บทที่ 14 เข้าห้องปกครอง
หลังจากที่อาบน้ำเสร็จเป็นเวลาราว ๆ เกือบ 2 ชั่วโมง เลโออุ้ม
รมิดามาไว้บนเตียงอย่างเบามือ ก่อนจะเอนตัวนอนลงข้าง ๆ เธอ
“คืนนี้ นอนที่นี่แหละ” เขาพูดพร้อมกับใช้นิ้วไล้พวงแก้มของหญิงสาวเบา ๆ จากนั้นคลี่ยิ้มจาง ๆ ออกมา
“คนอื่นจะสงสัยไหมคะ”
“หือ จะไปนึกถึงคนอื่นทำไมครับ ตอนนี้มีแค่เรานะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ได้ค่ะ” เธอตอบแล้วซุกตัวลงต่ำ ให้ใบหน้าอยู่ในระดับอกแกร่งของชายหนุ่ม มือเล็กหนึ่งข้างเอื้อมไปกอดเลโอเอาไว้ด้วยความรักใคร่
“ทำแบบนี้จะโดนอีกสักรอบดีไหมครับ”
“อื้อ พอก่อนค่ะ ขอกอดแบบนี้ไปจนหลับไปก่อนนะคะ พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าไปโรงเรียนอีก”
“ว่าแต่ไปโรงเรียนเป็นยังไงบ้างครับ มีใครรังแกไหม”
“ไม่มีค่ะ มีเรื่องหนึ่งค่ะ ที่ดาจะบอกคุณ”
“เรื่องอะไรครับ” ชายหนุ่มถามด้วยความประหลาดใจ
“เรื่องนาเดียร์ค่ะ…คือว่าวันนี้ฉันไปมีเรื่องกับเด็กที่โรงเรียนค่ะ เด็กพวกนั้นรุมแกล้งนาเดียร์ มาได้สองปีจะสามปีแล้ว เธอก็ไม่เอ่ยปากบอกใคร ถ้าหากวันนี้… ดาไม่ไปเห็นกับตา คงไม่รู้ว่าเธอถูกแกล้งหนักแบบนี้”
“โดนแกล้งงั้นเหรอ?”
“ค่ะ…โดนอาหารราดใส่ตัว ตัดชุดในล็อกเกอร์จนขาด ทำไปเพราะรู้ว่านาเดียร์เป็นเด็กกำพร้า…เรื่องนี้ดาไม่เคยรู้มาก่อนเลย ดาอยากให้เธอมีอนาคตที่ดี จึงได้ส่งให้ไปเรียนโรงเรียนดี ๆ ดาจึงจัดการเด็กคนนั้นไปแบบที่ทำกับนาเดียร์ เพราะโมโหค่ะ ”
รมิดาพูดด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย
“พรุ่งนี้ผมคาดเอาไว้ว่าอาจารย์น่าจะเรียกคุณเข้าห้องปกครอง และเรียกผู้ปกครองนะครับ”
“ดาคิดแบบนั้นเหมือนกันค่ะ แต่ดาไม่อยากให้คุณพ่อรู้ ถ้าคุณพ่อรู้คงจะปวดหัวอีกแน่ ๆ ค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นให้ผมไปเป็นผู้ปกครองแทนนะครับในฐานะสามีก็แล้วกัน”
“ว่างเหรอคะ”
“เรื่องอะไรก็ไม่สำคัญเท่าคุณแล้วครับ เรื่องงานให้หมิงจัดการแทนไปก่อน”
“ค่ะ ถ้าหากอาจารย์เรียกเข้าห้องปกครองจะโทรเรียกคุณนะคะ”
“ครับ” ชายหนุ่มตอบพร้อมกับจ้องคนข้าง ๆ นิ่ง จนเธออดถามไม่ได้
“มีอะไรงั้นเหรอคะ”
“เปล่าครับ แค่ผมคิดไม่ถึงว่าภรรยาของผมยังเป็นเด็กนักเรียนอยู่ ทั้ง ๆ ที่อายุ 27 แล้ว หึ ๆ ” คนตัวสูงขำเบา ๆอย่างเอ็นดู
“ใครจะไปคิดล่ะคะ ว่าดาต้องมาใช้ชีวิตอยู่ในร่างน้องสาวของตัวเอง”
“ไม่ต้องกังวลนะครับ ต่อจากนี้จะไม่มีใครทำอะไรคุณได้แล้ว จะได้อยู่ด้วยกันไปจนแก่เลย”
“ค่ะ” คนตัวเล็กตอบอย่างไม่เต็มเสียงนัก กลัวว่ามันจะไม่ได้เป็นอย่างนั้น สิ่งที่เธอยังกังวลตอนนี้คือ การที่ไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องออกจากร่างนี้ตอนไหน
ณ โรงเรียนเอกชนชื่อดังของประเทศ
เวลา 12.00 น.
