เสียงโทรทัศน์เปิดทิ้งไว้อย่างไม่กลัวเปลืองไฟ นางสาวสมหญิง บุญเมตตา นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการพิเศษ อายุ 48 ปี นั่งเอาเท้าพาดไปบนสตูลสีเทาพาดเท้าไปบนเก้าอี้ตัวเล็ก
ในมือถือห่อขนมมันฝรั่งแผ่นทอดเคี้ยวกินอย่างเอร็ดอร่อย ผมตัดสั้นเท่าติ่งหู ใบหน้าไร้เครื่องสำอาง มีสิวเล็กน้อยถึงปานกลาง ความสูงคือร้อยห้าสิบกว่าไม่ถึงร้อยหกสิบ น้ำหนักเกือบเจ็ดสิบกิโลกรัม เรียกง่าย ๆ ว่าอ้วนหรือน้ำหนักเกิน รูปร่างหน้าตายังห่างไกลคำว่าความสวยอีกหลายขุม
สมหญิงฮึดออกกำลังกายเป็นช่วง ๆ บ้าไปฟิตเนสเสียเงินจ้างเทรนเนอร์หล่อล่ำเป็นพัก ๆ แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลยเพราะอาหารการกินยังจมดิ่งอยู่กับไก่ทอดและชาไข่มุกเพื่อนยาก
อาหารอันโอชะเป็นสวรรค์ของสาวโสดสมหญิง สตรีผู้ไม่เคยรู้จักคำว่าแฟน รู้จักแต่คนว่า fan ภาษาอังกฤษที่แปลว่าพัดลม ตลอดอายุผ่านมาเกือบ 50 ปีของสมหญิง
‘นอกจากกินอย่างคุ้มค่าแล้ว ชีวิตก็ไม่ได้เคยได้สัมผัสความคุ้มค่าทางอารมณ์ในด้านอื่นอีกเลย’
ในขณะที่เพื่อนบางคนได้รับปริญญาลูกสาวลูกชาย บางคนกำลังเก็บเงินซื้อรถให้ลูก บางคนเคลียร์หนี้บ้านหนี้รถ บางคนก้าวกระโดดถึงขั้นได้อุ้มหลาน แล้วหันกลับมาดูชีวิตอันเปล่าเปลี่ยวของคุณป้าสมหญิงสิ...
ชีวิตของสมหญิงยังเหมือนเดิม คือไปทำงาน กลับบ้าน กลับมาดูโทรทัศน์ วันเสาร์อาทิตย์ก็เลี้ยงหมาชื่อไอ้แชมพู มีแมวแก่เพศเมียชื่อนางสีเทาอยู่เป็นเพื่อนคลายเหงา
สมหญิงปลูกผักกินเอง เพื่อให้สมศักดิ์ศรีของนักวิชาการเกษตรระดับชำนาญการพิเศษ เธอเชี่ยวชาญทุกศาสตร์การปลูกผักดูแลพืชผล
สาวโสดวัยดึก สตรีวัยหมดประจำเดือนคนนี้มีชีวิตเรียบง่ายเรียกว่าไร้สีสัน ไร้ความตื่นเต้นเหมือนกราฟคงที่เป็นเส้นตรงหรือเรียกว่า ‘ชีวิตน่าเบื่ออย่างที่สุด’
เธอมีบ้านชั้นเดียวก่อสร้างอย่างเรียบง่ายราคาไม่ถึงหนึ่งล้านบาท กับรถยนต์มือสองราคาสามแสนกว่า เงินในบัญชีมีหลายแสนเฉียดหลักล้าน อีกไม่นานก็เกษียณแล้ว หากรวมเงินในบัญชีกับเงินเกษียณอายุคงพออยู่ได้อย่างสบาย
