ตอนที่ 5 ครั้งแรกที่รู้จักกัน

1272 คำ
หนามเตยรู้สึกตัวเองไม่ต่างจากคนแปลกหน้า เธอรู้สึกเคว้ง อ้างว้างและโดดเดี่ยวเดียวดายเอามากๆ จะหันไปหาพ่อก็ยุ่งอยู่กับงาน จะหันไปคุยกับพี่เหนือฟ้าก็ยุ่งวุ่นวายอยู่กับการอ่านหนังสือเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย หนามเตยในวัยแปดขวบไม่ต่างจากถูกลอยแพ เธอคิดถึงแม่ ในหัวของเธอมีแต่ภาพของแม่เต็มไปหมด ถ้าแม่อยู่ด้วยเธอจะไม่มีทางเหงาและรู้สึกเดียวดายแบบนี้ กอปรกับตอนนั้นเธอเองก็ไม่ใช่เด็กช่างพูดช่างคุย ถ้าไม่ใช่คนในครอบครัวเธอก็จะไม่พูดด้วยเลย และเธอก็ทำรีมาร์กตัวใหญ่สีแดงเอาไว้แล้วว่าครอบครัวของเธอที่เหลืออยู่มีแค่พ่อกับพี่เหนือฟ้าเท่านั้น นอกนั้นถือเป็นคนอื่น... ทุกวันหลังจากที่พ่อออกไปทำงาน พี่เหนือฟ้าออกไปติวหนังสือเตรียมสอบ เธอก็จะขังตัวเองอยู่แต่ในห้องไม่พูดไม่จากับใคร จะยอมเปิดปากพูดด้วยก็แค่กับพ่อและพี่ชายตัวเองเท่านั้น แต่นั้นก็เป็นการถามคำตอบคำ และเรื่องมันก็ไม่ได้เป็นปัญหาเฉพาะแค่ที่บ้าน ทว่ามันยังลุกลามไปถึงที่โรงเรียน หนามเตยกลายเป็นเด็กเก็บตัว ไม่ยุ่งเกี่ยว ไม่สุงสิงกับใคร ไม่ยอมพูดจากับเพื่อนคนอื่นๆในห้อง จนถูกเพื่อนๆล้อเลียนว่าเป็นเด็กใบ้ เด็กมีปัญหา เด็กพูดไม่ได้ นานวันเข้าก็กลายเป็นตัวตลกให้คนอื่นกลั่นแกล้ง เมื่อถูกแกล้งหนักเข้าเธอก็จะแอบไปนั่งร้องไห้คนเดียวเงียบๆ ไม่ปริปาก ไม่เคยบอกพ่อ และไม่เคยฟ้องครู ทว่ามันก็ไม่จบแค่นั้น ยิ่งนานวันการกลั่นแกล้งก็ยิ่งรุนแรง มีอยู่วันหนึ่งเธอถูกเพื่อนผู้ชายในห้องเรียนโยนงูยางใส่ เธอกลัวมากร้องไห้ออกมาเสียงดังลั่น ทว่าเด็กผู้ชายคนนั้นก็ยังไม่หยุดแกล้ง ยิ่งเห็นว่าเธอกลัวก็ยิ่งแกล้งหนักเข้าไปใหญ่ พยายามยัดงูยางตัวนั้นใส่มือเธอ และเหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น งูยางตัวนั้นถูกโยนออกนอกหน้าต่างห้องเรียนก่อนที่เด็กผู้ชายจอมเกเรคนนั้นจะถูกผลักเต็มแรงล้มลงกองกับพื้น “โอ๊ย! ไอ้ฟืนมึงผลักกูทำไมวะ” เด็กผู้ชายที่แกล้งเธอพูด “แล้วมึงแกล้งเพื่อนทำไมวะ” เด็กผู้ชายที่ช่วยเธอตอบ “ก็กูอยากแกล้ง ใครจะทำไม ใครใช้ให้ไม่อยากพูด กูพูดด้วยก็ไม่ยอมพูด ถามอะไรก็ไม่ตอบ เป็นใบ้หรือเปล่าวะ” “หนามเตยไม่ได้เป็นใบ้ แล้วมึงก็ไม่มีสิทธิ์แกล้งหนามเตยแบบนี้ ถ้ามึงแกล้งหนามเตยอีกกูจะฟ้องพ่อมึง” ฟืนขู่จะฟ้องพ่ออีกฝ่าย เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายไม่กลัวครู ฟ้องครูไปมันก็ไม่กลัว เดี๋ยวก็กลับมาแกล้งอีก “เออๆ กูไม่แกล้งแล้วก็ได้ ล้อเล่นนิดเดียวเอง แค่นี้ก็ต้องร้องไห้ด้วย ไปพวกเราออกไปเล่นเตะบอลข้างนอกกัน” “ลุกไหวไหม” หนามเตยเงยหน้ามองเด็กผู้ชายตัวสูงที่เข้ามาช่วยเธอทั้งน้ำตานองหน้า จำได้ว่าเขาคือเด็กผู้ชายที่อยู่หมู่บ้านเดียวกันกับเธอ บ้านของเขาอยู่ห่างจากบ้านเธอแค่สามหลัง หนามเตยมองหน้าเขาได้ไม่นานก็ต้องหลุบตาลงต่ำก่อนจะใช้มือที่ยังสั่นค้ำยันกับพื้นเพื่อพยุงตัวลุกขึ้นยืน พี่เหนือฟ้าเคยคุยกับเขา และหมอกหนาวก็เคยวิ่งไปหาเขาที่หน้าบ้านหลังใหญ่พร้อมตะโกนเรียกเขาที่กำลังชู้ตลูกบาสลงห่วงที่สนามหน้าบ้านว่า...