กริ้ง !
เสียงสัญญาณดังจากลำโพงขนาดใหญ่ร้องระงม บ่งบอกว่าขณะนี้เป็นเวลาพักกลางวัน
ครืด…
เหล่านักเรียนในห้อง ต่างพากันลากเก้าอี้ที่ได้นั่ง พร้อมกับก้าวขาเดินออกจากห้องเรียนไป ในขณะเดียวกัน รมิดาในร่างคาริสาก็เก็บของใส่กระเป๋าสะพายอย่างลวก ๆ เพื่อที่จะไปพักผ่อนเช่นกัน
“วันนี้ริสาจะกินอะไร”
เสียงของลูแปงเอ่ยถามพร้อมกับสาวเท้าตามหลังมาติด ๆ
“ไม่รู้ ลองดูก่อน ลูแปงล่ะ”
“กินอะไรก็ได้ ขอแค่ให้ได้กินกับเธอ” เด็กหนุ่มหยอดเสียงหวาน
ใบหน้าสวยหุบยิ้มทันใด หันไปแยกเขี้ยวใส่ลูแปง พร้อม ๆ กับชูกำปั้นขึ้นมา แล้วเอ่ยว่า
“ลองกินกำปั้นดูก่อนไหม”
“โหดจังอ่ะ”
ชายหนุ่มหน้าตาดีทำสีหน้าขยาด เมื่อโดนสาวตรงหน้าถมึงทึงใส่
“เอ่อ….ขอคุยหน่อยได้ไหมคะ” เสียงอันคุ้นหู ดังมาจากทางด้านหลัง ทำให้รมิดาหันขวับไปทางด้านหลังทันที
“มีอะไรเหรอนาเดียร์” ริมฝีปากสีสวยเอ่ยถาม
“ขอคุยสองคนได้ไหมคะ พอดีมีเรื่องอยากจะถาม”
“ลูแปงช่วยไปรอที่โรงอาหารก่อนได้ไหม เดี๋ยวตามไป”
เรียวปากเล็กพูดพร้อมกับส่งสายตากึ่งออกคำสั่ง ส่วนลูแปงได้แต่พยักหน้าเบา ๆ จากนั้นเดินออกไป
เมื่อเห็นว่าบริเวณนี้ไม่มีใครแล้ว นาเดียร์จึงได้เอ่ยปากถามในสิ่งที่คาใจอยู่
“เรื่องที่ฉันจะคุยด้วย มันเป็นเรื่องที่เหนือธรรมชาติค่ะ…หลายวันมานี้…เดียร์ได้แต่คิดอยู่หลายรอบ พยายามเอาเรื่องมาปะติดปะต่อกัน มันทำให้ฉันสงสัยค่ะ”
“สงสัยว่า…”
“คุณคือคุณรมิดาใช่ไหมคะ”
“…” คนที่ถูกถามชะงักไปชั่วขณะ แม้แต่นาเดียร์ก็จับทางได้ ดูท่าแล้วความลับครั้งนี้คงจะปิดเอาไว้ไม่ได้
“จริงใช่ไหมคะ…” เด็กสาวถามอีกครั้ง นัยน์ตาไหววูบ กุมมือตัวเองแน่น
“ใช่จ้ะ ฉันคือรมิดา”
ทันทีที่ริมฝีปากสีสวยพูดจบ ก็ถูกเด็กสาวตรงหน้าสวมกอด จนร่างบางเซถลาไปด้านหลังอย่างไม่ทันตั้งตัว
พรึบ!
