@ JC Club in Bangkok
อาร์เจ
ธรรมเนียมที่ไม่รู้ว่าใครเป็นคนต้นคิดว่าเด็กวิศวะต้องมาคู่กับเหล้า แต่ก็ส่งต่อถ่ายทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นและทำตามกันอย่างขยันขันแข็ง ยิ่งช่วงรับน้องใหม่ไม่ต้องพูดถึง ลูกหลานใครดี ๆ มาคณะนี้รุ่นพี่พาเข้าสู่อบายมุขกันหมด
“ไอ้เหี้ยเอ๊ย...เวลาแม่งผ่านไปไวเหมือนโกหกเลยว่ะ ทำไมกูรู้สึกเหมือนว่าพวกเราแม่งยังปีหนึ่งอยู่เลย”
มาร์ช ผู้ชายร่างสูงใหญ่ใบหน้าหล่อร้ายถอนหายใจขณะที่มองเพื่อนรุ่นเดียวกันกับตัวเองกำลังถูกรายล้อมไปด้วยรุ่นน้อง ส่วนเขานั้นไม่ได้มีใครให้ดูแล ตั้งแต่ปีหนึ่งก็ไม่มีพี่รหัสอยู่แล้ว พอขึ้นปีสองน้องรหัสดันซิ่วหายไปอีก ถึงตอนนี้ปีสามแล้วหลานรหัสยังเป็นพวกขี้โรคไม่ขอมาร่วมสนุก หัวเดียวกระเทียมลีบสุด ๆ
“ก็ไม่แปลกนะ สมองมึงก็ไม่ต่างกับพวกน้อง ๆ เท่าไหร่”
“โหไอ้ธี...เดี๋ยวกูตบโชว์เมียมึงกับรุ่นน้องไปที”
“หึ”
ท่าทางขี้เล่นไม่จริงจังของมาร์ชทำให้รุ่นน้องคนอื่นพากันหัวเราะและไม่เครียด ก่อนที่เขาจะขยับเข้ามานั่งใกล้ ๆ เพื่อนรักอย่างอาร์เจ ที่นั่งอยู่กับสาวรุ่นน้องที่เธอขอมานั่งด้วยแม้จะอยู่กันคนละคณะก็ตาม
“พี่มาร์ชสวัสดีค่ะ”
“ครับ น้องข้าวหอม”
“เอาอะไร”
“คืนนี้ขอเข้ม ๆ แก้วเดียวพอ ไม่อยากเอาหน้าไปวัดกับถนน” มาร์ชตอบรับคำทักทายสาวน้อยข้างกายอาร์เจแล้วหันไปสั่งเครื่องดื่มแบบติดตลก “เออพาข้าวหอมมาก็ดี ไม่ว่าจะกี่ปีให้หลังสาขาเราแม่งก็มีแต่ผู้ชาย โคตรเบื่อเลยว่ะ”
“ปีนี้ได้มาห้าคน ดีหน่อย”
ปูน หนึ่งในเพื่อนสนิทอีกคนพูดร่วมบทสนทนายิ้ม ๆ ครั้นเมื่อนึกถึงปีของเขาที่เข้ามาเป็นน้องใหม่ มีเพียงน้ำอิง เพียงคนเดียวเท่านั้นที่เป็นผู้หญิงแท้ นอกนั้นเป็นผู้ชายและทอม ซึ่งแน่นอนว่าถึงจะมีเพียงคนเดียวแต่ก็เรียกได้ว่าเป็นช้างเผือก และแน่นอนอีกเหมือนกันว่าโดนจองไปตั้งแต่วันแรกที่รับน้องโดยตัวท็อปอย่าง นธี เพื่อนแว่นของเขา
ตัวซีเคล็ด เจอ ตัวซีเคล็ด...ก็เป็นแฟนกันไปโดยปริยาย
“ไอ้ตี๋เดี๋ยวกูดูน้องให้ พอดีเหงาว่ะ มึงแยกไปนั่งกับข้าวหอมก็ได้ วันนี้วันเกิดน้องหนิ”
“อ้าววันเกิดข้าวหอมเหรอ ? สุขสันต์วันเกิดนะคะ”
“ขอบคุณค่ะพี่น้ำอิง” ใบหน้าใสจิ้มลิ้มน่ารักยิ้มรับคำอวยพรแล้วก้มหัวขอบคุณรุ่นพี่หนึ่งในกลุ่มของคนคุย ก่อนที่สายตาจะเหล่มองผู้ชายข้างกายตัวเองอีกครั้ง แม้ว่าเพื่อนเขาจะพูดเปิดทางให้ขนาดนี้แต่จนแล้วจนรอดเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาก็ยังคงนิ่งไม่หือไม่อือกับคำพูดของมาร์ช เมื่อไม่อยากรู้สึกเสียหน้าเธอจึงต้องแสร้งหัวเราะน้อย ๆ แล้วทำทีตอบกลับเป็นเชิงปฏิเสธไป “ไม่เป็นไรค่ะพี่มาร์ช อยู่กับคนเยอะ ๆ ก็สนุกดีออก”
“นั่นสิ”
“เหรอ”
มาร์ชกลอกตาแล้วสวนกลับด้วยน้ำเสียงประชดเล็ก ๆ ไปให้ในตอนที่เพื่อนที่แสนจะเฉื่อยพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดข้าวหอมที่ไม่รู้ว่าไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าน้องพูดเพื่อแก้สถานการณ์หรือเพราะไร้ความรู้สึก และไม่คิดจะใส่ใจกันแน่
มาร์ชเกาหัวแกรก ๆ รับรู้ถึงความแปลก ๆ ของอาร์เจหลายครั้งที่หลัง ๆ มานี้ชอบทำตัวไม่สมกับเป็นตัวเองตลอด แต่ก็รู้ว่าจะให้ทักตอนนี้ก็ดูจะไม่ใช่สถานการณ์ที่เหมาะสมเท่าไหร่ จึงไม่ได้เอ่ยอะไรออกไป
เหล้าขวดลิตรจำนวนสองกลมกลางโต๊ะใหญ่บัดนี้ใสแจ๋วจนมองทะลุผ่านได้ เนื่องจากน้ำด้านในถูกรินแจกจ่าย บ้างก็จับกรอกปากเพื่อละลายพฤติกรรมรุ่นน้องแต่ก็ละลายทรัพย์รุ่นพี่ด้วยไม่ต่างกัน ไม่เพียงแค่นั้นขวดที่สามซึ่งอยู่ในมือสาวดาวคณะและกำลังยื้อแย่งกับแฟนหนุ่มอย่างนธีอยู่นั้น จะหมดไปอีกหนึ่งขวดในไม่ช้าแน่
“เอ๊ะ ! ธีจะแย่งอิงทำไมเนี่ย อิงจะเทให้หมดจะได้เปิดขวดใหม่ซักที”
“แต่อิงเริ่มเมาแล้วนะ”
“แล้วไงล่ะ ธีห้ามอิงแบบนี้ แล้วรุ่นน้องจะมองยังไง”
“เฮ้อ ! เอา ๆ รินเลยครับที่รัก”
“อย่ามาถอนหายใจใส่อิง”
“ครับ ๆ”
“หึ”
เห็นท่าทางเอาเรื่องของน้ำอิงและนธีที่ยกมือทั้งสองขึ้นข้างตัวอย่างขอยอมแพ้ อาร์เจที่จ้องมองอยู่นานแล้วก็กระตุกยิ้มแล้วเค้นเสียงหัวเราะออกมาเบา ๆ กับคู่รักประจำกลุ่ม
“...”
รอยยิ้มของอาร์เจทำให้ข้าวหอมซึ่งนั่งอยู่ด้านข้างย่นคิ้วพร้อมทั้งรู้สึกน้อยใจขึ้นมา ในขณะที่ตัวเองอยู่ตรงนี้แต่รับรู้ได้เลยว่าอาร์เจไม่ได้ให้ความสนใจเธอเลยซักนิดเดียว อุตส่าห์ยกเลิกนัดทุกคนเพื่อมาฉลองวันเกิดกับเขา แต่ดูสิ่งที่ได้สิ...
ติ้ง !
เสียงเตือนพร้อมกับหน้าจอโทรศัพท์ที่วางไว้บนโต๊ะข้างแก้วประจำตัวสว่างวาบ เมื่อคนตัวเล็กหยิบขึ้นมาดูพบว่าเป็นข้อความจากเพื่อนที่ส่งมาหา ใจความคือเพื่อนเห็นว่าเธออยู่ร้านเดียวกันจากสตอรี่ไอจีที่เธอลงและแท็กร้านไว้เมื่อสองชั่วโมงที่แล้ว ร่างบางนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะตัดสินใจเงยหน้าลองถามผู้ชายข้างตัวดูว่าหากเธอพูดแบบนี้เขาจะทำยังไง
“พี่อาร์เจ พอดีเพื่อนหอมมาที่ร้านนี้พอดี เขาอยากให้หอมไปนั่งด้วยน่ะค่ะ”
“เหรอครับ”
“เรา...”
