ฟืนคือเพื่อนคนแรกในกรุงเทพของเธอ เป็นเพื่อนเพียงคนเดียวที่อยู่กับเธอในช่วงเวลาที่เธอเศร้าเสียใจ ไม่ใช่แค่ช่วงวัยประถมหรือมัธยมต้น มัธยมปลายเธอก็ยังมีฟืนและยึดเอาฟืนเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวที่สามารถพูดคุยได้ทุกเรื่อง
ถามว่านอกจากเธอแล้วฟืนมีเพื่อนคนอื่นไหม บอกเลยว่ามีแล้วก็มีมากด้วย โดยเฉพาะกลุ่มเพื่อนผู้ชายที่มักจะชวนกันไปเตะฟุตบอล เล่นบาสเก็ตบอล เล่นเกม หรือเล่นอะไรที่มันผาดโผน ทว่าต่อให้มีเพื่อนมากมายแค่ไหนฟืนก็ไม่เคยทิ้งเธอให้อ้างว้างโดดเดี่ยวเดียวดาย ทุกครั้งที่ฟืนหนีออกนอกโรงเรียนไปเล่นเกมกับกลุ่มเพื่อน แต่ต้องรีบกลับมาทันทีหลังโรงเรียนเลิกเพราะไม่อยากให้เธอต้องรอคนที่บ้านมารับคนเดียว
ทุกอย่างดำเนินไปด้วยดี จนกระทั่งมอสี่เทอมสอง...
จุดเปลี่ยนที่ทำให้ฟืนกลายเป็นคนเย็นชาและพูดน้อยลง หนามเตยเข้าใจความรู้สึกนั้นของฟืนดี เมื่อฟืนกลายเป็นคนไม่พูดหนามเตยก็เลยต้องเปลี่ยนตัวเองเป็นฝ่ายพูด ฝ่ายชวนคุย ซึ่งมันก็ไม่ได้ยากเย็นอะไร เธอชอบที่จะพูดคุยกับฟืนอยู่แล้ว ให้ชวนคุยทั้งวันก็ไม่มีเบื่อ
ถ้าเปรียบเทียบฟืนตอนเด็กกับตอนโตก็ต้องบอกว่าต่างกันมาก แต่ทว่ามันก็ไม่ได้มีผลอะไรกับหนามเตย...
เพราะฟืนไม่ใช่แค่เพื่อนคนแรกของเธอ แต่ฟืนคือคนที่เธอสนิทใจ รู้สึกปลอดภัยและอุ่นใจเมื่ออยู่ใกล้
สิบสามปีระหว่างเรามันมีเรื่องราวมากมาย ทั้งสุข เศร้า เสียใจ หัวเราะ ร้องไห้ และเรื่องราวเหล่านั้นก็ค่อยๆผูกมัดเราเอาไว้ด้วยกัน ก่อเกิดเป็นความผูกพัน และค่อยๆแปรเปลี่ยนความรู้สึกของเธอให้รู้สึกกับฟืนมากเกินกว่าคำว่า...เพื่อนสนิท
และนั่นก็เป็นเหตุผลว่าทำไมเธอถึงได้ติดฟืนหนักมาก ไม่เคยโกรธหรือน้อยใจสักครั้งเวลาที่ถูกฟืนมองด้วยสายตารำคาญ สำหรับเธอฟืนไม่ใช่แค่เพื่อน ทว่าฟืนเป็นมากกว่านั้น...
ฟืนคืออีกหนึ่งเซฟโซนของเธอนอกจากครอบครัว
หนามเตยสไลด์ออกจากหน้าไอจี กดเข้าแอปพลิเคชันไลน์เพื่อส่งข้อความหาฟืน รอไม่ถึงหนึ่งนาทีข้อความที่ส่งไปก็ถูกเปิดอ่าน
Naamtoey Narawadee: ฟืน
Naamtoey Narawadee : ยุ่งอยู่ปะ?
FueN Chananon: มีไร?
Naamtoey Narawadee : เปล่า ไม่มีไร แค่จะถามว่าพรุ่งนี้จะมารับกี่โมง
เรื่องมารับกี่โมงแค่ข้ออ้าง ทว่าเรื่องที่เธออยากถามเธอยังไม่กล้าที่จะพิมพ์ส่งไปแค่นั้นเอง
กลัวมันจะหาว่ายุ่งอีก
FueN Chananon : 8โมง
Naamtoey Narawadee : อ่อ
FueN Chananon : แค่นี้ใช่ไหม?
Naamtoey Narawadee : ทำไม?
Naamtoey Narawadee : ยุ่งเหรอ?
