ้มเจื่อน
“มีคนไปส่งไหม…” คุณปู่ถามต่อ
“เรื่องนั้น….” ลืมไปซะสนิท ไม่มีคนไปส่งแล้วจะไปยังไง อีกอย่างตอนนี้ตาต้าไม่อยู่ด้วย
“ให้เลโอไปส่งแล้วกัน” ชายชราพูดพร้อมกับหันหน้าไปหาเลโอ
เคร้ง!
เลโอวางช้อนลงในจานเสียงดัง พร้อมกับพูดว่า “ผมอิ่มแล้วครับ”
“ตะ…แต่ฉันยังไม่ได้กินอะไรเลย” เรียวปากสีหวานร้องทัก ทว่าเจ้าของใบหน้าหล่อเหลากลับตวัดสายตาอันคมกริบมามองด้วยสีหน้าที่เรียบนิ่ง มันทำให้รู้สึกเหมือนยืนบนภูเขาที่มีน้ำแข็ง มันเย็นชาเหลือเกิน จนเธอรู้สึกตัวแข็งทื่อ….
จนคนตัวสูงเดินออกไป รมิดารีบดึงสติกลับมาเตรียมจะตามเขาออกไป ทว่ากลับถูกฮันนี่รั้งเอาไว้
“เดี๋ยวค่ะ…”
“มีอะไรงั้นเหรอคะ”
“ไปโรงเรียนใช่ไหมคะ”
“ค่ะ แล้วมีอะไรคะ พี่! ฮันนี่”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ…แค่อยากให้ไปเรียนเสริมเรื่องกุลสตรีเอาไว้ ว่าเรื่องไหนควร เรื่องไหนไม่ควร”
รมิดาขมวดคิ้วแน่น ฮันนี่คงจะหมายถึงเธออายุพึ่ง 18 ปี แต่มีสามีแล้ว แถมยังมาอยู่บ้านของผู้ชายอีก เรื่องแบบนี้ไม่มีใครทำกันแบบนั้นสินะ
“อ๋อ…” คนตัวเล็กตอบ คลี่ยิ้มกว้างออกมา แล้วพูดว่า “พี่ฮันนี่จะไปเรียนด้วยกันไหมคะ”
“ไปทำไมคะ”
“พอดีวันนี้มีเรียนเรื่องมารยาทค่ะ…ฉันอยากให้มาด้วย…เผื่อว่าลืมไปแล้ว…จะได้ทบทวนหน่อย…อย่าคืนครูไปหมดสิคะ เรื่องแบบนี้มันสำคัญนะ”
กรอด! ฮันนี่ขบฟันดังกรอด แต่ใบหน้าก็ยังคงยิ้มให้คนตรงหน้าอย่างใจเย็น
“ถ้าอย่างนั้นขอตัวนะคะ เดี๋ยวไปสาย…ไว้เจอกันค่ะ”
เรียวปากสีหวานพูด แล้วยกยิ้มที่มุมปาก จากนั้นวิ่งตามเลโอไป
สองเท้าเล็กกึ่งเดินกึ่งวิ่งเพื่อที่จะตามให้ทันชายหนุ่ม จนใกล้ถึงรถสีดำคันหรู เห็นเลโอเปิดประตูเข้าไปนั่งเบาะด้านหลัง ด้วยความดีใจคนตัวเล็กรีบเร่งฝีเท้าเตรียมที่จะไปนั่งกับเขาเช่นกัน ทันใดนั้นเอง….
ปึก!
มือหนาปิดประตูรถใส่หน้าเธออย่างแรง หากไปเร็วกว่านี้เพียงนิดเดียว ประตูรถคันหรูคงเสยใบหน้างาม ๆ ของเธอไปแล้ว
“เฮ้อ” หญิงสาวถอนหายใจพร้อมกับทำหน้ามุ่ย ดูท่าบทสนทนาที่คุยกับ
เลโอวันนั้นไม่ได้ผลเลย
“เลโอคะ…ถ้าฉันบอกคุณไปว่าฉันคือรมิดาจะเชื่อฉันไหมคะ” ปากเล็กพึมพำเบา ๆ จากนั้นเตรียมจะหมุนตัวเดินเข้าบ้านไป ดูท่าวันนี้คงต้องโดนไล่ออกจากโรงเรียนแน่ ๆ
เพียงชั่วพริบตา กระจกรถค่อย ๆ เคลื่อนลง พร้อมกับเจ้าของใบหน้าหล่อเหลา เอ่ยขึ้นมาอย่างเย็นชาว่า “ขึ้นรถ!”