พี่ฟืน เขาชื่อฟืน อายุเท่าเธอ เป็นเด็กไม่กี่คนที่อยู่หมู่บ้านเดียวกับเธอ แต่ทว่าเธอยังไม่เคยพูดคุยกับเขาหรอกนะ “เธอชื่อหนามเตยใช่มะ เราชื่อฟืนนะ บ้านเราอยู่ซอยเดียวกันเธอจำเราได้ปะ” “...” “เจ็บเหรอ?” เด็กผู้ชายที่ชื่อฟืนพูดกับเธออีก ทว่าหนามเตยก็ยังไม่ยอมเปิดปากพูดอะไรออกไป ริมฝีปากเล็กของหนามเตยกัดกันแน่น ดวงตาคู่สวยที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตายังคงมองแค่มือเล็กของตัวเอง จำกัดรัศมีสายตาให้อยู่แค่ตรงนั้น “...” “อยากฟ้องครูไหมเดี๋ยวพาไป?” คำถามนี้ของฟืนทำให้หนามเตยเงยหน้าขึ้นมอง ก่อนจะส่ายหน้ารัว ถ้าฟ้องครูพ่อเธอก็ต้องรู้เรื่อง และทุกคนก็จะพากันมารุมถามเธอว่ามันเกิดอะไรขึ้น เธอไม่อยากพูดไม่อยากตอบคำถามอะไรทั้งนั้น “อยากกินไอติมปะ?” หนามเตยส่ายหน้าอีก เธอไม่อยากกินไอติม เวลาที่พูดเรื่องไอติมเธอจะนึกถึงแม่ เวลาที่แม่มารับหลังเลิกเรียนก็จะพาเธอแวะซื้อไอติมทุกครั้ง มันเป็นสิ่งที่เธอเคยชอบ ทว่าตอนนี้เธอไม่ชอบมันแล้ว “อยากกินเครปไหม?” หนามเตยส่ายหน้าเป็นครั้งที่สาม “ชานมไข่มุกล่ะ? อยากกินไหม?” คราวนี้หนามเตยพยักหน้า ช้อนตามองคนพูด เธออยากกินชานมไข่มุก มากกว่าความอยากกินคือกลัวว่าถ้าปฏิเสธอีกฟืนจะเบื่อและเลิกพูดด้วย หนามเตยไม่อยากอยู่คนเดียว กลัวจะถูกแกล้งอีก “ทำไมถึงไม่พูดล่ะ เธอพูดได้นี่ เราเคยเห็นเธอพูดกับพ่อเธอตอนเช้าที่พ่อเธอมาส่ง” ฟืนถาม เมื่อเห็นหนามเตยเม้มปากหลุบตามองมือตัวเองก็พยักหน้าเข้าใจ “ไม่เป็นไร ถ้าไม่อยากพูดก็ไม่ต้องพูด” หนามเตยช้อนตามองคนพูด ขยับริมฝีปากออกจากกันเล็กน้อย “ระ เราคิดถึงแม่...” “หือ? คิดถึงแม่เหรอ? ทำไมคิดถึงแม่ล่ะ? แม่เธอไม่อยู่เหรอ? หรือว่าเธอไม่ได้อยู่กับแม่?” “ไม่อยู่...” ส่ายหน้า “...” “มะ แม่เราตาย...แล้ว แม่ไม่อยู่กับเราไปแล้ว” น้ำตาที่เพิ่งแห้งไหลรินออกมาอีกครั้ง เหมือนว่าครั้งนี้จะหนักกว่าครั้งแรก หนามเตยไม่อยากร้องไห้ทว่าก็กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ เธอคิดถึงแม่ คิดถึงมาก ไม่มีวันไหนที่เธอไม่คิดถึงแม่เลย เธออยากอยู่กับแม่ เธอไม่อยากอยู่ที่นี่ เธออยากกลับบ้าน บ้านที่มีแม่อยู่ด้วย ฟืนยืนอึ้งทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้ายื่นให้ หนามเตยรับเอาผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นมาถือไว้ก่อนจะยกขึ้นเช็ดน้ำตาที่เปอะสองแก้ม ทว่ายิ่งเช็ดน้ำตาก็ยิ่งไหลไม่หยุด เธอก้มหน้าร้องไห้คนเดียวเงียบๆ พอร้องไห้เสร็จ เงยหน้าขึ้นมองก็เห็นฟืนยังยืนอยู่ที่เดิม แววตาของฟืนเต็มเปี่ยมไปด้วยความเข้าใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร รอจนกระทั่งเสียงสะอื้นหายไปจึงได้ถามอีกครั้ง “ยังอยากกินชานมไข่มุกไหม?” “อือ” หนามเตยพยักหน้าขึ้นลง ขยับมือกำผ้าเช็ดหน้าที่เปียกน้ำตาทั้งผืนเอาไว้แน่น “ต่อไปมีอะไรให้บอกนะ ถ้าเธอไม่อยากพูดกับคนอื่นก็พูดกับเรา เดี๋ยวเราจะพูดแทนเธอเอง โอเคมะ?” “นายจะเล่นกับเราเหรอ?” “เล่นสิ เรามาเป็นเพื่อนกันนะ” “อือ” หนามเตยพยักหน้า เปิดยิ้มเล็กน้อย มองเพื่อนใหม่คนแรกตาเป็นประกาย ถึงจะผ่านมาสิบสามปี ทว่าหนามเตยยังจำได้แม่นยำ ทุกเรื่องราวที่เกี่ยวกับฟืนเธอจำได้หมด ไม่เคยลืมมันแม้แต่เรื่องเดียว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม