บทที่ 18 : ขอให้มันเป็นครั้งสุดท้าย

1931 คำ
“เปิดประตู !” คนด้านในสะดุ้งสุดตัวแล้วหันกลับมามองข้างกระจกก่อนจะเบิกตากว้าง เมื่อเห็นว่าอาร์เจที่ไม่รู้ว่าอยู่ตรงนี้ตั้งแต่ตอนไหนกำลังจ้องเขม็งเข้ามาด้วยสายตาที่บ่งบอกถึงอารมณ์เสียสุดขีด กระจกรถถูกเลื่อนลงเผยให้เห็นผู้หญิงใบหน้าสวยจัดที่ยังคงตกตะลึงไม่น้อย ยังไม่ทันที่เธอกำลังจะอ้าปากพูดอะไรแต่เหมือนอีกฝั่งของประตูรถจะไม่ได้อยากฟัง “เดียร์...ตามเรามาทำไม” อาร์เจถามผู้หญิงซึ่งบัดนี้เป็นเพียงแฟนเก่าของเขา ไม่ได้เจอหน้าเธอนานมากแล้ว จนเขานึกว่าอีกฝ่ายคงจะคิดอะไรได้บ้าง และรู้สึกผิดกับสิ่งที่ตัวเองเคยทำไว้ในอดีต จะได้ใช้ชีวิตต่างคนต่างอยู่สักที แต่การที่เห็นว่าเธอปรากฏตัวอยู่ที่นี่บางทีเขาอาจจะคิดผิดไป...ว่าคนแบบนี้จะยังพอมีจิตสำนึกอยู่บ้าง “เราไม่ได้ตามเธอนะ” เดียร์โพล่งกลับเสียงดังไม่แพ้กัน นั่นทำให้อาร์เจพยักหน้าเอื่อย ๆ สวนทางกับนัยน์ตาสีเข้มที่มองเธออย่างไม่มีความเชื่อถือในคำพูดนั้น “งั้นเธอมาทำอะไรแถวนี้” “…” คนตอบหลบสายตาก่อนที่จะทำหน้าอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ สุดท้ายแล้วอาร์เจก็ไม่ได้คำตอบออกมาจากปากอีกคน นั่นทำให้เขาคิดเป็นอื่นไม่ได้แล้ว ไม่ใช่เพียงแค่เห็นรถของเธออยู่หน้าหมู่บ้านแล้วเขาจะลงมากล่าวหาเธอเลยในทันที เขาเห็นเธอที่คณะแต่ก็ยังหาเหตุผลให้ว่าเพราะเรียนคณะเดียวกันมันก็ไม่น่าแปลกอะไร แต่ยังเห็นเธอที่ห้าง และยังมาอยู่หน้าหมู่บ้านนี่อีก มันคิดเป็นอื่นได้เหรอ ในเมื่อถามหาธุระที่เธอมาทำแถถวนี้เธอก็ไม่มีคำตอบให้กับเขา “ขอให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่เห็นเธอทำอะไรแบบนี้นะ” “จะพูดอะไรก็ให้มันมีหลักฐานหน่อยอาร์เจ เธอจะมาใส่อารมณ์ทั้ง ๆ ที่เราไม่ได้ทำอะไรเลยแบบนี้ไม่เกินไปหน่อยเหรอ” “ต้องขอบคุณเธอมั้ยล่ะที่เธอยังไม่ทันได้ทำอะไรเพราะถูกจับได้ซ่ะก่อน ขอร้องล่ะหยุดทำตัวโรคจิตแบบนี้ซักทีเถอะ” “เราไม่ได้ตาม !” “โอเค ไม่ได้ตามก็ไม่ได้ตาม” อาร์เจเบือนใบหน้าไปอีกทาง ใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้มหัวเราะเย็น ๆ อึดใจหนึ่งก็หันกลับมาส่งสายตาดุเตือนสติ “แต่ถ้าโกหกและยังคิดราวีกันไม่เลิก จนทำให้คนนู้นคนนี้ต้องเดือดร้อน เธอจะไม่โชคดีแบบนี้อีก จำใส่หัวไว้ให้ดี