“เดี๋ยวพี่เดินไปส่ง เพื่อนอยู่โต๊ะไหนครับ”
“แล้วพี่ล่ะคะ”
“เดี๋ยวเดินไปส่งแล้วพี่ค่อยกลับมาก็ได้”
“...” คำตอบพร้อมใบหน้าประดับยิ้มอย่างเช่นทุกครั้งทำให้เธอเผลอขมวดคิ้วแล้วเม้มปากแน่น เขาบอกว่าจะเดินไปส่งทันทีที่เธอพูดความต้องการ แต่ไม่ยอมบอกว่าจะไปนั่งด้วยกัน “ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวหอมเดินไปเองก็ได้”
“พี่จะปล่อยให้หอมเดินไปคนเดียวได้ไงล่ะ พี่ไปส่งนั่นแหละไม่ได้ลำบากอะไร”
“ค่ะ”
เธอตอบเขาไปเบา ๆ คำพูดของเขาดูเป็นห่วงเป็นใย คำพูดของเขาดูตามใจไม่ว่าเธอจะพูดคำไหนก็ได้ทั้งหมด เหมือนจะดีแต่เธอไม่เคยพอใจเลย สิ่งเดียวที่ต้องการจากเขาคือให้เขาพูดอย่างเอาแต่ใจว่าอยากให้เธออยู่กับเขาต่างหาก
‘ไม่ได้ลำบากอะไร’
กลายเป็นคำพูดติดปาก ดูไม่ออกเลยว่าต้องการที่จะเอาใจเธอจึงให้ทุกอย่างที่ขอ หรือเขาก็แค่ให้ได้เฉย ๆ เพราะรู้สึกว่ามันง่ายก็เท่านั้น
ไม่เคยมีซักครั้งที่เขาแสดงออกว่าอยากจะอยู่กับเธอ เหมือนมีแค่เธอที่พยายามอยู่กับเขา นี่ขนาดว่าคุยกันมาจนจะครึ่งปีแล้วมั้ง เขายังไม่แม้แต่จะขอคบเลยด้วยซ้ำ...
“อ้าว...น้องข้าวหอมล่ะ”
อาร์เจเลิกคิ้วกับคำถามของปูนที่เพิ่งจะกลับมาจากห้องน้ำแล้วเห็นถึงพื้นที่ว่างเปล่าซึ่งเคยมีคนตัวเล็กนั่งอยู่ เขาจึงตอบคำถามเพื่อนเสียงเรียบด้วยความจริง
“เพื่อนเขามาที่ร้านพอดี เลยชวนไปนั่งที่โต๊ะ กูเลยเดินไปส่งมาเมื่อกี้”
“ฮะ ? น้องมากับมึงไม่ใช่เหรอ”
“ก็ใช่ แต่เขาไปอยู่กับเพื่อนก็น่าจะดีกว่า อยู่กับพวกเราเขาก็ไม่ได้รู้จักใครซักหน่อย”
“ได้เหรอวะ ?”
