“คิดถูกฉิบหายที่มาด้วย ไม่งั้นมึงแม่งได้ไปจบที่โรงพักหรือเผลอ ๆ ได้จมกองตีนอยู่นี่แหละ”
อาร์เจบ่นขณะที่พาร่างที่แทบไร้สติของคนพี่ และร่างขี้หัวร้อนของคนน้องกลับมายังรถที่จอดอยู่อีกฟากของถนน สายตาก็เหลือบไปมอบทางหน้าร้านที่เพิ่งจะเดินออกมาพบการ์ดร้านเหล้าหน้าดุหลายคนกำลังมองพวกเขาอยู่
“อื้อ~”
“มึงมาเอาพี่มึงไปเลย”
เสียงเล็กดังเบา ๆ พร้อมทั้งใบหน้าที่คลอเคลียประท้วงความไม่สบายตัวอยู่ที่ต้นคอหนาทำเอาคนซึ่งแบกเธอขึ้นหลังกลืนน้ำลายอึกใหญ่ยามที่ลมร้อน ๆ เป่ารดอยู่ที่ใบหู แต่เหมือนมาร์ชเองจะรู้ทันจึงเอ่ยปากผลักภาระทันทีทันใด
“มึงดูเจ๊นะ กูจะขับรถ”
“ไม่เอา พี่มึงแม่งมือปลาหมึก” อาร์เจส่ายหัวเป็นพัลวัน
ตั้งแต่ที่เอาเธอมาไว้กับตัวเหมือนเขานั้นถูกลวนลามจนเสียหายไปหลายแสน เพราะมือเล็กที่ไม่เคยอยู่สุข ลากไล้สะเปะสะปะไปทั่ว
“ก็นั่นแหละเหตุผลว่าทำไมมึงต้องเป็นคนดู”
“เค้ามึนหัว~”
“อึ๋ย ! ขนลุกว่ะ” เสียงเล็กครางขึ้นจมูกดังออกมาทำให้อาร์เจเริ่มทำหน้าไม่ถูก และดูเหมือนคนที่ปฏิกิริยารุนแรงกว่าใครก็คือน้องชายคนเมานั่นเอง “มึงรับผิดชอบแทนกูที ขอร้อง นะ นะ...ให้รับมือกับเจ๊ตอนเมากูขอตายดีกว่า ขนลุก”
“แล้วให้กูดูเนี่ยนะ”
“เออ ช่วยหน่อย”
ไม่เปิดโอกาสให้ปฏิเสธมาร์ชก็คว้าหมับเข้าที่กุญแจรถซึ่งอยู่ในกางเกงเพื่อนแล้ววิ่งแจ้นไปที่รถก่อนจะอนุญาตตัวเองเข้าไปนั่งหน้าสล่อนเป็นคนขับ
“ไอ้เวร”
“ฮืออ ร้อนอ่า...”
“...”
“ร้อนจัง...”
“...”
“ไอ้ตี๋มึงเอาเหี้ยอะไรอุดปากพี่กูหน่อยดิ๊ พูดแต่ละอย่าง กูใกล้อ้วกแล้วเนี่ย”
คนขับตะโกนบอกคนที่ดูแลพี่สาวตนซึ่งอยู่ด้านหลังให้ช่วยทำอะไรซักอย่างกับสถานการณ์ชวนกระอักกระอ่วนนี้ที มือก็ปรับแอร์ให้กับคนที่บ่นร้อนจนตอนนี้อุณหภูมิในรถแทบจะเลี้ยงแพนกวินได้แล้วแต่ปากเล็กก็ยังคงบ่นไม่พอใจอยู่ดี
“มึงแม่งไม่มาดูเองวะ”
“ผิดผี”
“แล้วกับกูนี่ถูกมากเลยรึไง” อาร์เจย่นคิ้วตอบกลับอย่างไม่สบอารมณ์ที่โดนผลักภาระมาให้เพราะมาร์ชไม่อยากมองหน้ากับพี่สาวไม่ติด พยายามแกะมือเล็กที่ไม่รู้ว่าติดกาวตาช้างมาหรือยังไงถึงได้เหนียวดึงเท่าไหร่ก็ไม่ยอมหลุดซักทีแบบนี้ “พี่...ร้อนก็ขยับออกไปครับ มากอดผมทำไมเนี่ย”
พอขึ้นทางด่วนถนนเริ่มโล่งมาร์ชก็เหยียบคันเร่งจนมิดอย่างไม่คิดชีวิต เรียกได้ว่าคงมีใบสั่งขับรถความเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนดมาถึงบ้านเจ้าของรถในไม่ช้าแน่นอน
“โอ๊ยแม่ง ! หลบดิวะมาขับช้าแช่เลนส์ขวาอยู่ได้ ขับรถไม่เป็นก็ไปเรียนมาใหม่ ไป๊ !”
นี่แหละเขาถึงไม่ชอบขับรถยนต์ที่มันทั้งใหญ่ทั้งเทอะทะ ปากก็ด่าหมดหากใครมาขัดขวางการกลับบ้านของเขาในตอนนี้ จึงทำการหักรถหลบจนตัวโยกด้วยความว่องไวแล้วแซงคนที่ขับรถเสียมารยาทขึ้นไป
ปึ่ง !
มาร์ชรับรู้ว่าด้านหลังคงเสียหลักเพราะการขับรถของเขาจึงเอ่ยขอโทษเบา ๆ แต่มันก็เพราะคนอื่นมาขวางทางนั่นแหละ
“โทษที คันหน้าแม่งขับรถกวนส้นตีน”
“...”
“ถ้ามีใบสั่งบอกนะเดี๋ยวกูจ่ายเอง”
“...”
ปึก ปึก !
มาร์ชย่นคิ้วกับความเงียบไร้เสียงตอบรับ เสสายตาไปยังกระจกมองหลังก็ไม่พบใครอีก ได้ยินแต่เสียงทุบประหลาดดังมาจากเบาะด้านหลัง ถึงจะสงสัยแต่การที่เขาขับรถเร็วมากในขณะนี้จึงทำได้แค่ร้องถาม
“ทำไรกันวะ”
“...”
ปึก ปึก !
จนกระทั่งลงทางด่วนรถจอดติดไฟแดงก่อนถึงหน้าโครงการหมู่บ้าน จึงหันไปดูว่าทำไมทั้งสองคนไม่ตอบแต่เล่นทุบอะไรเสียงดังมาตลอดทาง โดยไม่รู้เลยว่ามันคือสัญญาณขอความช่วยเหลือจากเพื่อนรักผู้น่าสงสาร
“เจ๊ ! อย่าข่มขืนเพื่อนเค้า”
เห็นภาพชวนประทับใจมาร์ชก็ฮาก๊าก หัวเราะเป็นวักเป็นเวนตอนที่เห็นคนตัวโตร่างกายกำยำกับส่วนสูงกว่า 184 ซม. นอนราบไปกับเบาะหนำซ้ำยังถูกคนตัวเล็กกว่าตัวเองเป็นเท่าตัวขึ้นคร่อมแล้วใช้ริมฝีปากประกบดูดกลืนเสียงเพื่อนรักจนสิ้นท่า นอนช็อกตาตั้ง มีเพียงมือหนาที่เคาะเรียกอย่างอนาถา
“คิก คิก คิก...”
เสียงกลั้นขำดังคิกคักออกมาจากเจ้าของบ้านที่กำลังใช้กุญแจเปิดประตูบ้านอยู่ ดวงตาคมตวัดมองจากด้านหลังก็เห็นว่าไหล่กว้างหัวเราะตัวสั่นไม่เลิก
“ไอ้เหี้ยมาร์ชไอ้สัตว์ ท่ามากอยู่ได้นะมึง”
เสียงน่าหงุดหงิดแว่วเข้าหูทำให้รับรู้ได้ว่ากำลังถูกแกล้งกวนประสาทอาร์เจก็ด่าอย่างหมดความอดทน หนักก็หนัก เพื่อนก็ยังชักช้าลีลาปล่อยเขาถูกผู้หญิงประหลาดเล่นงานอยู่ได้
“เชิญค้าบเพื่อนรัก”
“...”
ตีหน้าหงุดหงิดใส่คนที่กำลังผายมือเชื้อเชิญเข้าไปด้านในตอนที่ประตูบานใหญ่ถูกเปิดกว้างออก กระชับร่างเล็กเดินตามเจ้าของบ้านไปยังชั้นบนห้องริมสุดของตัวบ้านชั้นสองก็เปิดประตูห้องนอนที่คาดว่าคงจะเป็นของคนที่เมาแอ๋ตัวเหลวสลบหลังจากที่แผลงฤทธิ์จนพอใจ
“อื้อหือ”
อาร์เจจัดการวางคนตัวเล็กลงบนที่นอนเรียบร้อย กำลังจะเดินออก สายตาก็ปะทะเข้ากับกระจกบานใหญ่ที่มองเห็นเลือนรางได้จากแสงไฟซึ่งเล็ดลอดเข้ามาทางหน้าต่างกระทบโต๊ะเครื่องแป้งสะท้อนใบหน้าของเขาก็อดหลุดอุทานออกมาไม่ได้
อยากจะบ้าตาย...
ปึ่ง !