ถ้าไม่อยากไปนอนเล่นในตารางจริง ๆ” ครั้งที่แล้วที่เดียร์คึกคะนองจนหยุดตัวเองไม่อยู่ทำเรื่องผิดพลาดครั้งใหญ่ หวังให้คนรอบข้างกลัวจนเลิกยุ่งกับเขา ครั้งนั้นแม้ว่าจะไม่ถูกเอาความ แต่นธีก็เล่นงานจนชีวิตเธอลำบากไม่น้อย และตัวเขาเองก็ไม่มีทางยอม ให้ใครต้องมาเจออะไรแบบที่น้ำอิงเจออีกแล้ว เห็นท่าโมโหร้ายของอาร์เจเดียร์ก็เค้นหัวเราะ เธอเห็นอาร์เจกับผู้หญิงที่ห้างชัดแจ๋วเลยล่ะ เป็นเดือดเป็นร้อนให้กันขนาดนี้เลยเหรอ...นี่ถ้าเธอเป็นผู้ชายน่ากลัวว่าจะโดนชกไปแล้ว “ทำไมล่ะ…หรือคนนี้มันมากกว่าคนรู้จักเหรอ ?” “เมื่อไหร่จะคิดได้ว่าจริงๆแล้วไม่ว่าจะเป็นใครเขาก็ไม่สมควรโดน จิตสำนึกมันมียากขนาดนั้นเลยเหรอ ?” “ก็แค่ถามว่าเขาสำคัญนักเหรอ !? ไม่ได้คิดจะทำอะไรสักหน่อย” “ไม่มีคนที่เขาไม่คิดจะทำอะไรแล้วเสียเวลามาตามคนอื่นถึงหน้าหมู่บ้านแบบนี้หรอก หยุดราวีเรา หยุดทำให้ตัวเองต้องตกต่ำไปมากกว่านี้ คราวนี้เธอได้ตกนรกจริง ๆ แน่” ครั้งนั้นนธียังเกรงใจน้ำอิงอยู่มากจึงเหลือทางให้เดียร์ยังได้ใช้ชีวิตไม่ถึงขั้นตัดอนาคต แต่กับมาร์‍ชรายนั้นเกรงใจใครที่ไหนถ้ารู้ว่าพี่สาวตัวเองอาจเป็นเป้าหมายต่อไป เขาไม่อยากจะคิดภาพที่ออกมาเพราะมันคงไม่น่าดูแน่ “อาร์เจ…” “พูดไปหมดแล้ว ครั้งนี้เราจะทำใจเชื่อก็แล้วกัน ถ้าไม่ได้ตามจริง ๆ อย่างที่พูดก็อย่ามาให้เห็นหน้าอีก” ทุกคำพูดบาดลึกจิตใจคนฟัง เธอรู้สึกเหมือนยืนอยู่ในโคลนตมที่คิดว่าต่ำที่สุดแล้ว แต่ก็ยังสามารถถูกเหยียบย้ำกดลงไปในก้นบึ้งได้มากกว่านี้ จนแทบไม่เหลืออากาศให้ได้หายใจ มัดหมี่ “หนูหมี่ ของที่ต้องใส่ลงไปในน้ำซุปป้าใส่ไว้ให้ในตู้เย็นแล้วนะจ๊ะ ส่วนเครื่องปรุง ตวงเป็นสัดส่วนไว้ให้แล้ว เหลือแค่จัดการผักที่จะใส่ไป ให้ป้าช่วยหั่นเลยไหมจ๊ะ” “ไม่เป็นไรค่ะป้า แค่นี้หนูก็รบกวนเวลาของป้าเยอะมากแล้ว” มัดหมี่ทำหน้าเกรงใจ ลาหยุดทั้งทียังต้องมาเป็นธุระให้อีก เพราะตอนแรกกลัวเหลือเกินว่าจะไม่รอด และไม่รู้ว่าของขาดเหลืออะไรอีกบ้างจึงให้ป้าเนียนที่วันนี้ลาหยุดเพราะหมอนัดตรวจสุขภาพ ดีที่อาร์เจขอตัวออกไปเซเว่นพอดีจึงไม่ทันได้สังเกตเห็นว่ามีคนมาช่วยอยู่ในครัว “แน่ใจนะว่าจะไม่ให้ป้าช่วย” “แน่ใจค่ะ เดี๋ยวที่เหลือหนูจัดการเอง” มัดหมี่ยิ้มและพยักหน้าเรียกความมั่นใจ แต่ก็ยังทำให้คนที่อายุมากกว่าทำหน้าเป็นกังวลกับการเข้าครัวทำอาหารจริงจังเป็นครั้งแรกของลูกเจ้าของบ้าน “งั้นป้ากลับก่อนนะหนูหมี่ น้องมาร์‍ช” “ครับบ~” “ค่า ขอบคุณอีกครั้งนะคะ” เมื่อคุณป้าแม่บ้านร่างท้วมขอตัวกลับออกไป มัดหมี่ก็รีบเฉ่งน้องชายตัวปัญหาของตัวเองทันที “แกต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ เลยไอ้น้องบ้า ให้ฉันมาทำกับข้าวเนี่ยนะมีสมองรึเปล่า อะไรเป็นอะไรฉันยังไม่รู้จักเลย” มาร์‍ชที่พอรู้ชะตากรรมของตัวเองอยู่แล้วก็ยิ้มเจือน แต่ณ ขณะนั้นเขาก็คิดออกได้แค่นี้นี่ “แล้วจะให้ชวนด้วยวิธีไหนเล่า” “ก็จะเล่นเกม นั่งเล่น อ่านหนังสืออะไรก็ว่าไป” “ถ้าแบบนั้นแล้วเจ๊จะมีส่วนร่วมเหรอ” “ก็มีส่วนร่วมอย่างอื่นก็ได้ป้ะ นี่เห็นมั้ยว่าต้องลำบากให้คนหยุดจดสูตรเมนู ซื้อของมาให้ลำบากกันไปหมดแล้ว” “เอาน่า ถือว่าฝึกการเป็นแม่ศรีเรือนไปในตัวไง” “โอ๊ยไอ้บ้า !” เขามีแต่ฝึกก่อนนำไปใช้จริง นี่ยังไม่ได้ฝึกก็ลงสนามจริงแล้ว อยากจะมีเวลาซักสามวันแล้วนั่งด่าจริง ๆ เลย ทำอะไรไม่เคยคิด ! ถอนหายใจให้กับคนที่สลดได้แค่แป๊บเดียว มาร์‍ชที่ก่อนหน้าเมียงมองอยู่ก็ล่าถอยไปดูการ์ตูนเหมือนเดิม เพราะเขาไม่อยากเกะกะเดี๋ยวคนขี้วีนจะโมโหใส่เขาอีก คนตัวเล็กง่วนอยู่กับประสบการณ์ครั้งแรกจนหน้าเครียด เธอพยายามคิดว่าก็แค่ทำเหมือนที่ไปกินชาบู หม้อไฟจากร้านที่เคยกินก็คงจะพอแล้วล่ะมั้ง ถึงจะพูดเหมือนง่ายแต่ปฏิบัติจริงกลับยากเย็นแสนเข็ญ “ไหนขนมกูล่ะ” “อ่ะ” มัดหมี่ได้ยินเสียงพูดคุยออกมาจากห้องนั่งเล่นเธอจึงผละจากผักที่กำลังล้างอยู่แล้วแอบเกาะขอบประตูเพื่อส่งสายตาไปให้มาร์‍ช ทำยังไงก็ได้ให้อาร์เจไม่ต้องเข้าครัว มาร์‍ชย่นคิ้วเล็กน้อยก่อนจะทำหน้าอ๋อแล้วลอบทำมือโอเค มัดหมี่ได้ส่งสารเรียบร้อยก็หันหลังกลับอย่างวางใจ แต่สิ่งที่ได้ยินน้องพูดกับเพื่อนทำให้รู้ทันทีว่าสารที่ส่งไปนั้น ถูกมาร์‍ชบิดเบือนสิ้นความหมายที่แท้จริง มาร์‍ชเห็นพี่สาวถลึงตา ทำปากขมุบขมิบ พร้อมมือที่ชี้โบ้ชี้เบ้ ก็คิดเอาว่าเธออยากจะอยู่กับอาร์เจสองต่อสองแน่ ๆ จึงตบหลังเพื่อนเบา ๆ “กูขอใช้แรงงานหน่อยนะ ไปช่วยพี่กูทีได้ป้ะ” “กูเป็นแขกไม่ใช่เหรอ ?” “ทำไมมึงคิดเล็กคิดน้อยแบบนี้วะ กูหิวไส้กิ่วแล้วไปช่วยกันคนละไม้คนละมือจะได้เสร็จไว ๆ ไง” “งั้นมึงก็มาด้วย” มือหนาดึงเสื้อเพื่อนแต่ก็ถูกสะบัดมือทิ้งในวินาทีต่อมา