“ฮึก….จริง ๆ ด้วย คุณยังไม่ตาย…ขอบคุณนะคะ…ขอบคุณที่กลับมาหาเดียร์” หญิงสาวสะอื้น ลืมตัวกอดรัดรมิดาแน่นขึ้น
ในขณะเดียวกัน ใบหน้าสวยคลี่ยิ้มออกมาบาง ๆ ใช้มือเรียวลูบหลังของนาเดียร์เบา ๆ “ไม่ต้องร้องนะ”
“ดีใจค่ะ…ดีใจจนร้องไห้เลยค่ะ ฮึก” เธอสะอื้นหนักขึ้น
“ฮึบไว้นะ ฮึบ…แล้วไปกินข้าวกันเถอะ”
“ค่ะ”
“ดีมากจ้ะ”
คนตัวเล็กยิ้ม จูงมือนาเดียร์ตรงดิ่งไปยังโรงอาหาร ทันใดนั้นเอง…
“ขอให้นักเรียนที่มีรายชื่อดังต่อไปนี้เชิญมาพบอาจารย์ที่ห้องปกครองด้วยค่ะ….”
เสียงประกาศแบบเรียบ ๆ ผ่านลำโพงของโรงเรียน ทำให้ร่างเล็กชะงักฝีเท้า เพราะหนึ่งในนั้นมีชื่อของเธอด้วย
“นึกเอาไว้ไม่มีผิด” เรียวปากสีหวานพึมพำ
“ขอโทษนะคะ เรื่องนี้เดียร์ดึงคุณไปเกี่ยวด้วย” นาเดียร์ก้มหน้า ดวงตาหุบลงด้วยความรู้สึกผิด
รมิดาหันมามองใบหน้าของนาเดียร์ จากนั้นเอื้อมมือไปปกุมมือเล็กของเธอเอาไว้ ออกแรงบีบมันเบา ๆ เพื่อส่งกำลังใจให้เธอ
“อย่ากังวล เรื่องนี้มันจะจบภายในวันนี้ ต่อไปจะไม่มีใครมารังแกนาเดียร์ได้อีก….เดียร์ไปห้องปกครองก่อนนะ เดี๋ยวฉันตามไป”
“ค่ะ”
“เชื่อใจฉันนะ”
“ค่ะ” เด็กสาวพยักหน้า พร้อมกับเดินไปยังห้องปกครอง
ไม่รอช้ารมิดาในร่างคาริสารีบควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋าสะพาย
กดโทรออกหาเลโอทันที
ปกติแล้วปัญหานี้เธอจัดการเองได้ แต่เธอได้เข้ามาอยู่ในร่างของเด็กที่อายุเพียง 18 ปี ต่อให้อธิบายไปเท่าไหร่ พวกผู้ใหญ่ก็ไม่มีทางเชื่อ ฉะนั้นต้องให้ผู้ปกครองของแต่ละฝ่าย รับรู้ถึงปัญหาที่เกิดขึ้น
ส่วนอาจารย์ที่โรงเรียนต้องออกมาตรวจตราดูแลนักเรียน ไม่ใช่ปิดหูปิดตา ทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไร เพราะครอบครัวของคนที่ก่อปัญหามีอิทธิพล จึงกลัวว่าตำแหน่งในโรงเรียนจะไม่ยั่งยืน
ณ ห้องปกครอง
“แกใช่ไหม ที่กล้ามีเรื่องกับลูกของฉัน” เสียงแว๊ด ๆ ของหญิงอายุ 45 ปี กำลังชี้หน้าด่านาเดียร์ โดยที่ไม่สนอะไรทั้งนั้น
ในขณะเดียวกันรมิดาเปิดประตูห้องเข้ามาพอดี พยายามใจเย็นแล้ว ฉีกยิ้มคุยกับผู้ปกครองตรงหน้า พร้อมกับส่งสายตาคู่สวยได้แต่เหลือบมองอาจารย์ฝ่ายปกครองซึ่งตอนนี้เป็นใบ้ไปแล้ว
“คุณแม่ใจเย็น ๆ ค่ะ ฉันเป็นคนมีเรื่องกับลูกของคุณเองค่ะ”
“แกเองงั้นเหรอ?”
