‘บี๋เมาแล้วเหรอครับ ?’
‘กาย...ดื่มไม่ไหวแล้ว วันนี้พอก่อนเถอะค่ะ’
เสียงอึกทึกกึกก้องจากร้านเหล้ามีหมู่มวลนักท่องราตรีแน่นขนัด พากันโยกย้ายส่ายสะโพกไปกับดนตรีเพลงฮิต กลิ่นฉุนที่ตีขึ้นจมูกบ่งบอกถึงปริมาณแอลกอฮอล์ที่เข้มขึ้นเรื่อย ๆ หญิงสาวส่ายหน้าเป็นพัลวันให้กับแฟนหนุ่มที่ยื่นแก้วเหล้ามาให้เธออีกครั้ง
‘อีกแก้วเดียว...แค่แก้วนี้’
‘แน่นะ’
‘อืม’
‘ยะ อย่า’ เสียงเล็กหลุดร้องอื้ออึงออกมา แต่ความเร่าร้อนและอุณหภูมิที่สูงลิ่วจนเกิดเม็ดเหงื่อผุดขึ้นมาตามไรผมท่ามกลางห้องนอนที่มืดสงัดมองแทบไม่เห็นเบื่องหน้า มีเพียงเนื้อหนังมังสาร้อนระอุอยู่ด้านบน และถึงแม้ว่าจะร้องห้ามแต่แขนเล็กกลับทำสิ่งที่ตรงข้ามคือการจิกกลุ่มผมที่ท้ายทอยของเขาไม่ให้ถอยหนี ‘อื้อออ’
ไม่ได้ อย่านะ ถอยออกไป...
มีเพียงจิตใต้สำนึกที่กำลังกรีดร้องสุดเสียงรับรู้ว่าสิ่งนี้ไม่สมควรเกิดขึ้น แต่ร่างกายไม่สามารถขยับได้ดั่งใจเพราะถูกควบคุมโดยสัญชาตญาณดิบที่ถูกปลุกด้วยสิ่งแปลกปลอมบางอย่าง...
และมันทำให้มัดหมี่นำพาตัวเองไปสู่จุดตกต่ำที่สุดในชีวิต
“เฮือก !”
ร่างเล็กสะดุ้งพรวดขึ้นมานั่งด้วยใบหน้าตื่นกลัว ภายในหูทั้งสองได้ยินเสียงหอบหายใจเข้าออกและหัวใจที่เต้นรัวจนแทบจะหลุดออกจากเบ้า เธอหดตัวเองให้เล็กที่สุดแล้วใช้มือลูบแขนปลอบตัวเองให้ใจเย็น...มันแค่ความฝัน
“แค่ฝัน...”
ดวงตากลมโตมองไปโดยรอบตัวพอเริ่มชินความมืดพบกับบรรยากาศคุ้นชินของห้องนอนบ้านตนเองก็ทำให้เบาใจที่กำลังหวาดระแวงไปได้เยอะ
การที่มาอยู่ในห้องนอนตัวเองนั่นก็หมายความว่าน้องชายของเธอพากลับมาบ้านโดยสวัสดิภาพงั้นสินะ แสดงว่าการกลับไปร้านเหล้าในรอบปีผ่านไปด้วยดี ไม่มีอะไรสึกหรอ...