แล้วพูดเลี่ยงด้วยใบหน้าแสนมึน “กูต้องไปหาหนังสือที่มึงขออีก อยู่ในห้องเก็บของนู้น จะเอาไม่เอาฮะ” อาร์เจนิ่งไปเขาถอนหายใจอีกครั้ง ตั้งแต่เข้าบ้านมาเขายังไม่ทันได้นั่งก็ถูกใช้งานไม่พัก แต่เพราะต้องอาศัยเพื่อนช่วยหาหนังสือตอนปีหนึ่งที่เขาทำหายไปจึงไม่มีให้รุ่นน้องก็เลยต้องพยักหน้าจำยอม “อือ” “ดีมากเพื่อน” มาร์‍ชยิ้มมีเลศนัยแล้วเอื้อมมือไปหยิบรีโมตกดหยุดการ์ตูนที่กำลังเล่นแล้วเดินแยกหายไป เพราะไม่มีโอกาสได้เลือกอะไรทั้งนั้น คนที่เป็นแขกแต่เพียงในนามก็เดินตรงเข้าไปในครัว เห็นคนตัวเล็กทำหน้าเข่นเขี้ยวหงุดหงิดเหมือนขัดใจอะไรซักอย่างเขาก็เดินเข้าไปหา “ทำถึงไหนแล้วครับ” “อ๋า...ต้มน้ำเสร็จแล้วเดี๋ยวใส่เครื่องปรุง...ก็เสร็จแล้วค่ะ” “ครับ” อาร์เจพยักหน้า ดวงตาคมกวาดมองไปบนไอซ์แลนด์ที่กระจัดกระจายไปด้วยไปด้วยวัตถุดิบที่วางปนกันมั่วไปหมด “นอกจากหม้อไฟจะทำอะไรอีกมั้ยครับ ?” เห็นไอ้มาร์‍ชว่าพี่สาวทำอาหารเก่งมาก เขาก็อยากรู้ว่าวันนี้เธอจะทำอะไรให้กินได้บ้าง มือเล็กที่หันหลังล้างผักกลืนน้ำลายนิดหน่อยแล้วเธอก็ทำเป็นเมินคำถามของเขาราวกับเสียงน้ำจากก๊อกแรงจนเธอไม่ได้ยิน “ทำหมอไฟอย่างเดียวเหรอครับ...ขิงเอามาทำอะไรเหรอครับ ?” มัดหมี่พยายามแก้สถานการณ์เฉพาะหน้าและตอบคำถามไปด้วยคำตอบโง่ ๆ “ทำไก่ผัดขิงค่ะ” “เหรอ...” อาร์เจเหรอครางเสียงแล้วหยิบสมุนไพรส่วนรากที่ว่านั้นขึ้นมาในมือแล้วพลิกไปมา “จะทำไก่ผัดขิง แล้วไหนขิงครับ ?” คนตัวเล็กชะงักไป เอื้อมมือไปปิดก๊อกน้ำแล้วหันไปหาร่างสูงที่มองบางสิ่งอย่างพินิจพิจารณา “ก็นั่นไง...คะ” นิ้วเล็กชี้สิ่งที่อยู่ในมือเขา ดวงตากลมกะพริบปริบ ๆ ก่อนจะต้องเหลอหลาในวินาทีต่อมาที่เขาเฉลย “นี่ข่าครับ” “หา ?” “...” เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาเบ้มุมปากพลางถอนหายใจแล้วเงยหน้าเลิกคิ้วจ้องหน้าถามเธอว่า ‘พี่เล่นตลกอยู่รึไง’ “คือ...” “ทำอาหารไม่เป็นนี่” แค่อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่แล้ว ของในมือถูกโยนกลับคืนไปบนโต๊ะ เขาส่ายหน้าเพราะตงิดแต่แรกแล้วว่ามันโคตรจะแปลก เขาก็พยายามไม่สนใจแล้วเชียว แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะโจ่งแจ้งถึงขนาดนี้ “ผมไม่ได้บอกไปเหรอว่าผมไม่ชอบคนโกหก”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม