"กาแฟดำไม่ใส่น้ำตาลค่ะ"
แก้วกาแฟร้อนกลิ่นหอมกรุ่นถูกวางลงให้ตรงหน้าตามคำสั่ง คนที่กำลังนั่งอ่านเอกสารอยู่ปรายสายตาขึ้นจ้องมอง
"ฉันไม่ชอบกาแฟดำ ไปเปลี่ยนมาใหม่"
"แต่ก่อนพี่ เอ่อ...ท่านประธานก็ชอบนี่คะ"
"แต่ก่อนเคยชอบ ใช่ว่าตอนนี้ฉันจะชอบหรือติดใจ ไม่ว่าเธอหรือกาแฟแก้วนี้ฉันก็เกลียดไม่ต่างกันนั่นล่ะ"
"ค่ะ เดี๋ยวรัญเอาไปเปลี่ยนให้เดี๋ยวนี้เลย"
รัญชิดาหยิบแก้วกาแฟขึ้น เตรียมจะเดินออกไปนอกห้องเปลี่ยนแก้วใหม่มาให้ ยังไม่ทันได้เดินไปไหน เสียงทรงอำนาจก็ดังขึ้นอีกครั้ง
"เอามาแล้วนี่ ฉันไม่ดื่ม งั้นเธอก็ดื่มให้หมดซะ"
รัญชิดาจ้องมองหน้าคนสั่งตาไม่กระพริบ ก้มมองดูแก้วกาแฟในมือ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นจ้องมองเขา
"แต่รัญไม่เคยดื่มกาแฟคุณก็รู้"
"ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้น ฉันสั่งให้ดื่มเธอก็ต้องดื่ม เพราะกาแฟมันแพงเธอจะเอาไปเททิ้งหรือไง จะเอาผ่านไหมหรืออยากจะเรียนไม่จบ?"
แค่คำขู่นี้ก็ทำเอากลัวจนไม่กล้าขัดคำสั่งแล้ว แก้วกาแฟถูกยกขึ้นมาซดจนหมดด้วยความจำใจ พร้อมกับทำสีหน้าพะอืดพะอมแทบอยากจะอ้วกออกมาตรงนั้น
"ไปเอามาใหม่ ถ้าแก้วต่อไปยังไม่ถูกใจฉันอีก เธอก็ต้องดื่มเหมือนเดิม เข้าใจไหม!"
"ค่ะ เข้าใจแล้วค่ะ ขอตัวไปเอากาแฟมาให้ใหม่ก่อนนะคะ"
รัญชิดาเดินหายออกจากห้องทำงานไป ใบหน้าหล่อที่นิ่งเรียบเมื่อครู่แสยะยิ้มออกมาด้วยความพอใจ
ไม่นานนักกาแฟอีกสามแก้วก็ถูกยกใส่ถาดเข้ามาให้เขาได้เลือกและตัดสินใจ แต่คำตอบที่ได้กลับทำให้รัญชิดารู้สึกแย่จนอยากร้องไห้ออกมาเลย
"ฉันไม่ชอบสักอัน เธอเอามาแล้วก็กินให้หมดด้วยนะ"
"แต่ว่ารัญเพิ่งดื่มกาแฟดำไปเองนะคะ"
"แล้วไง ใครบอกให้เธอชงมาเยอะแยะล่ะ ชงมาแล้วก็ดื่มให้หมด ดื่มต่อหน้าฉันนี่ล่ะ ดื่มหมดแล้วค่อยออกไป"
รัญชิดามองแก้วคาปูชิโน่ ลาเต้ เอสเปรสโซ่ในถาด พร้อมกับกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่อย่างยากลำบาก 'ถ้าดื่มหมดนี่จะยังมีชีวิตอยู่ต่อไปหรือเปล่านะเรา'
"จะดื่มไหม? ถ้าไม่ดื่มฉันก็ไม่อนุมัติผ่านฝึกงานให้เธอนะ"
"ขู่รัญงั้นเหรอคะ?"