“ใช่ค่ะ”
“พ่อแม่แกอยู่ไหน ทำไมไม่เรียกมา”
“กำลังมาค่ะ”
“ดี ฉันจะฟ้องซะให้เข็ด กล้ามาทำลูกรักของฉันได้ยังไง”
“ถ้าฉันผิด ฉันยินดีค่ะ แต่ถ้าลูกของคุณผิด ต้องโดนด้วยเหมือนกันนะคะ”
“กล้าดียังไง ลูกของฉันไม่เคยทำผิด อยู่ที่บ้านลูกฉันเป็นคนดี ไม่มีทางที่จะก่อเรื่องก่อน”
เมื่อได้ยินประโยคสุดฮิตในตอนนี้ คนตัวเล็กได้แต่กรอกตามองบน ถอนหายใจหนัก ๆ พร้อมกับเบะปากด้วยความเบื่อหน่าย
‘แบบนี้เขาเรียกลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นสินะ รู้แล้วแหละลูกนิสัยเหมือนใคร’
“คุณแม่ใจเย็น ๆ ก่อนครับ นั่งลงดื่มน้ำเย็น ๆ ก่อน” เสียงอาจารย์ฝ่ายปกครองพูดแทรกเข้ามาในบทสนทนา น้ำเสียงสั่นอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
“อย่าพึ่งมาสอด รู้ไหมว่าสามีของฉันเป็นใคร เขาเป็นถึงผู้จัดการฝ่ายผลิตของบริษัทเคอาร์กรุ๊ป อีกทั้งยังสนิทกับผู้อำนวยการของโรงเรียนนี้ด้วย…คุณมาพูดแบบนี้ สงสัยอยากเปลี่ยนงานใหม่ใช่ไหม”
“เฮ้อ ตัวลูกก็ไม่รู้ว่าพ่อเป็นใคร ตัวแม่ก็ไม่รู้ว่าสามีเป็นใครอีก สงสัยทั้งครอบครัวจะสมองเสื่อมจริง ๆ สินะ”
คนตัวเล็กพึมพำเบา ๆ แต่หญิงอายุ 45 ปีกลับได้ยิน
“ว่าไงนะ…นังเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม!”
หญิงวัยกลางคนโกรธจัด ยกฝ่ามือขึ้นเตรียมจะสั่งสอนรมิดา
“คุณแม่ใจเย็น ๆ ครับอย่าลงไม้ลงมือ” อาจารย์ฝ่ายปกครองร้องห้าม เหมือนจะรู้ได้ว่าเหตุการณ์จะบานปลายมากกว่าเดิม ทว่าผู้ปกครองคนดีดูท่าจะไม่ฟังเลย
รมิดาหลับตาปี๋ ยืนนิ่ง ๆ เพื่อรอรับชะตากรรม ให้ตบสักฉาดคงไม่เป็นอะไร ค่อยใช้กฎหมายเล่นงานเอาให้เข็ดไปเลย ทันทีที่ฝ่ามือจะสัมผัสถึงใบหน้าสวย
เลโอรีบผลักประตูเข้ามา แล้วคว้าข้อมือของผู้ปกครองของ
เด็กสาวคนนี้ไว้
หมับ!
เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาใบหน้าเรียบนิ่ง ขบกรามดังกรอด ออกแรงบีบที่ฝ่ามือของหญิงวัยทองด้วยความโมโห เพราะผู้หญิงคนนี้ทำเกินกว่าเหตุ
“ปล่อยฉัน!” หญิงวัยกลางคนตวาดกึ่งออกคำสั่ง
“หึ” เลโอสะบัดข้อมือเหี่ยว ๆ ทิ้ง ทำให้ร่างของคุณหญิงคนนี้
เซถลาไปนั่งอยู่บนเตียงอย่างพอดิบพอดี
“คุณแม่ คุณแม่เป็นอะไรไหมคะ” เสียงของเด็กสาวที่ก่อเหตุรีบปรี่มาดูอาการของผู้เป็นแม่
“ฉันจะฟ้องพวกแกให้หมด”
“เชิญครับ” เลโอพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง สีหน้าไม่สะทกสะท้านใด ๆ มือหนาหยิบซองสีน้ำตาลออกมา พร้อมกับโทรศัพท์หนึ่งเครื่อง แล้วพูดว่า
