5.1

1184 คำ
“เมื่อกี้ผมฝันครับ ฝันว่าพราวท้อง จู่ๆ ก็ฝันอะไรก็ไม่รู้ บ้าชะมัด” จางซีฮ่าวใช้สันมือทุบศีรษะของตนเบาๆ เพื่อเรียกสติให้ตัวเองเพราะคิดว่าเรื่องที่เพิ่งได้ยินเป็นแค่เรื่องที่ตนกำลังฝันไปเท่านั้น พราวเพตรามองอีกฝ่ายอย่างเอ็นดูระคนขบขัน รวมถึงฟ่านซ่งกับฟ่านหรูก็ด้วย “ซีฮ่าวไม่ได้ฝันหรอก พราวท้องจริงๆ ซีฮ่าวกำลังจะมีหลานแล้วนะ” คำตอบที่ได้รับตอกย้ำให้จางซีฮ่าวหน้าถอดสี เขามองสบสายตากับพราวเพตราที่นั่งฝั่งตรงข้าม เห็นเพียงความจริงจังไร้การล้อเล่นอยู่ในดวงตากลมโต เท่านั้นเองจางซีฮ่าวก็ทำท่าคล้ายจะเป็นลมไปอีกรอบ แต่คราวนี้ไม่ต้องลำบากฟ่านซ่งอีก เพราะเจ้าตัวนั่งอยู่ที่เก้าอี้ หากเกิดเป็นลมขึ้นมาจริงๆ ฟ่านซ่งก็แค่ช่วยจัดท่าให้เจ้าตัว ฟุบหน้าลงกับโต๊ะเท่านั้นก็น่าจะพอ “พราว ไม่เอา ไม่ล้อกันเล่นอย่างนี้สิ ผมใจคอไม่ค่อยดีเลยนะ” “พราวไม่ได้ล้อเล่นนะ ไม่เชื่อซีฮ่าวถามน้าหรูกับน้าซ่งดูก็ได้” “จะจริงหรือครับ” “จริง” สองสามีภรรยาประสานเสียงตอบ นั่นทำให้จางซีฮ่าวหน้าซีดยิ่งกว่าไก่ที่ถูกต้มในหม้อร้อนๆ เจ้าตัวฟุบหน้าลงกับโต๊ะราวกับคนไร้ซึ่งเรี่ยวแรง “ไม่จริง เป็นไปไม่ได้ เราก็แค่ฝันไป” จางซีฮ่าวพึมพำกับตัวเองราวกับคนใกล้เสียสติเต็มทน พราวเพตรานึกเห็นใจอีกฝ่ายไม่น้อย และทราบดีว่าอีกฝ่ายคิดอย่างไร แต่ถึงกระนั้นหญิงสาวก็ไม่อาจตอบรับไมตรีที่มากกว่าคำว่าเพื่อนจากจางซีฮ่าวได้ถึงแม้ว่าเธอจะท้องหรือไม่ได้ท้องก็ตาม “ซีฮ่าวไม่ยินดีกับพราวหน่อยเหรอ เนี่ย เดี๋ยวอีกหน่อยก็จะมีเด็กตัวเล็กๆ มาวิ่งเล่นแถวนี่แล้วนะ เรียกลุงฮ่าวๆ แบบนั้นซีฮ่าวไม่ชอบเหรอ” ได้ยินแบบนั้นจางซีฮ่าวก็ยอมเงยหน้าขึ้นมา สีหน้าของเจ้าตัวดูเศร้าสร้อย ดวงตาแดงนิดหน่อยแต่ก็ไม่ถึงกับมีน้ำตาขังคลอ เขาสบสายตากับพราวเพตราอย่างยากลำบาก ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ดูกล้ำกลืนฝืนทนเต็มที “พราว ไม่ให้ลูกของพราวเรียกผมว่าลุงฮ่าวได้ไหม เรียกน้าฮ่าวก็พอ เรียกลุงผมว่ามันดูแก่ไป” เท่านั้นเองพราวเพตรา ฟ่านซ่งกับฟ่านหรูก็ระเบิดหัวเราะออกมาอย่างขบขัน ทั้งเอ็นดูทั้งเห็นใจ แต่ก็นั่นละ สำหรับพราวเพตราแล้ว