“ขนาดไอ้ปูนแม่งซื่อบื้อเรื่องผู้หญิงจะตายห่ายังรู้เลยว่าไม่ได้ มึงมีแฟนมาแล้วด้วยซ้ำทำไมเรื่องแค่นี้คิดไม่ได้วะไอ้ตี๋”
“คิดอะไร” อาร์เจย่นคิ้ว ทำไมเขาเหมือนกำลังโดนเพื่อนด่า ? ในเมื่อเขาก็ทำสิ่งที่ถูกแล้วนี่ ไม่ว่าข้าวหอมจะพูดอะไรเขาให้ทุกอย่างไม่เคยปฏิเสธ แล้วเขาทำอะไรผิด “น้องขอไปนั่งเอง กูไม่ได้ไล่เลยนะ”
“เมื่อกี้กูแอบฟังอยู่ เหมือนเขาแค่พูดลองใจมึง” มาร์ชพูดแล้วส่ายหน้าให้กับเพื่อนที่สีหน้าบ่งบอกว่าไม่ได้คิดอะไรขึ้นมาได้เลย “เขาเลือกมากับมึงแล้ว มึงควรจะอยู่กับเขาหรือไม่ก็ไปนั่งกับเขาหน่อย ไม่ใช่ปล่อยเขาไปเลย”
“กูต้องดูน้องไง”
เจ้าของเครื่องหน้าครบสะบัดหน้าเล็กน้อยไปที่น้อง ๆ ซึ่งกำลังสนุกสนานกับเพื่อน ๆ อยู่ และมันเป็นหน้าที่ของเขาที่จะต้องรับผิดชอบคนในสายรหัสตัวเองไม่ให้ไปสร้างปัญหา ใครก็รู้ผู้ชายรวมกันเยอะ ๆ เวลาเมามันไปสุดขนาดไหน
“ก็กูบอกว่าน้องอ่ะกูดูให้ มึงไปดูแลผู้หญิงของมึงให้เต็มที่ได้เลย มึงก็ไม่เอาอีก”
“แต่เขาก็ไม่ได้พูดว่าจะให้กูไปด้วยนี่”
“นี่มึงต้องให้เขาพูดทุกอย่างเลยหรือไง ผู้หญิงน่ะปากไม่ค่อยตรงกับใจหรอกนะ บางครั้งเขาก็อยากให้มึงทำในสิ่งที่มึงต้องการบ้าง”
“เหรอ”
อาร์เจเอียงคอนิดหน่อยก่อนเอ่ยเบา ๆ เป็นเชิงรับรู้ แต่เขาไม่ได้เข้าใจอะไรขนาดนั้นหรอก มีแต่ความสงสัยที่แสดงออกผ่านใบหน้าว่า ผู้หญิงเข้าใจยากขนาดนั้นเลยเหรอ ? แค่คุยก็ใช้ความพยายามมากพอแล้วยังจะต้องตีความหมายที่ซับซ้อนของคำพูดอีก
ทำไมมันถึงดูเหนื่อย
“แล้วนี่มีเค้กให้เขามั้ยเนี่ย ?” คราวนี้ปูนถามขึ้นมาเมื่อยกข้อมือที่สวมนาฬิกาพบว่าใกล้ถึงเวลาเที่ยงคืนจนจะเลยวันเกิดน้องแล้ว
“มีสิ อยู่ที่รถ”
“แล้วไม่ไปเอาเหรอ เดี๋ยวอีกแป๊บหนึ่งเขาน่าจะเล่นเพลงวันเกิดแล้วนะ”
ปูนเตือนเพื่อนเนื่องจากก่อนข้ามวันใหม่ประมาณยี่สิบนาทีดนตรีสดจะเล่นเพลงเพื่ออวยพรวันเกิดที่มาจัดในร้านให้ในทุกวัน ๆ ซึ่งขณะนี้ก็ใกล้ถึงเวลาเต็มทีแล้ว
และพูดยังไม่ทันขาดคำเพลงวันเกิดก็ดังขึ้นทันที
“อ้าว...ไม่ทันละ เดี๋ยวค่อยให้แล้วกัน” อาร์เจนั่งยืดตัวชะเง้อชะแง้ไปหาโต๊ะที่ไปส่งข้าวหอมอยู่ซักพัก เมื่อเห็นว่าเพื่อนของเธอเตรียมเค้กวันเกิดมาให้ด้วยเขาก็ถอนหายใจโล่ง “ดีนะเพื่อนเขามีเซอร์ไพรส์”
“...”