"ทำไมฉันต้องขู่ ฉันมีอำนาจเต็มแต่เพียงผู้เดียวนะรัญชิดา ถ้าฉันสั่งให้ทำแค่นี้ไม่ได้ เธอจะอยู่ที่นี่ครบปีไปได้ยังไง"
ดวงตาคมดุจ้องมองหน้า เขาไม่ได้ยิ้มแย้มให้ได้เห็น เขาดูนิ่งและน่ากลัวเหลือเกิน จนรัญชิดาไม่กล้าที่จะสบสายตาและเอื้อมมือไปหยิบกาแฟแก้วแรกขึ้นดื่ม ตามด้วยแก้วที่สองและแก้วที่สาม อาการพะอืดพะอมก็เกิดขึ้นชวนให้น้ำตาแตก จนทำให้ต้องรีบวิ่งออกจากห้องทำงานเขาไปอย่างรวดเร็ว
"นี่มันแค่เริ่มต้นนะรัญชิดา"
รอยยิ้มร้ายก็ปรากฏให้ได้เห็นอีกครั้งเมื่อเธอหายลับสายตาไปแล้ว
หน้าห้องทำงาน หลังจากที่ไปอาเจียนออกแทบหมดไส้หมดพุงมา รัญชิดาก็เดินกลับมาที่โต๊ะทำงานอีกครั้ง
"เป็นอะไรน่ะรัญ เมื่อกี้เห็นรีบวิ่งออกจากห้องทำงานบอสไวลิ่วเลยนะ"
"ไปอาเจียนมาค่ะ คุณปัณณ์ให้รัญดื่มกาแฟทุกแก้วที่เอาเข้าไปให้ หัวใจมันเต้นแทบไม่เป็นจังหวะเลยค่ะพี่อัย รัญไม่เคยดื่มมันเหมือนจะตาย" รัญชิดาบอกด้วยสีหน้าเศร้าและเหนื่อยอ่อน
"ตายจริง! บอสเล่นอะไรเนี่ย ปกติไม่เป็นแบบนี้นะ แค่กาแฟดำก็ดื่มได้แล้ว ดื่มทุกวันด้วย มันใช่ตั้งแต่แก้วแรกแล้วนะรัญ"
ทำเอาเลขาคู่ใจเจ้านายมานานร่วมสิบปีถึงกับงวยงงกับคำบอกเล่าของสาวรุ่นน้อง
ปัณณวิชญ์คงอยากแกล้งเธอสินะแบบนี้ ช่างเถอะถ้ามันคือความสุขของเขาเธอก็จะยอม เขาอยากเอาคืนยังไงก็ได้ ได้ทุกอย่างเธอจะไม่โกรธหรือเกลียดเขา
"รัญเดี๋ยวก่อนเที่ยงสักสิบนาทีเตรียมจานกับช้อนเข้าไปไว้ในห้องทำงานบอสหน่อยนะ จานสามใบ ถ้วยสองใบ พอดีแฟนบอสจะมาทานข้าวเที่ยงที่นี่ด้วย"
'แฟนงั้นเหรอ ปัณณวิชญ์มีแฟนใหม่ไปแล้วจริง ๆ สินะ เขามูฟออนไปไกลแล้ว เธอควรจะดีใจกับเขาสิถึงจะถูก'
"แล้วก็น้ำกับแก้วด้วยนะอย่าลืมล่ะ"
"ได้ค่ะพี่อัย แฟนคุณปัณณ์คงสวยมากสินะคะ"
"สวยและรวยมากเลยล่ะ เหมาะสมเหมือนกิ่งทองใบหยก นี่ลุ้นทุกเดือนว่าเมื่อไหร่เขาจะขอกันแต่งงานสักที"
"เขาเป็นแฟนกันนานแล้วเหรอคะ?"
"น่าจะสองปีกว่าแล้วมั้ง เห็นว่าคุณพราวฟ้าเป็นแม่สื่อแม่ชักเลยนะ"
รัญชิดาพยายามฝืนยิ้มรับฟังกับทุกคำบอกเล่าเกี่ยวกับเจ้านายหนุ่ม จะแปลกอะไรที่คุณหญิงพราวฟ้าจะหาคนดีที่เพรียบพร้อมไว้ให้ลูกชายของตัวเอง นางทำถูกต้องที่สุดแล้ว เพราะคนเป็นแม่ก็ย่อมอยากให้ลูกได้รับแต่สิ่งดี ๆ ในชีวิตด้วยกันทั้งนั้น คนรวยก็ต้องเหมาะสมกับคนรวย จะสุขสมหวังกับคนไม่คู่ควรได้อย่างไร
ก่อนเที่ยงสิบนาทีตามที่อัยราสั่ง รัญชิดาเดินเข้ามาภายในห้องทำงานของปัณณวิชญ์อีกครั้ง ในมือมีถ้วยชามหลายใบเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับใส่อาหารมื้อเที่ยงของวันนี้
เพียงเปิดประตูเข้าไปเท่านั้น หญิงสาวถึงกับยืนนิ่งอึ้ง เพราะแขกคนสำคัญของเขามาถึงห้องนี้ก่อนเธอแล้ว แถมในเวลานี้ผู้หญิงคนนั้นก็นั่งอยู่บนตัก ออดอ้อนออเซาะเหมือนคู่รักที่น่าอิจฉา
ปัณณวิชญ์หันมามองหน้าคนที่เพิ่งเดินเข้ามาช้า ๆ เมื่อครู่เขากำลังยิ้มมีความสุขอยู่เลย แต่พอมองเห็นรัญชิดาเขากลับหุบยิ้มลงทันควัน
"ขอโทษค่ะที่เข้ามารบกวน ไม่คิดว่าแขกของท่านประธานจะมาเร็วขนาดนี้"
"ช่างเถอะ แกะอาหารที่วางอยู่นั่นใส่จานชามให้เรียบร้อยด้วย ทำเสร็จแล้วก็ออกไป"
"ได้ค่ะ เดี๋ยวจะรีบจัดการให้"
รัญชิดารีบทำตามคำสั่งนั้นอย่างไม่รอช้า
"มีนักศึกษามาฝึกงานด้วยเหรอคะปัณณ์"
"ครับ มีสองคนน่ะ คนนี้เป็นผู้ช่วยคุณอัยเขา"
"หืม...ทั้งสวยทั้งเด็ก จะทำให้ปัณณ์เขวหรือเปล่านะ"
"ไม่หรอก ผมรักใครแล้วรักเลย ขวัญไม่ต้องคิดมากหรือระแวงไปหรอกนะครับ"
ม๊วฟ!
เสียงจุ๊บแก้มอย่างเอาใจก็ดังขึ้น ชวนให้รัญชิดาต้องแอบชำเลืองมอง ปัณณวิชญ์ดูมีความสุขมากกับผู้หญิงคนนี้ เขาสองคนดูเหมาะสมกันมากอย่างที่อัยราเล่าบอก
หวนนึกไปถึงภาพในอดีต เธอและเขาก็เคยมีความสุขมากแบบนี้ด้วยกันมาก่อนเหมือนกัน แต่มันก็กลายเป็นอดีตไปแล้ว ตอนนี้เขามีรักครั้งใหม่ที่ไม่ใช่เธอ
"คุณพ่อคุณแม่ถามบ่อยเลยค่ะพักนี้ว่าปัณณ์ไม่มีแพลนจะขอขวัญแต่งงานบ้างเหรอ"
"หืม...แล้วขวัญพร้อมจะเป็นแม่และภรรยาให้ผมแล้วหรือไงกัน?"
"เป็นภรรยาน่ะพร้อม แต่เป็นแม่ของลูก 4 คนของปัณณ์ ขวัญว่าเรื่องนี้คงอีกนานเลยค่ะ ว่าแต่เราจะได้แต่งงานกันไหมนะ นิ้วนางข้างซ้ายจะมีแหวนมาสวมให้เมื่อไหร่ก็ไม่รู้สิ" ขวัญชนกถึงกับยกนิ้วมือข้างซ้ายที่ว่างของตัวขึ้นโชว์ให้ปัณณวิชญ์ได้เห็น ชายหนุ่มจับฝ่ามือเรียวจรดริมฝีปากจูบสัมผัสลงเบา ๆ
"เร็ว ๆ นี้ล่ะครับ อีกไม่นานเกินรอ ขวัญเตรียมตัวเป็นเจ้าสาวของผมได้เลยนะ"