สมหญิงหยิบรีโมทมากดเปลี่ยนช่อง รายการโทรทัศน์น่าเบื่อมากถึงมากที่สุดมีแต่รายการซ้ำ รายการเดิมหรือไม่ก็ข่าวการเมืองไร้สาระกับการนำเสนอข่าวบุคคลที่ไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง
เธอเดินพาร่างอวบท้วม ต้นขาใหญ่หนา เดินตรงไปหน้าเครื่องเล่นดีวีดี เธอมีดีวีดีสะสมไว้มากมายทั้งที่ตอนนี้มันล้าสมัยแล้ว ทุกคนดูจากสื่อออนไลน์หรือดาวน์โหลดกันทั้งนั้น แต่วัยอย่างนางสาวสมหญิง บุญเมตตา ถนัดเปิดแผ่นใส่เครื่องเล่นดีวีดีมากกว่า
ใครบ้างล่ะคะจะเข้าใจความเหงานี้
เธอพาร่างกลับมานอนที่โซฟานุ่มตัวเดี่ยว พาดขาไปบนเก้าอี้วางเท้าตัวเดิม มือหยิบรีโมทเปิดเครื่องเล่นดีวีดีเล่นขึ้นบนจอสมาร์ททีวี 42 นิ้ว
เธอกำลังดูภาพยนต์จีนซีรี่ส์เกี่ยวกับการย้อนเวลาของนางเอกไปสู่ในยุคจีนโบราณ ซีรี่ส์เรื่องนี้เป็นเรื่องราวของผู้หญิงที่ย้อนกลับไปในอดีตผ่านช่องมิติ ตอนจบนางเอกสามารถกลับมาในโลกปัจจุบันได้แต่ไม่กลับ นางเอกเลือกอยู่กับพระเอกในยุคจีนโบราณ เป็นเรื่องราวที่ซึ้งกินใจทั้งตลก ซึ้งมาก ดราม่านิดหน่อยพอได้หัวเราะเคล้าน้ำตา สมหญิงชอบซีรีส์จีนเรื่องนี้ที่สุด มันคือเรื่องโปรดของเธอ
มืออวบป้อมคล้ำแดดหยิบมันฝรั่งในถุงกินอย่างเอร็ดอร่อย ตามองจ้องบนจอโทรทัศน์ ด้านนอกมีสุนัขคู่ชีพกับแมวคู่ใจกำลังวิ่งหยอกล้อกัน
แสงแดดยามเย็นวันเสาร์ทอแสงอ่อนเป็นประกาย สมหญิงเพลิดเพลินอยู่กับการดูโทรทัศน์ ปากเคี้ยวมันฝรั่งทอดหยับ ๆ สลับกับขนมเปี๊ยะไส้ถั่วไข่เค็มของโปรด เรียกว่านอนกินนอนดูโทรทัศน์อย่างเปรมปรีดา
ถึงตอนนางเอกหยอกล้อพระเอกในจอโทรทัศน์ นางเอกกำลังปีนขึ้นบนต้นไม้ ในมือนางเอกถือกรงนกอยู่ในมือ เมื่อพระเอกเดินผ่าน นางเอกปล่อยให้นกขี้ใส่เสื้อพระเอก เป็นการแก้แค้นที่ถูกพระเอกขโมยจูบ
สมหญิงหัวเราะขึ้นอย่างดัง แม้จะดูซีรีส์จีนเรื่องนี้ไปหลายรอบแล้ว เมื่อถึงฉากนี้ทีไรสมหญิงก็หัวเราะราวกับคนไข้โรงพยาบาลศรีธัญยา เธอหัวเราะจนหยุดไม่อยู่ หัวเราะจนพุงพลุ้ยๆ กระเพื่อมขึ้นลง เศษขนมในปากกำลังปลิวว่อนชนกันเหมือนเศษใบไม้ปลิวในทุ่งนายามฤดูแล้ง
อึก! อ่อก! แค่ก ๆ ๆ ๆ ๆ
สมหญิงตะกายมือคว้าอากาศ เศษขนมเปี๊ยะไส้ถั่วไข่เค็มรวมกับขนมมันฝรั่งทอดกำลังติดคอเธอ เศษขนมเข้าไปในหลอดลมจนหายใจไม่ออก