เฮ้อ ! งั้นก็คงเป็นเพราะมัวแต่คิดวกวนกับเรื่องเก่า ๆ จนเก็บเอามาฝันร้ายแน่ ๆ
ร้านเหล้า แอลกอฮอล์ ผู้คน และเกียร์ 74 = ความโชคร้าย
เธอคิดมาตลอดว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่ทั้งหมดนั้นรวมอยู่ด้วยกันมักมีแต่เรื่องไม่ดี ดังนั้นที่ผ่านมาเธอจึงไม่พาตัวเองเข้าไปอยู่ในสมการนั้นเด็ดขาดจนเวลาผ่านไปนานนับปี ขนาดเลือกร้านเสียไกลจากมหาวิทยาลัยแล้วก็ยังไม่วายวนมาเจอ
แต่พอผ่านมาได้ก็คิดว่ามันคงเป็นแค่เรื่องบังเอิญจริง ๆ นั่นแหละ
“โอ๊ย...กินเหล้าไปขนาดนั้นยังจะคอแห้งอีก”
มัดหมี่นำพาตัวเองเดินลงมาชั้นล่าง ตอนนี้เป็นเวลาตีห้าครึ่งจากที่มองนาฬิกาแขวนผนังกลางห้องโถงและบัดนี้เริ่มมีแสงสว่างจากฟ้าที่เปลี่ยนสีขึ้นเล็กน้อย คนตัวเล็กตรงดิ่งไปยังครัวก่อนเปิดตู้เย็นหยิบน้ำเปล่ากระดกดับกระหายลงคอที่เหมือนมีทรายเป็นกำมือกองอยู่ในนั้น
กำลังจะเดินออกมาหากระเป๋าสะพายตัวเองที่เมื่อครู่พยายามมองหาในห้องนอนก็ไม่พบสิ่งของใด ๆ ที่เธอนั้นติดตัวออกไปด้วยเลยซักชิ้น
ภาวนาให้น้องชายยังพอมีความคิดที่จะเอามันกลับมาด้วยไม่ใช่ทิ้งไว้ที่ร้านและพาเธอออกมาอย่างเดียว...
กึก กึก...
เท้าเล็กชะงักกึกกับเสียงประหลาดที่ดังออกมาจากไหนก็ไม่รู้เข้าหูตัวเอง มือที่กำขวดน้ำเย็นเฉียบบีบจนพลาสติกบิดเบี้ยวเธอก็พยายามหันซ้ายหันขวาแต่ว่าในครัวก็ไม่ได้เห็นความผิดปกติใด ๆ
“หูฝาดมั้ง”
พูดปลอบใจตัวเอง แล้วส่ายหน้าไปมา...เธอไม่รู้หรอกนะว่าคนอื่นจะคิดยังไงแต่สำหรับเธอถ้าเมื่อกี้ไม่ได้หูฝาด ก็ภาวนาขอให้เป็นผี สาง เทพ เทวดา หรืออะไรก็ได้ ขออย่างเดียว...
“อะ...อร๊าย ! อึ่ก !”
มัดหมี่ที่กำลังก้าวเท้าออกจากครัวและทันทีที่พ้นมาถึงหัวบันไดก็พบเงาตะคุ่ม ๆ อยู่ที่ห้องโถงรับแขก เมื่อรับรู้ว่าเป็นคนแน่ ๆ ก็ตะโกนหวีดร้องสุดเสียง แต่ไอ้โจรร้ายที่ไม่รู้ว่ามันต้องการอะไรถึงได้มาอยู่ในบ้านของเธอก็ปี่เข้ามาใช้มือหนาปิดปากแล้วออกแรงดันตัวเธอไปชิดติดที่กำแพง
“เงียบหน่อยสิครับ”
“อื้ออ อ่อยอะไอโอนอ้า !” แม้ปากถูกปิดแต่เธอก็ใช้มือและเท้าที่ยังเป็นอิสระทั้งถีบ ทั้งต่อตีไปมั่วที่เบื่องหน้า
ผลัวะ !
“โอ๊ย! ผมไม่ใช่โจร”
“ใครจะไปเชื่อแกวะ” เมื่ออีกฝ่ายถลาไปเพราะถูกถีบเข้าที่หน้าท้องเต็มแรง ทั้งที่กลัวจับใจพยายามมองหาสิ่งที่ใกล้ตัวมากที่สุด ก็มีแต่เพียงขวดน้ำที่ถูกบีบจนบี้แบนเท่านั้น รับรู้ถึงความไม่ปลอดภัยสุดขีดเธอถึงตะโกนสุดเสียง “มาร์ช ! โจร...อื้อออ”
ตุบ !