“เอ๊า ทำไมออกมาเร็วอ่ะ นึกว่าจะต่อจากเมื่อกี้ซ่ะอีก”
“ตลกเหรอ ?” อาร์เจตวัดมองตาขวางไปให้กับท่าทางชอบอกชอบใจของเพื่อนที่ยืนพิงผนังรออยู่หน้าประตูห้อง ขณะพูดก็ใช้หลังมือยกขึ้นมาเช็ดคราบลิปสติกสีชมพูอ่อนที่คนตัวเล็กฝากเอามาไว้ให้ไปด้วย “กูกลับแล้วนะ”
“แค่นี้ถึงกับรีบชิ่งเลยเหรอวะ นอนบ้านกูก่อนดิ มันดึกแล้ว”
“นี่มึงยังจะให้กูนอนอีกเหรอ นอนที่นี่คืนนี้กูไม่ผวาทั้งคืนเลยหรือไง”
“ฮ่า ๆ เอาน่าเพื่อน เดี๋ยวกูล็อกห้องให้” พูดไปมาร์ชก็ขำไป แม้จะช็อกที่เพื่อนโดนพี่สาวเล่นงานแต่ก็รู้สึกตลกมากกว่า ไม่วายพูดแหย่ไปอีกครั้ง “แล้วเป็นไงวะตั้งเลยป่ะ เจอผู้หญิงดูดปากในรอบปีเลยหรือเปล่าเนี่ย ไหนมาดูทีซิ”
“ไอ้เหี้ย” ขายาวยกเท้าขึ้นสูงเตรียมยัน เมื่อเห็นคนพูดทำท่าจะเข้ามาขอดูจริงอย่างที่ว่า ก่อนจะส่ายหัวเหนื่อยหน่ายตอนที่เห็นสายตาล้อเลียนของเพื่อนแล้วทำหน้าไม่อยากเชื่อ “นี่มึงไม่คิดจะห่วงพี่มึงบ้างรึไง ไม่สิ...ห่วงกูเถอะ พี่มึงแม่งโคตรน่ากลัวเลย”
“ให้ห่วงอะไรอ่ะ โตเป็นควายอยู่ละ”
“แล้วทีเมื่อกี้จะไปต่อยไอ้ฟอร์ด”
อาร์เจเท้าเอวให้กับความย้อนแย้งของเพื่อน ก่อนหน้านี้เห็นพี่สาวตัวเองถูกคนอื่นแตะเนื้อต้องตัวเข้าหน่อย ถึงกับร้อนเป็นฟืนเป็นไฟก็แทบซัดอีกฝ่ายกระเด็นไม่สนใจฟังอะไร แต่พอคราวพี่ตัวเองเป็นฝ่ายทำรุ่มร่ามใส่คนอื่นบ้างกลับไม่โกรธ อีกทั้งยังหัวเราะชอบใจ ท่าทีเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังเท้าของมาร์ชโคตรจะน่าหมั่นไส้
และทำไมเป็นเขาที่ต้องมาโดนด้วย วันนี้เจอแต่อะไรแต่ละอย่าง...ดี ๆ ทั้งนั้น
“ก็มันไม่เหมือนกัน...คนอื่นกูไม่ไว้ใจ วันนี้ก็ไม่รู้เป็นเหี้ยอะไรคิดถึงแต่เรื่องเมื่อปีที่แล้วก็เลยหลอนเรื่องพี่กูไปด้วย เจ๊เวลาเหล้าเข้าปากเป็นยังไงมึงน่าจะรู้ซึ้งแล้วนี่ ปล่อยตัวจะตายห่า เจอคนไม่ดีแม่งก็ไม่เหลือ”
“แล้วมึงไว้ใจกู ?”
“ก็มึงเพื่อนกู” พูดจบมาร์ชก็ยักไหล่ ซักพักก็ดีดนิ้วทำตาเป็นประกาย “ว่าไปน้า~ เจ๊กูสเปคมึงเลยหนิ สนเปล่าเพื่อนรัก ? แต่ทำใจหน่อยนะถึงตอนเมาจะปากหวาน แต่ตอนปกตินี่ปากจัดฉิบหาย”
“ปล่อยกูไปเถอะ”
น้องชายยังขนาดนี้ พี่สาวเองก็คงไม่ต่างกันมากหรอก
อาร์เจปฏิเสธทันควันก่อนถอนหายใจแล้วยกนาฬิกาขึ้นมาดูพบว่าเป็นเวลาเกือบตีสามแล้ว อีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะเช้า คิดไปคิดมาเขาเองก็เหนื่อยและขี้เกียจขับรถตอนนี้เหมือนกัน
ถ้าได้งีบซักสอง สามชั่วโมงคงจะดี
“เค ล็อกประตูให้ด้วยนะ กูก็รักนวลสงวนตัวเป็น”
เมื่อตัดสินใจได้แล้วก็เดินผ่านเพื่อนไปยังห้องนอนอีกฝ่ายอย่างกับบ้านของตัวเอง
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มาบ้านหลังนี้ ทั้งเขายังเคยนอนที่นี่นับครั้งไม่ถ้วนตั้งแต่สมัยมัธยมฯ จะว่าไปนี่เป็นครั้งแรกที่เจอพี่สาวของเพื่อนสนิท
แถมครั้งแรกก็เจอดีเข้าให้แล้ว...ถูกต้อนรับอย่างอบอุ่นขนาดนี้จะได้งีบลงจริง ๆ ไหมก็ไม่รู้...