“ชะ ช่วย ช่วย ด้วยยยยย” เสียงแผ่วเบาร้องขอความช่วยเหลือพยายามเปล่งออกจากลำคอของสมหญิง มือพยายามตะเกียกตะกายคว้าสมาร์ทโฟนบนโต๊ะด้านข้าง
ตุบ! เสียงร่างท้วมของสมหญิงตกจากโซฟานุ่มตัวโปรด
เสี้ยวสติของเธอหลุดไปพร้อมกับเศษขนมในปากกระเด็นกระดอนออกมา
เธอไม่หายใจแล้ว ชีวิตสาวโสดผู้เปลี่ยวเหงา ท้ายที่สุดต้องตายอย่างเปลี่ยวเหงาเช่นเดิม คำอธิษฐานสุดท้ายของสมหญิงก่อนตาย การอยู่อย่างโดดเดี่ยวและตายไปอย่างเปลี่ยวเหงามันอาจดีสำหรับผู้หญิงบางคน
แต่หญิงวัยหมดประจำเดือนเช่นเธออธิษฐานเอ่ยขอต่อเยว่เหล่า
เธอมองรูปปั้นผู้เฒ่าจันทราบนชั้นวางของ หากชาติหน้ามีจริง
‘เธอขอเพียงชีวิตครอบครัวแสนสุขด้วยเถิด’
แสงสว่างจ้าปลายอุโมงค์สีขาว
สมหญิงเดินเข้าไปจนสุดปลายอุโมงค์ แสงจ้าจนตาพร่ามองไม่เห็นอะไร เธอยกมือขึ้นมาบังแสง หูได้ยินทั้งเสียงเด็กทั้งเสียงคนมีอายุ เสียงคนเดินไปเดินมา เธอได้กลิ่นคาวเลือด ได้ยินเสียงคนวุ่นวายในห้อง ที่นี่อาจเป็นโรงพยาบาล อาจมีคนมาพบเธอแล้วนำส่งโรงพยาบาลได้ทันเวลา
“ชิงเอ๋อร์ เบ่งอีก ออกแรงเบ่งอีกสักครั้งเถิด ในท้องเจ้ายังมีเด็กอยู่อีกคนหนึ่ง” เสียงสตรีวัยกลางคนร้องบอก พลางรีดมือไปบนหน้าท้องขาวจั๊วะ
“นะ นี่มันอะไรกัน ที่นี่ที่ไหนคะ” สมหญิงทำหน้าเลิ่กลั่ก มองซ้ายมองขวาเห็นเป็นเรือนขนาดกลาง เครื่องเรือนยังล้าสมัยเหมือนสารคดีเกี่ยวกับบ้านแถบชนบทของประเทศจีน
“เบ่งอีก เจ้าได้ลูกแฝด”
“โอ๊ย....ปวดท้องมาก โอ๊ย อ๊ากกกก ปวด ปวดที่สุด” สมหญิงรวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายเบ่งเจ้าก้อนแป้งยักษ์ออกมาจากในท้อง
แง๊ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ เสียงเด็กแฝดร้องไห้จ้าแข่งกัน คนหนึ่งเพศชาย คนหนึ่งเพศหญิง ทั้งสองกำลังร้องไห้ทำปากจุ๊บจั๊บเหมือนหิวนม
“เก่งมากชิงเอ๋อร์ เก่งมาก พักผ่อนเสียก่อนเถิด” เสียงสตรีวัยกลางคนกระซิบบอก
อีกครั้งที่สติของนางสาวสมหญิง บุญเมตตาดับวูบไป
หากนี่ไม่ใช่ฝัน
เธออยู่ในยุคจีนโบราณ เธอคลอดบุตรฝาแฝดออกมา
เธอได้แต่ร้องประท้วงอยู่ในใจ เหตุใดเยว่เหล่าจึงไม่ให้เธอเกิดใหม่ดี ๆ หน่อย เกิดมาชาตินี้ก็มาอยู่ในร่างเด็กผู้หญิงอายุไม่ถึงยี่สิบ ยิ่งไปกว่านั้นคือกำลังอ้าขาคลอดลูก
‘เยว่เหล่ารังแกข้า’