ทุกการกระทำและคำพูดของเขา รัญชิดาได้ยินและเห็นแทบทั้งหมด ทำเอาน้ำตาที่มันเผลอเอ่อล้น ร่วงหล่นลงบนฝ่ามืออย่างไม่รู้ตัว นึกถึงคำพูดของเขาเมื่อ 3 ปีก่อน
'ตั้งใจเรียนให้จบเร็ว ๆ นะรัญ พี่รออยู่ นับวันรอเลยนะรู้ไหม'
'รัญจะตั้งใจเรียนให้จบแล้วมาเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของพี่ปัณณ์นะคะ'
'ต้องแบบนี้สิ แต่จริง ๆ แล้วเราก็เหมือนเป็นสามีภรรยากันแหละเนอะ อยากจดทะเบียนสมรสตอนนี้เลยด้วยซ้ำ แต่รัญเพิ่งอายุจะสิบแปดเอง มันวุ่นวายมาก ญาติพี่น้องก็ไม่มีใครมาเซ็นรับรองให้ รอให้ถึง 20 แทบไม่ไหวแล้ว จะลงแดงตายก่อนนี่สิ'
'ขนาดนั้นเชียว ฮ่า ๆ ๆ'
'ถ้าวันไหนเราแต่งงานกัน เรามีลูกกันสักสี่คนนะรัญ พี่อยากได้ลูกสาวสองคน ลูกชายสองคน ชีวิตคงจะมีความสุขมาก'
'แค่คนเดียวรัญก็ไม่ไหวแล้วค่ะ'
'ต้องไหวสิ เดี๋ยวพี่ขยันทำจะได้มีลูกหัวปีท้ายปีเลยดีไหมครับ อีกอย่างถ้ามีหลานให้แม่ แม่ก็คงจะรักและเอ็นดูรัญมากขึ้นกว่านี้ไง พี่ว่าดีที่สุด'
สุดท้ายแล้วมันก็เป็นเพียงความทรงจำดี ๆ ที่ไม่มีโอกาสที่จะได้เป็นแบบนั้นเลยในชีวิตนี้
แต่อีกไม่นานเขาคงจะได้เป็นเจ้าบ่าวที่หล่อมาก ๆ ถ้ามีลูกก็คงจะน่ารักมากที่สุด พ่อหล่อ แม่สวย เธอควรร่วมอวยพรให้กับเขาถึงจะถูก แต่ทำไมหัวใจของเธอมันถึงเจ็บปวดมากมายขนาดนี้
ฝ่ามือเรียวรีบยกมือขึ้นปาดเช็ดน้ำตาออก เทอาหารลงในจานสุดท้ายจนเสร็จเรียบร้อย ก่อนจะรีบเดินหายออกจากห้องไปเงียบ ๆ ไม่อยากอยู่เป็นก้างขวางคอเขานานกว่านี้เลย แม้คนทั้งคู่จะไม่ได้สนใจเธอก็เถอะ แค่ปัณณวิชญ์ได้เห็นหน้าเธอวันแรกเขาก็คงรังเกียจแทบตายพอทนแล้ว
รัญชิดาวิ่งเข้ามาภายในห้องน้ำ บังเอิญพบเจอเข้ากับลลิตาเพื่อนสนิท จึงใช้โอกาสนั้นสวมกอดเพื่อนรักและร้องไห้ออกมาเสียงดังอย่างอดกลั้นเอาไว้ไม่ไหว
"รัญ แกเป็นอะไรวะ ร้องไห้มาทำไม ใครทำอะไรแกบอกฉันมาสิ"
"ไม่มีใครทำอะไรฉันหรอกลิตา ฉันทำตัวเองทั้งนั้น ฮึก ฮือออ เขามีแฟนใหม่แล้วนะ เขากำลังจะแต่งงานกัน"
"ท่านประธานแกน่ะเหรอ?"
