บทที่ 11 ห่วงก่อนตาย
ในขณะที่เจ้าของใบหน้าสวยเดินเข้ามาในเขตของโรงเรียน กลับถูกสายตาหลายคู่จ้องมองตลอดทาง อีกทั้งคนเหล่านี้ใช้มือป้องปากเอาไว้เพื่อซุบซิบอะไรบางอย่าง ซึ่งเธอก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก
~โครก คราก~
จู่ ๆ ท้องของรมิดาก็ส่งเสียงร้องออกมาประท้วง เพราะตอนเช้าไม่ได้มีอะไรตกถึงท้องเลย
“กินข้าวก่อนแล้วกัน กองทัพต้องเดินด้วยท้อง อีกอย่างอาหารเช้านั้นสำคัญ” คนตัวเล็กพึมพำเบา ๆ ใบหน้าสวยคลี่ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข การได้เข้ามาอยู่ในร่างคนอื่นในครั้งนี้ขอมีความสุขแล้วกันนะ….แม้จะไม่รู้ว่าการที่ได้เข้ามาอยู่ในครั้งนี้เกิดจากอะไรกันแน่
เมื่อเดินไปเพียงไม่กี่ก้าว เท้าเล็กกลับชะงักนิ่ง จากนั้นเรียวปากสีหวานเอ่ยออกมาว่า“ว่าแต่โรงอาหารไปทางไหนนะ”
เฮ้อ! เป็นอีกครั้ง ที่พ่นลมหายใจหนักออกมา พลันสายตาคู่สวยเห็นหนุ่มน้อยหน้าตาดีคนหนึ่งเดินผ่านมาพอดี ดูท่าน่าจะเป็นตัวท็อปของโรงเรียน สังเกตจากสีผมดำขลับตัดกับผิวขาวเนียน ดวงตาคมเฉี่ยวเป็นประกาย ร่างสูงโปร่ง กล้ามเนื้อเป็นมัดแบบนี้ เป็นคนดูแลสุขภาพอย่างดีแน่นอน
‘เด็กสมัยนี้โตเร็วจัง’ หญิงสาวคิดในใจ ลอบมอบเด็กหนุ่มหน้าตาดีอย่างไม่วางตา จนกระทั่ง คนที่เธอมองอยู่นั้น ส่งยิ้มกว้างแล้วเดินมาหารมิดา
“ไง ริสา หายดีแล้วใช่ไหม ผมได้ยินมาว่าเธอพลัดตกตึกนี่”
คำทักทายของคนตรงหน้าพูดอย่างสนิทสนม ส่วนคนตัวเล็กได้แต่ทำหน้าตะลึงงัน ลืมไปอีกอย่างว่าที่โรงเรียนนี้เธอไม่รู้จักใครเลย
“เธอเป็นใครอ่ะ” หญิงสาวถามออกมาด้วยสีหน้าที่เรียบนิ่ง ถึงชายตรงหน้าจะหล่อ มันก็ไม่ได้มีผลอะไรกับใจ เพราะเธอรักเพียงแค่เลโอ
“ดูเหมือนว่าข่าวลือที่ความจำเสื่อมจะเป็นจริงสินะ ผมลูแปงไง เป็นเพื่อนคนเดียวของเธออ่ะ…แล้วนี่เป็นไงมาไงถึงมาที่โรงเรียนได้”
“โรงอาหารไปทางไหน” คนตัวเล็กไม่ตอบคำถามที่ลูแปงถามแต่เปลี่ยนมาถามอย่างอื่นแทน
“โห เย็นชาจังเลยแฮะ”เด็กหนุ่มบ่นอุบอิบ เมื่อเพื่อนสนิทเย็นชาใส่ ปกติแล้วคาริสาไม่เคยมีท่าทางแบบนี้ใส่เขา
“ไปทางไหน…!”