เสียงสรรค์เรียกจากทางด้านหลังทำเอาคนตัวเล็กหันขวับ ฉีกยิ้มกว้างให้เลโอ มือเล็กเตรียมจะเปิดประตูฝั่งที่เลโอนั่งทว่า…
“ไปขึ้นอีกฝั่ง”
“คะ?…แต่ว่า”
“จะไปไม่ไป!”
“ไปค่ะ” หญิงสาวรับคำ ไม่ต่อล้อต่อเถียง ได้แต่จำยอมเสียเวลาเดินไปเปิดประตูอีกฝั่งหนึ่งเพื่อขึ้นรถ “ขึ้นฝั่งไหนมันก็เหมือนกันหมดอ่ะ…เฮ้อ”เรียวปากสีหวานบ่นอุบอิบ ก่อนจะยัดตัวเข้าไปนั่งเบาะหลังข้างเลโอ
หลังจากที่รถเคลื่อนตัวไปได้สักพัก รมิดาในร่างของคาริสาได้แต่จ้องมองคนตัวสูงอยู่อย่างนั้น ในขณะเดียวกันสายตาของเลโอทอดมองออกไปข้างนอก มันเต็มไปด้วยความว่างเปล่า บางครั้งปนด้วยนัยน์ตาที่ทอประกายความเศร้าออกมา ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเรียบนิ่งเช่นเดิม
“กำลังคิดถึงใครอยู่เหรอคะ” เสียงหวานเอ่ยถามเบา ๆ
“ไม่ใช่เรื่องของเธอ” คนตัวสูงตอบด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่ง แล้วหันมามองใบหน้าของเธอ
“ไม่ใช่ได้ยังไงคะ ในเมื่อเรา….”เรียวปากสีหวานพูดพร้อมกับเว้นจังหวะเอาไว้ เพื่อให้คนตรงหน้าได้คิดต่อเอง พักนี้เลโอคงจะเครียดสะสม ต้องให้เขาผ่อนคลายหน่อย ไม่ว่าเขาจะร้ายสักเพียงไหน หญิงสาวก็ไม่มีทางเกลียดเขา
“อย่าคิดว่านั่น จะทำให้ผมหันมาสนใจ” เลโอตอบอย่างไม่แยแส จากนั้นเบือนหน้าไปทางอื่น เพราะเขารู้สึกว่ายิ่งคุยกับคนตรงหน้า ภาพรมิดาซ้อนทับเข้ามาตลอด บางครั้งก็อดคิดไม่ได้ว่าเธอคือรมิดา
“ค่ะ…ฉันรู้ดีว่าใจของคุณมีแต่คุณรมิดาใช่ไหมคะ”
“….”
เลโอไม่ตอบได้แต่นิ่งเงียบไว้ เนื่องจากเขาไม่อยากสนทนากับคนตรงหน้า ส่วนรมิดาได้แต่ฉีกยิ้มกว้าง เพราะเธอรู้คำตอบดี “ไม่ตอบนี่คือคำตอบใช่ไหมคะ”
บรืนน…เอี๊ยด…
เสียงรถคันหรูได้เคลื่อนที่มาจอดบริเวณหน้าโรงเรียนด้วยความรวดเร็ว เพราะอีกไม่กี่นาทีก็จะสายแล้ว คนตัวเล็กเตรียมกระเป๋าลงจากรถจากนั้นสะพายไว้บนหลัง ก่อนจะพูดกับชายหนุ่มว่า
“ทำงานสู้ ๆ นะคะ ไว้เจอกันค่ะ”
ส่วนทางด้านเลโอที่ได้ยินประโยคนั้นได้แต่ขมวดคิ้วเป็นปม ประโยคที่คนตัวเล็กพูดเมื่อครู่ เป็นประโยคที่คนรักของเขามักจะพูดอยู่บ่อย ๆ
สายตาอันคมกริบทอดมองแผ่นหลังบางไปเรื่อย ๆ จนลับสายตาไป จากนั้นชายหนุ่มสะบัดหน้าพรืด เมื่อคิดถึงเป้าหมายที่แท้จริงของตัวเอง พยายามข่มใจตัวเองเอาไว้ไม่ให้ใจอ่อนกับเธอ ความใจอ่อนนี่เป็นจุดบอดของเลโอ เพราะเขาเติบโตมาด้วยคำสอนของแม่ให้อ่อนโยนกับผู้หญิง แม้ว่าจะรู้ว่าเรื่องนี้เขาทำผิด แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อเธอคือคนที่พรากความสุขของเขาไป