FueN Chananon : อือ
FueN Chananon : กำลังขับรถกลับ
หนามเตยดีดตัวลุกขึ้นนั่งตรง ปัดสไลด์ออกจากหน้าห้องแซต เปลี่ยนเป็นวิดีโอคอลทันที รอไม่นานฟืนก็กดรับสาย ภาพในหน้าจอเกิดการสั่นไหวไปมาอยู่แป๊บนึ่งก่อนที่ใบหน้าหล่อคมของฟืนในมุมสี่สิบห้าองศาจะปรากฏบนหน้าจอ
ฟืนน่าจะวางโทรศัพท์ไว้ตรงคอนโซลหน้ารถ
มุมเงยก็ยังหล่อ ถ้าเป็นเธอก็คงจะเห็นเหนียงหน่อยๆ โคตรไม่ยุติธรรมเลย
"ทำไมไม่บอกแต่แรกว่าขับรถ ก็ยังจะพิมพ์ตอบอีก ดีเท่าไหร่แล้วที่ไม่เกิดอุบัติเหตุ”
“แล้วโทรมาทำไม?” ฟืนหลุบสายตาลงมอง ก่อนจะเงยหน้ามองถนนเหมือนเดิม
หนามเตยบึนปาก มองฟืนตำคว่ำ
“เอ้า! ก็มึงขับรถปะ? หรือว่าพิมพ์ได้ แล้วไปไหนมาเพิ่งกลับ กินเหล้า?" อยากรู้ว่านอกจากเตะบอลแล้วมันไปไหนกันต่อ ทว่าเหล้าน่ะกินแน่ๆ เพราะเธอเห็นขวดเหล้าอยู่ตรงม้านั่งขอบสนาม
"รู้แล้วจะถามทำไม"
หนามเตยย่นจมูก มองฟืนด้วยสายตาหมั่นไส้ข้อหารู้ทัน ไม่อยากยอมรับ ทว่าหลักฐานมันถูกเมมโมรี่ไว้ในสตอรี่ไอจีของกิลล์เรียบร้อยแล้วไง ต่อให้แก้ตัวไปก็เหนื่อยเปล่า ก็คงเป็นกิลล์ที่บอกว่าเธอคือหนึ่งคนที่กดดูสตอรี่มัน
ฟืนหลุบตามองโทรศัพท์อีกครั้ง
"ไปแตะบอลกับพวกไอ้โก้มา มันจะส่งทีมเข้าแข่งก็เลยนัดซ้อมกัน"
หนามเตยเบ้ปากให้กับคำตอบ ที่อีกฝ่ายพูดแค่เรื่องเตะฟุตบอลทว่าไม่ยอมพูดเรื่องที่ตัวเองไปยืนคุยหญิง
“อะไร?” ฟืนถาม คงเห็นที่หนามเตยเบ้ปาก
“อะไร? ยังไม่พูดอะไรสักคำ”
“อย่ากวนหนาม คนยิ่งง่วงๆอยู่ ถ้าจะโทรมากวนก็วางสายไปเลย” ฟืนดุ ทว่าคำดุนั้นไม่ได้ทำให้หนามเตยกลัวสักนิด ก็ถูกมันดุมาเป็นสิบปีกลัวจนเลิกกลัวแล้วไง
“มึงคุยกับครายวะไอ้ฟืน หนามเหรอ? เฮ้! หนาม หวาดดี”
"ใคร? ไอ้เธียรเหรอ?" เสียงอ้อแอ้ที่ดังเข้ามาในสายทำให้หนามเตยเดาได้ทันทีว่าอีกฝ่ายคือเธียร สองคนนี้มักไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ ไม่ใช่ว่าเธียรไม่มีรถขับหรือว่าขับรถไม่เป็นนะ มันแค่ขี้เกียจขับรถตัวเองก็เลยอาศัยไปกับคนนั้นทีคนนี้คนทีโน้นที แล้วแต่ว่าใครจะว่าง
ต้องบอกเลยว่าผู้ชายกลุ่มเธองานดีโปรไฟล์เริ่ดระดับพรีเมียมทุกคน เธอ เฌอแตม แคนดี้ถึงได้ถูกสาวๆในมหาวิทยาลัยมองเขม็งบ่อยๆไง ทว่าเรื่องนั้นช่างมันเถอะ เพราะที่เธอติดใจสงสัยคือเสียงอ้อแอ้เมื่อกี้ของไอ้เธียรต่างหาก คืออะไรก่อน
เมางั้นเหรอ?
อย่าบอกนะว่า นอกจากขวดเหล้าที่เห็นไม่กี่ขวดตรงขอบสนามนั้นยังมีอีก
เห้อ!...
แค่ไปเตะบอลยังเมาหนักขนาดนี้ ไม่ต้องบอกก็รู้ใช่ไหมว่าเวลาไปเที่ยวพวกนี้ดื่มหนักแค่ไหน แล้วคนแรกที่แดกจนเมาหัวราน้ำคือใคร?
ก็ไอ้เธียรนั่นแหละ รีบแดกรีบเมา คือสโลแกนของมัน
พอถูกเพื่อนรุมด่ามันก็ตอบแบบไม่แคร์สื่อ...
‘เหล้าครับ ซื้อมาก็ต้องแดก ไม่ใช่กาแฟจะได้นั่งสูดกลิ่นคอยละเมียดละไม’
"อือ แม่งเมาเหมือนหมา ต้องลำบากกูไปส่งอีก" ฟืนหันไปมองที่นั่งข้างคนขับ ก่อนจะหลุบตามองหน้าจอโทรศัพท์ ทว่ามองได้ไม่นานก็ต้องดึงสายตากลับไปมองถนนเหมือนเดิม กลายเป็นหนามเตยที่มองฟืนฝ่ายเดียว
บริบทมันคุ้นๆเนอะ...เหมือนชีวิตจริงของใครบางคนแถวนี้เลย