“แต่ก่อนอื่นช่วยดูนี่ก่อนครับ”
“ในคลิปเป็นวีดีโอที่เด็กนักเรียนถ่ายกันเอาไว้ ก่อนจะเกิดเหตุขึ้น มันมีคลิปของทุก ๆ วัน ดูท่าลูกสาวของคุณจะทำจนเคยตัวสินะครับ”
“แบบนี้ยังเห็นว่าลูกเป็นคนดีอยู่ไหมครับ”
“…มะ…ไม่จริง แล้วคุณเป็นใคร เป็นผู้ปกครองของยัยนี่เหรอ” คุณหญิงเอ่ยถาม
“เป็นคู่หมั้นครับ” เลโอตอบตามความจริง
“เฮอะ ที่แท้ก็เป็นเด็กใจแตก ยัยนี่ก็ไม่ได้เป็นคนดีน่ะสิ ถึงว่ากล้ามาทำลูกของฉันได้ ถึงยังไงฉันก็จะฟ้องพวกคุณ แต่นังหนูที่ไม่มีพ่อแม่นี่ ฉันจะให้เงินเยียวยาไปแล้วกันนะ จะเอาเท่าไหร่ล่ะ”
ผู้ปกครองของหญิงสาวหันไปถามนาเดียร์ที่เอาแต่ก้มหน้านิ่ง
“ผมนี่แหละครับ เป็นผู้ปกครองของเธอ ไม่รับเป็นเงินครับ เพราะผมมี”
“เฮอะ ที่แท้ก็เด็กใจแตกอีกคน”
กรอด! เลโอกัดฟันดังกรอด ตวัดสายตาอันคมกริบมองผู้หญิงตรงหน้า เขาพยายามข่มใจเอาไว้ให้เย็นลง เพราะที่นี่ไม่เหมือนกับสถานที่ทำงานของเขา
“ได้ยินว่าสามีของคุณทำงานอยู่บริษัทเคอาร์กรุ๊ปใช่ไหมครับ”
“ใช่น่ะสิ ทำไม”
“เป็นบริษัทของคู่หมั้นผมพอดีครับ พักนี้ได้ยินคำร้อง ว่าผู้จัดการฝ่ายผลิตมักจะใช้อำนาจข่มขู่ลูกน้องบ่อย ๆ พอมาเห็นคุณแล้ว ข้อถกเถียงนั้นอาจจะเป็นความจริงครับ เรื่องนี้เอาไว้ก่อนครับ มาจัดการที่ต้นเหตุก่อนดีกว่า”
“ผมจะให้คุณฟ้องร้องครับ ผมจะฟ้องกลับเช่นกัน แล้วก็เรื่องที่คุณพูดดูหมิ่นเมื่อครู่ด้วย ผมอัดเสียงไว้แล้วครับ ไว้เจอกันที่ศาลนะครับ”
คุณหญิงหน้าซีดเผือด พอประติดประต่อเรื่องราวต่าง ๆ ได้
“สะ… แสดงว่านังหนูนี่คือลูกสาวตระกูลมาเฟีย ลูกสาวประธานบริษัทเคอาร์กรุ๊ป ส่วนคุณคือ… ละ.. เลโอ พึ่งรับช่วงต่อจากตระกูลเล
ใช่ไหม”
หญิงวัยกลางคนถามด้วยน้ำเสียงที่สั่น ดวงตาเบิกโพลงรู้สึกหวาดกลัวอย่างปิดไม่มิด
คุณหญิงเป็นคนฉลาด รู้ดีว่าฟ้องร้องยังไงก็ไม่ชนะ เพราะอีกฝ่ายหลักฐานมีครบ หากดึงดันที่จะเอาชนะ เผลอ ๆ หน้าที่การงานของผู้เป็นสามีจะพังพินาศไปด้วย
“ถ้าจะคิดแบบนั้น ใช่ ก็ได้ครับ”
“อะ เอ่อ ฉันขอโทษแทนลูกสาว ฉันด้วยนะคะ ฉันสอนลูกฉันไม่ดีเอง ไม่ฟ้องแล้วค่ะ ไม่ฟ้องแล้ว…”
คุณหญิงก้มหน้างุด ยอมทิ้งความทะนงตัวเมื่อรู้สถานะของคนตรงหน้า
“แต่คุณแม่คะ” เสียงของลูกสาวเอ่ยทัก เพราะเธอยังไม่ยอมแพ้ จะมายอมแพ้ให้กับเด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้า ที่ชื่อว่านาเดียร์อ่ะนะ
ไม่มีทาง
เพี๊ยะ!