ลูแปงได้แต่ถอนหายใจ ที่คนตัวเล็กตรงหน้าไม่สนใจในคำพูดหรือคำถามที่เขาถามเลย อีกทั้งแววตาของเธอกลับนิ่งเรียบ ไม่มีความซุกซนเหมือนเดิม
หมับ! ชายหนุ่มคว้าข้อมือของคาริสา เพียงชั่วพริบตาก็ถูกสะบัดออก พร้อมกับโดนสายตาดุ ๆ ของคนตรงหน้าจ้องเขม็ง
“ทำอะไร!” เรียวปากสีหวานถามเสียงเข้ม
“จะพาไปโรงอาหารไง…”
“เดินนำหน้าไป ไม่ต้องมาจับ”
ลูแปงอ้าปากเหวอ จากนั้นเดินนำหน้าคนตัวเล็กเพื่อไปยังโรงอาหารแล้วบ่นเบา ๆ โดยที่คนตัวเล็กไม่ได้ยิน “เด็ดขาดจังแฮะ”
ส่วนรมิดาในร่างคาริสา เดินตามหลังของเด็กหนุ่มที่ชื่อลูแปง
อย่างเงียบ ๆ ดูจากท่าทางแล้ว น่าจะเป็นเพื่อนสนิทจริง ๆ แต่สายตาที่มองมานั่น น่าจะคิดไม่ซื่อกับเพื่อน ดูท่าเจ้าหนุ่มน้อยนี่จะหลงรักคาริสาอยู่ไม่ผิดแน่
ช่วงพักเที่ยง
“เวลาทานข้าวก็ยังไม่เลิกตามอีกเหรอนี่” เสียงหวานพูดกึ่งบ่นให้เด็กหนุ่ม ในห้องเรียนก็เอาแต่จ้องมองอยู่ตลอด
“เธอลืมไปแล้วเหรอ ผมกินข้าวกับเธอตลอดทุกเที่ยง….ถ้าเธอมาโรงเรียนอ่ะนะ”
“….” หญิงสาวไม่พูดอะไร เอาแต่ก้าวเดินฉับ ๆ มุ่งตรงไปยังโรงอาหาร
เมื่อไปถึงบริเวณโรงอาหารของโรงเรียนเอกชนชื่อดัง ดวงตาคู่สวยเห็นผู้คนเดินขวักไขว่กันอย่างแน่นขนัด อาการแพนิคของรมิดาก็เริ่มกำเริบ จนเธอรู้สึกประหม่าและอึดอัด
เธอชะงักนิ่งอยู่ตรงนั้น พยายามเก็บอาการเอาไว้ เพียงชั่วพริบตา ก็มีเสียงดัง
โครม! ดังในระยะไม่เกิน 50 เมตร พร้อมกับเหล่านักเรียนล้อมวงกันมุงดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ต่างส่งเสียงหัวเราะคิกคักกันอย่างสนุกสนาน รมิดาจึงก้าวเท้าเล็กเข้าไปดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเช่นกัน
“อุ้ย หิวข้าวจนเดินไม่ดูตาม้าตาเรือเลยเหรอ คนจน ๆ อย่างเธอเข้ามาเรียนอยู่ที่นี่ได้ยังไงกันนะ” เสียงของนักเรียนหญิงคนหนึ่งพูดขึ้น แล้วยิ้มเย้ยหยัน
“….” คนที่ถูกแกล้งจนล้ม เธอเอาแต่ก้มหน้านิ่ง ไม่ตอบโต้อะไร
ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็มีการกลั่นแกล้งกันสินะ ไม่เว้นแม้แต่โรงเรียนเอกชนชื่อดัง ความเหลื่อมล้ำยังคงมีอยู่ แต่ก็ช่างเถอะ นี่ไม่ใช่เรื่องของรมิดา ถ้าสอดมือเข้าไป มีหวังทำตาต้าปวดหัวอีกแน่ คนตัวเล็กกำลังจะหมุนตัวกลับไป ทว่า….เหตุการณ์ในตอนที่เธอเป็นนักเรียนได้แล่นเข้ามาในหัว….
ในตอนนั้นมันทั้งรู้สึกเจ็บใจ คับแค้นใจ จนโตขึ้นมันก็ยังไม่ลืม แถมเหตุการณ์นั้นยังเกิดขึ้นอีกซ้ำ ๆอีก ไม่ใช่ว่าเธอสู้ไม่ได้ แต่นั่นเป็นเพราะหญิงสาวไม่มีใครคอยหนุนหลังและปกป้อง หากพลั้งลงมือไป อาจจะถูกไล่ออกจากโรงเรียน เหมือนเป็นการตัดอนาคตของตัวเองชัด ๆ
หากวันนี้เธอได้ยื่นมือเข้าไปช่วยเด็กคนนั้น มันอาจจะทำให้ชีวิตของเธอไม่มีปมในใจ….ฉะนั้น รมิดาจะไม่ยอมให้ประวัติศาสตร์ของเด็กสาวคนนั้นซ้ำรอยเดิมกับเธอ
“โอ๊ะ ถ้าหิว….ฉันจะช่วยกรุณาเลี้ยงข้าวดีไหม…” เด็กนักเรียนหญิงคนนั้นพูด พร้อมกับหยิบจานข้าวเทราดหัวของเด็กนักเรียนที่ล้มอยู่บนพื้น
เผละ!