“ไอ้ปูนไม่ต้องไปพูดกับมันล่ะ คนแบบนี้กู่ไม่กลับ ขนาดน้ำลายฟรีกูยังรู้สึกเปลืองเวลาต้องใช้พูดกับมันเลย”
“อะไรอีกล่ะ”
คนโดนแซะปรายสายตาเคืองไปให้มาร์ชที่ขณะนี้จับไหล่ปูนแล้วส่ายหน้าคล้ายเหนื่อยใจเต็มทนกับเขา ทั้งที่เขาไม่ได้ทำอะไรผิดทั้งนั้น จ้องแต่จะด่ากัน...รู้มากถึงขนาดนั้นก็ไม่เคยเห็นมันจะมีปัญญาหาเมียกันได้เลยซักคน
ถอนหายใจเซ็งและไม่รู้ว่าสิ่งที่เพื่อนพูดมานั้นเป็นจริงแท้แค่ไหนที่ว่าผู้หญิงมักจะปากไม่ตรงกับใจ แล้วเขาอยากจะถามกลับได้ไหมว่าทำไมถึงไม่พูดในสิ่งที่ต้องการมาตั้งแต่แรกล่ะ แล้วแบบนี้จะรู้เหรอว่าพูดเพราะรู้สึกจริง ๆ หรือแค่พูดในสิ่งที่ตรงข้าม
โอเค...ยอมรับตามตรงก็ได้
ตัวของเขาเองก็รู้สึกว่าความสัมพันธ์กับข้าวหอมไม่ค่อยคืบหน้าเท่าไหร่แม้เวลาตั้งแต่ที่เริ่มรู้จักกันจะผ่านนานแล้ว มันก็อะไรหลาย ๆ อย่างแหละ เหมือนพอต้องมาเจอในสิ่งที่ไม่เคยเจอก็ทำให้ไปไม่เป็นเหมือนกัน
เขาเคยอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่ง และเธอก็หล่อหลอมให้เขากลายเป็นคนที่เชื่อฟัง และทำตาม เป็นเพราะรักคำเดียวทำให้เขาไร้เหตุผลและทิ้งความต้องการของตัวเองไปจนหมดสิ้น การทำบางอย่างซ้ำไปซ้ำมาเป็นเวลานานทำให้สิ่งนั้นแปรเปลี่ยนเป็นความเคยชิน
ไม่ใช่แค่เขาที่ถูกล้างสมองให้ทำตามคำสั่ง แต่เขาก็ทำให้อีกฝ่ายถูกล้างสมองไปด้วยว่าตนเองจะต้องได้ในสิ่งที่ต้องการเสมอไป
เขาไม่เคยรับรู้ถึงความผิดปกติเพราะเคยชินกับการอยู่กับมันกลายเป็นเรื่องปกติ เมื่ออีกฝ่ายไม่ได้สิ่งที่ต้องการก็ทวีคูณเป็นความเอาแต่ใจ และหนักข้อเข้าไปจนถึงการพยายามควบคุมเพื่อให้ได้มา
ปีหนึ่งเมื่อสังคมเปลี่ยน ความรับผิดชอบและความจริงจังเริ่มเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย ชีวิตมันไม่ได้มีแค่เขากับเธอ ยังมีสิ่งอื่นที่ต้องคำนึกถึงไม่ว่าจะด้วยมิตรภาพหรืออนาคต สุดท้ายเมื่อเขาตัดสินใจเลือกตัวเองแทนที่จะเป็นเธอ ไม่คิดว่ามันจะเปลี่ยนผู้หญิงคนหนึ่งให้เจ้าคิดเจ้าแค้นและน่ากลัว
เขาทำให้น้ำอิง[1]ตกอยู่ในอันตรายจากการเข้าใจผิดคิดว่าเขาทิ้งเธอไปเพราะน้ำอิงจนเกือบทำคนรักของเพื่อนต้องชีวิตพัง เธอลงโทษเขาโดยการหลอกน้ำอิงเอาไปทิ้งไว้กับผู้ชายคนอื่นที่ถูกจ้างมา โชคดีแค่ไหนที่ช่วยไว้ได้ทัน และเขาไม่กล้าแม้แต่จะคิดว่าหากไม่ทันจะเป็นยังไง
และตั้งแต่นั้นมาเขาก็เข็ด และเลือกใช้ชีวิตกลับเหนือเป็นใต้ กลับซ้ายเป็นขวา กลับตาลปัตรไปหมด หนึ่งในนั้นคือการเลือกคุยกับผู้หญิงที่ตรงกันข้ามกับแฟนเก่าทุกอย่าง ข้าวหอมไม่ใช่คนแรก...เธอน่าจะเป็นคนที่สาม ไม่สิ...เป็นคนที่สี่แล้วในช่วงเวลาแค่หนึ่งปี
แต่สิ่งที่มันยังคงฝังอยู่ในหัวและนิสัยที่ได้รับมายังไม่สามารถสลัดออกไปได้ทั้งหมด เขาเคยชินกับการไม่ใช้สมองกับความสัมพันธ์ หากเป็นสิ่งที่อีกฝ่ายเอ่ยปากพูดถ้ามันไม่เหลือบ่ากว่าแรงก็จะทำให้ ขอแค่ไม่สร้างปัญหาให้กับคนอื่นแค่นั้นก็พอแล้ว
แต่ถ้าถามถึงความต้องการของตัวเอง...เขาไม่รู้ มันตอบไม่ได้จริง ๆ
[1] เนื้อหาจากเรื่อง คุณก็รู้...ผมไม่เจ้าชู้หรอกครับ [นธี X น้ำอิง]