"อืม...เขากำลังนั่งกินข้าวด้วยกันในห้องทำงาน ผู้หญิงคนนั้นสวยและดูดีมาก เหมาะสมกันที่สุดเลยลิตา"
ลลิตาโอบกอดปลอบเพื่อนด้วยความเข้าอกเข้าใจ สามปีที่ผ่านมารัญชิดาไม่เคยลืมปัณณวิชญ์ได้เลยสักวัน ไม่อยากมูฟออนไปไหน ทั้งที่สามารถทำให้ตัวเองมีความสุขมากกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ได้ แต่ก็ยังคงเลือกจมปลักกับทุกความผิดพลาดที่ตัดสินใจไป
"ฉันบอกแกแล้วนะรัญว่าให้มูฟออนไปข้างหน้า แกมาไกลมากแล้วนะเว้ย แล้วเขาเองก็กำลังมีความสุขกับชีวิต แกจะมาทุกข์เศร้าอยู่แบบนี้ให้มันได้อะไร ฉันไม่เข้าใจเลย"
"ฉันรู้ แต่ฉันทำไม่ได้ ฉันยังไม่ลืมเขา ถ้าฉันไม่ตัดสินใจทำแบบนั้นตั้งแต่แรก ป่านนี้ฉันอาจจะมีความสุขกับพี่ปัณณ์มากแล้วนะลิตา"
"งั้นเหรอ!! หรือไม่แกก็อาจจะตายไปแล้ว กลายเป็นปุ๋ยอยู่ใต้ต้นมะม่วงที่ไหนสักแห่ง"
รัญชิดาผละออกจากอ้อมกอดเพื่อนสาว จริงอย่างที่ลลิตาว่า เธออาจจะไม่มีชีวิตรอดอยู่จนถึงทุกวันนี้ก็ได้ ถ้าวันนั้นเธอไม่ตัดสินใจเลือกทางเดินนี้ก่อน
"แกเป็นอดีตสำหรับเขาไปแล้วนะรัญ เขาไม่มีวันกลับมาเป็นของแกได้หรอก แกเลือกแล้วนะเว้ย แกจะกลับคำไม่ได้ ตอนนี้เขาก็เกลียดแกไปแล้วด้วย เขากำลังมีชีวิตใหม่ ตัดใจซะ มันไม่มีอะไรให้เหมือนเดิมได้หรอกแกเชื่อฉันเถอะ"
รัญชิดาจ้องมองหน้าเพื่อน แววตามีแต่ความเศร้า จนเพื่อนต้องใช้นิ้วปาดเช็ดหยาดน้ำตาออกให้เบา ๆ เป็นครั้งที่นับไม่ถ้วนที่ลลิตาคอยเช็ดหยาดน้ำตาให้แบบนี้
"ฉันรู้ตัวเองดีนะลิตา ฉันไม่ได้คิดจะอยากให้เขากลับมารัก ฉันดีใจกับเขามากกว่าที่ได้เจอคนที่ดีพร้อมเหมือนกัน"
"แล้วแกจะร้องไห้ทำไมล่ะ แกเสียน้ำตาให้ผู้ชายที่ชื่อปัณณวิชญ์มาตั้งสามปีแล้วนะรัญ เริ่มต้นใหม่ซะ แกจะได้มีความสุขจริง ๆ สักที"
"ฉันกำลังพยายามทำใจให้ได้ แต่ก่อนไม่เคยรับรู้ ไม่เคยได้เห็น ฉันเลยยังไม่อยากตัดใจจากเขา แต่ฉันจะดีขึ้น ฉันจะไม่รู้สึกอะไรกับเขาอีก ฉันสัญญา"
"ให้มันจริงเถอะ แกรู้ตัวเองใช่ไหมรัญว่าควรจัดการกับความรู้สึกตัวเองยังไงบ้าง ฉันไม่อยากให้แกต้องกลับไปพึ่งพายาพวกนั้นอีกแล้วนะ กว่าแกจะดีขึ้นอย่างตอนนี้ แกผ่านอะไรมาก็มากนะรัญ ฉันเป็นห่วงแกที่สุด ไม่อยากให้ต้องเกิดเรื่องเหมือนเดิมซ้ำ ๆ อีก"
ลลิตาจับไปที่ข้อมือข้างซ้ายของเพื่อนสาว ภายใต้ผ้าพันข้อมือแฟชั่นดีไซน์เก๋ที่เธอชอบสวมใส่ เหมือนเป็นเครื่องประดับประจำตัวที่มีค่ามาตลอดสามปีแล้ว มันปกปิดรอยแผลเป็นขนาดใหญ่เอาไว้ไม่ให้ใครได้เห็น รอยแผลที่เกือบคร่าเอาชีวิตของรัญชิดามาแล้ว
"ถึงใครจะไม่รักแกแล้ว แต่แกควรรักตัวเองให้มาก ๆ นะรัญ ฉันไม่อยากให้ร่างกายสวย ๆ ของแกมีแผลเป็นแบบนี้อีก"
รัญชิดามองตามสายตาของเพื่อนสนิท ก่อนจะยกฝ่ามือขึ้นปาดเช็ดหยาดน้ำตาที่เปื้อนหน้าออกอย่างเร็ว เธอไม่ควรอ่อนแออีก เธอไม่ควรเสียใจกับเรื่องนี้อีก ยินดีกับเขาและทำตัวเองให้มีความสุขให้ได้ ไม่ใช่เพื่อใครคนอื่นแต่เพื่อตัวเองทั้งนั้น
เธอรู้ดีว่าจมปลักกับเรื่องราวในอดีตจนทำให้ตัวเองเป็นทุกข์มากกว่าใคร กว่าจะเป็นรัญชิดาได้อย่างตอนนี้ เธอเกือบจบสิ้นชีวิตมาก็หลายครั้ง ความทุกข์ความเจ็บปวดที่พบเจอ ไม่มีใครรู้ ไม่มีใครเห็น นอกจากลลิตาเพื่อนรักที่เป็นทุกกำลังใจในชีวิตให้เธอได้ก้าวผ่านมาได้จนถึงตอนนี้