“เอ้า..กินสิ”
กรอด! รมิดากัดฟัน พร้อมกับกำมือแน่น
“แบบนี้มันจะแกล้งกันแรงเกินไปแล้ว!” เรียวปากสีหวานพูด พร้อมกับใช้มือแหวกผู้คนออก เพื่อเดินเข้าไปหาเด็กสาวคนนั้น เป็นจังหวะเดียวกันกับหญิงสาวเงยหน้าขึ้นมาพอดี
“นาเดียร์…” ปากเล็กพึมพำเบา ๆ ไม่น่าตอนนั้นที่เธอให้นาเดียร์มาโรงเรียนเธอเอาแต่ทำหน้าเหมือนคนจะร้องไห้ ไม่อยากมา อุตส่าห์คิดว่าการได้ส่งนาเดียร์มาโรงเรียนดี ๆ จะทำให้เธอมีอนาคตแท้ ๆ กลับกลายเป็นส่งเธอมาให้เจอนรก…
ดูเหมือนว่านักเรียนหญิงคนนั้นจะยังไม่ยอมหยุดการกระทำ ไม่รอช้ารมิดาในร่างของคาริสารีบเดินเข้าไปคว้าข้อมือของเด็กคนนั้นเอาไว้ แล้วออกแรงบีบมันแรงขึ้น
“หยุดทำชั่วได้แล้ว เด็กนรก…” เป็นครั้งแรกในชีวิตของรมิดา ที่โกรธจนหน้าแดงก่ำ อีกทั้งพ่นคำไม่สุภาพออกมาแบบนี้
“ฮะ?…เด็กนรกเหรอ?” เธอแค่นหัวเราะ “อายุเท่าฉัน…ทำอย่างกับตัวเองเกิดก่อน แล้วมีอะไร…มาสอดทำไม!”
“ขอโทษนาเดียร์เดี๋ยวนี้” เสียงหวานตวาดเข้ม
“ฉันก็แค่จะเลี้ยงข้าว ไม่เห็นเหรอ”นักเรียนหญิงตอบอย่างไม่แยแส ยักไหล่ทำเหมือนทองไม่รู้ร้อน
“เลี้ยงข้าวเหรอ…อืม…งั้น” รมิดาเม้มริมฝีปากแน่น มือเล็กคว้าถ้วยน้ำแกงบนโต๊ะ ยกมันขึ้นมาเหนือศีรษะของเด็กคนนั้น ก่อนจะค่อย ๆ เทราดใส่คนตรงหน้าลงมาจนเปียกชุ่ม “ฉันจะเลี้ยงข้าวเหมือนกัน”
ผู้คนแถวนั้นต่างส่งเสียงฮือฮาไม่คิดว่าคนตัวเล็กจะกล้าทำแบบนี้
“กรี๊ด!!! กะ…แก”
“ทำไม…ดูทรงแล้วเธอเองก็น่าจะหิวนะ….กินข้าวทางหัวแล้ว ฮ่า ๆ”
คนตัวเล็กหัวเราะเย้ย
“แกตายแน่!! ไม่รู้เหรอว่าพ่อฉันเป็นใคร” นักเรียนหญิงชี้หน้าอย่างคาดโทษ พร้อมกับกระทืบเท้าอย่างขัดใจ
“ขนาดเธอยังไม่รู้ว่าพ่อเป็นใคร ฉันจะรู้เหรอ…รีบไปล้างตัวเถอะนะ ก่อนที่จะเหม็นไปมากกว่านี้”
เจ้าของใบหน้าสวยพูด พร้อมกับส่ายหัวน้อย ๆ ส่งสายตารังเกียจมองเด็กสาวคนนั้น การที่เธอทำแบบนี้เพราะมองคนออกว่าจะจัดการยังไง คนแบบนี้มักจะคิดถึงภาพลักษณ์ของตัวเองเป็นหลัก โดนสายตาและคำพูดแบบนี้ เด็กนักเรียนหญิงตรงหน้าคงจะเลิกก่อกวนไปได้สักระยะ
หลังจากที่เด็กสาวเดินออกไป รมิดาย่อตัวลงข้าง ๆ นาเดียร์ มือเล็กล้วงหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋ากระโปรง ก่อนจะค่อย ๆ เช็ดเศษอาหารออกจากบริเวณดวงตาของนาเดียร์อย่างเบามือ
“อย่าลืมตานะ หลับตาไว้ก่อน”