“พี่จะตะโกนทำไมเนี่ย บอกว่าไม่ใช่โจร”
เมื่อถูกใช้มืออุดปากอีกครั้งพร้อมเสียงเข้มดุ คราวนี้เหมือนเขาจะรู้ทันและไม่อยากโดนถีบซ้ำสองจึงใช้เข่าแทรกกลางหว่างขาใช้แขนอีกข้างดันช่วงอกเธอจนไม่สามารถขยับเขยื่นประทุษร้ายเขาได้อีก มือเล็กก็กลัวจนอ่อนแรงเผลอปล่อยขวดน้ำที่เป็นอาวุธป้องกันตัวทิ้งลงพื้น
“ฮรึ่ก ! ฮือออ”
พรึ่บ !
ขณะที่ใจร่วงหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มเพราะถูกพันธนาการจนสิ้นท่า ไฟทั้งบ้านก็สว่างวาบขึ้น ดวงตากลมโตหลับปี๋พร้อมทั้งน้ำตาที่เอ่อทะลักออกมาจากหางตาราวเขื่อนแตก หูดับจนแทบจะไม่ได้ยินอะไรแล้ว
มาร์ชได้ยินเสียงร้องดังออกมาด้านล่างก็รีบวิ่งลงมากดสวิตช์ไฟก็ตาโตด้วยความตกใจกับสิ่งที่เห็นว่าเพื่อนตัวเองกำลังเข้าประชิดตัวร่างเล็กของพี่สาวก็รีบเข้าไปแทรกกลาง
“ไอ้ตี๋...มึงทำเหี้ยไรเนี่ย”
“ก็พี่มึงตะโกนลั่นบ้าน กูก็ตกใจกลัวข้างบ้านจะแตกตื่น”
อาร์เจตอบไปตามจริง ตอนนี้เป็นช่วงเช้าแล้วเขาที่พยายามนอนแล้วก็ไม่หลับจึงตัดสินใจว่าจะกลับไปนอนที่บ้านทีเดียวแต่ก็ไม่อยากรบกวนเจ้าของบ้านจึงเดินลงมาด้วยความเงียบเชียบ คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าจะเจอคนตัวเล็กเข้า แถมยังไม่ทันจะได้ทักทายเธอก็แผดเสียงไม่ถามไถ่อะไรกันซักคำ
“ฮรึ่ก ฮือ ฮือ”
“เจ๊ ใจเย็นก่อน...นี่เพื่อนเค้าเองไม่ใช่โจร”
“ฮืออ”
“ขอโทษ...พี่ผมขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ”
เห็นอีกฝ่ายที่คงตื่นกลัวมากจนสะอึกสะอื้นตัวโยนราวกับคนเสียขวัญอาร์เจก็รู้สึกผิดขึ้นมา
มัดหมี่ลู่ตัวลงนั่งกอดเข่าอย่างหมดแรงหายใจถี่กับน้ำตาที่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดไหลแม้ว่าจะเห็นหน้าน้องชายที่พยายามเข้ามาปลอบใจกับเหตุการณ์เข้าใจผิดเมื่อครู่ ก็ยังไม่สามารถควบคุมตัวเองให้สงบได้ ความรู้สึกจุกอกปะทุขึ้นมาและความคิดแย่ ๆ กับตัวเองประดังประเดเล่นงานเธอไม่จบสิ้นจนแทบจะอ้วก
เธอกลัว...กลัวว่าฝันร้ายที่เกิดมาจากเรื่องจริงที่ผ่านมาแล้วแต่ยังคงหลอกหลอนเธออยู่เสมอจะกลายเป็นจริงขึ้นมาอีกครั้ง กลัวว่าตัวเองจะต้องไปอยู่จุดเลวร้ายนั้นอีก
ครั้งแรกโดนวางยา ถ้าครั้งที่สองต้องมาโดนโจรปล้นไปอีก ชีวิตเธอจะอยู่ยังไง