….ขอโทษนะนาเดียร์เป็นความผิดของฉันเอง…รมิดาขบเม้มเรียวปากอย่างอดกลั้น ได้แต่พูดซ้ำ ๆ อยู่ในใจ ทำไมเรื่องแบบนี้นาเดียร์ไม่เคยบอก ไม่เคยปริปากออกมาแม้แต่คำเดียว
“ทำไม….ถึงช่วยฉัน”เสียงหวานถามอย่างไม่เข้าใจ
“อย่าพึ่งพูด ไปเปลี่ยนชุดก่อน” ริมฝีปากเล็กเอ่ย จากนั้นค่อย ๆ พยุงร่างของนาเดียร์ขึ้นมา ดวงตาคู่สวยมองไปยังเสื้อเชิ้ตที่เลอะข้าวแกงนั่น พร้อมกับพูดหญิงสาวตรงหน้าว่า “มีชุดมาเปลี่ยนไหม”
“อยู่ในล็อกเกอร์ เป็นชุดพละ”
“อืม งั้นเช็ดคราบเลอะเทอะออกจากตัว ค่อยไปเอาชุดแล้วไปอาบน้ำทีเดียว” รมิดาเอ่ยจัดแจงทุกอย่าง สร้างความแปลกใจให้กับลูแปงอยู่ไม่น้อย ท่าทีของหญิงตรงหน้า ราวกับเป็นผู้ใหญ่ อีกทั้งเรื่องการยื่นมือไปช่วยคนที่ไม่รู้จักนี่ คาริสาไม่เคยทำ และไม่สนใจเลยด้วยซ้ำ
“อืม…” นาเดียร์ตอบด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ พร้อมกับพยักหน้าเบา ๆ
จนเดินมาหยุดที่หน้าตู้ล็อกเกอร์ สายตาคู่สายกวาดมองไปรอบ ๆ พยายามหาชื่อของนาเดียร์ ใช้เวลาเพียงชั่วครู่ก็พบ ไม่รอช้ามือเล็กรีบเปิดประตูออก…ทว่า
“อะไรเนี่ย!” รมิดาอุทานอย่างหัวเสีย ใบหน้าสวยขมวดคิ้วเป็นปม ลากสายตาจ้องมองตัวอักษรที่เขียนเอาไว้เต็มตู้ มีแต่คำด่าทอ เสื้อผ้าที่นาเดียร์เตรียมมาก็ถูกตัดจนขาดวิ่น
ปึง! เป็นอีกครั้งที่เธอโมโห ปิดประตูล็อกเกอร์กระแทกจนเสียงดัง เพื่อผ่อนคลายโทสะได้บ้าง
“โดนแกล้งแบบนี้มานานแค่ไหน…!”
“ตั้งแต่ที่เข้ามาในโรงเรียนนี้ค่ะ”
“อืม สองปีถึงสามปีสินะ”
“อย่าโกรธเธอเลยค่ะ ฉันยอมพวกเธอเอง”
“ฉันไม่ได้โกรธคนพวกนั้น ฉันโกรธตัวเอง…โกรธที่ไม่รู้อะไรเลย…ฉันเพียงคิดว่า…คิดว่าการที่เธอได้เรียนโรงเรียนดี ๆ จะทำให้เธอมีโอกาสที่ดีต่างหาก คิดไม่ถึงว่ามันจะทำร้ายเธอแบบนี้” คำพูดของเจ้าของใบหน้าสวย พรั่งพรูออกมาไม่หยุด พร้อมกับเดินหายออกไปสักพัก เพียงชั่วครู่ก็เดินกลับมาพร้อมชุดนักเรียนอีกชุดหนึ่งอยู่ในมือ
“อ่ะ ไปอาบน้ำแล้วใส่ใหม่ ตัวนั้นก็ทิ้งไปได้เลย”
“ตะ…แต่ว่าตัวนั้นเป็นเงินที่คุณรมิดาซื้อให้ ฉันทิ้งไม่ลงหรอกค่ะ เอาไปซักก็ใช้ได้เหมือนเดิมแล้ว”
“เฮ้อ เด็กโง่เอ้ย” เรียวปากสีหวานสบถออกมาเบา ๆ พร้อมกับโบกมือไล่ให้นาเดียร์ไปอาบน้ำเปลี่ยนชุด
ผ่านไปสักพัก
รมิดาในร่างของคาริสาก็ฉุกคิดได้ว่า หรือการที่เธอกลับมาอยู่ในร่างของเด็กสาวที่ชื่อว่าคาริสานี้ เป็นเพราะก่อนตาย เธอมีห่วงอยู่ และนาเดียร์ก็เป็นหนึ่งในนั้นที่คนตัวเล็กได้คิดถึง….