หญิงสาวสามารถตอบรับไมตรีจากจางซีฮ่าวได้เพียงเท่านี้จริงๆ “ได้สิ ซีฮ่าวเป็นน้าฮ่าวก็ได้” พราวเพตราอยากได้งานที่ทำรายได้มากกว่าการส่งของ หากแต่เพราะหญิงสาวเรียนจบแค่ชั้นมัธยมปลายจึงไม่อาจเลือกงานได้มากนัก ก่อนหน้านี้หญิงสาวก็ทำแค่เพียงคอยรับใช้ลู่ชิงอยู่บ้าน ลู่ชิงไม่เคยให้หญิงสาวออกไปทำงานข้างนอกและก็ไม่ยอมให้เรียนต่อในระดับที่สูงไปกว่านั้น พราวเพตรามีหน้าที่คอยดูแลความเรียบร้อยในบ้านทั้งหมด หลังจากที่บิดาบุญธรรมจากไป ลู่ชิงก็เลี้ยงดูเธอไม่ต่างจากคนรับใช้ แต่เพราะบุญคุณล้นหัวพราวเพตราจึงไม่คิดจะปริปาก และตอนนี้เธอก็ไม่อาจทำงานส่งของได้อีกเพราะการส่งของหญิงสาวต้องใช้จักรยาน เกรงว่าจะกระทบกระเทือนเจ้าตัวเล็กที่อยู่ในครรภ์ได้ พราวเพตราถอนหายใจเบาๆ ยังดีที่ฟ่านหรูจ่ายเงินค่าแรงที่หญิงสาวช่วยงานในร้านให้ด้วย ถ้าประหยัดหน่อยเธอก็จะมีเงินพอในการดูแลเจ้าตัวเล็กได้ ถึงแม้จะไม่ได้มากมายอะไร แต่พราวเพตราคิดว่าน่าจะพอไหว และหลังจากเจ้าตัวเล็กคลอดค่อยหาทางขยับขยายอีกที “เดี๋ยวพราวเอาดอกไม้ไปส่งให้เองค่ะน้าหรู” พราวเพตราอาสา เพราะตำแหน่งที่ลูกค้าอยู่หากจากร้านไม่ถึงสองชั่วตึก พราวเพตราสามารถเดินเอาดอกไม้ไปส่งได้อย่างสบายๆ “รอน้าซ่งกลับมาก่อนก็ได้นะพราว” “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ไม่ไกลจากร้านเท่าไร พราวจะระมัดระวังค่ะ น้าหรูอย่าได้กังวลเลยค่ะ” พราวเพตรารับปากอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะฟ่านหรูจึงยอมให้พราวเพตราทำตามที่ต้องการ เธอจะถือเสียว่าพราวเพตราออกไปเดินเล่นรับอากาศสดชื่นข้างนอกก็แล้วกัน พราวเพตรารวบดอกไม้ชื่อใหญ่ขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน หญิงสาวยิ้มจางให้ฟ่านหรูก่อนจะเดินออกจากร้าน เท้าเล็กเดินบนทางเท้าผ่านร้านรวงต่างๆ ที่อยู่บริเวณนั้นอย่างไม่เร่งรีบ และทุกย่างก้าวก็เต็มไปด้วยความระมัดระวัง ใช้เวลาสิบห้านาทีเศษหญิงสาวก็มาถึงที่อยู่ของลูกค้า “สวัสดีค่ะ เอาดอกไม้มาส่งให้คุณหลี่ ห้องสามศูนย์สองค่ะ” พราวเพตราแจ้งกับพนักงานที่อยู่ตรงล็อบบี้ของหอพัก รอไม่นานลูกค้าก็เดินลงมารับช่อดอกไม้ด้วยตัวเอง พราวเพตรารับเงินพร้อมโค้งศีรษะให้อีกฝ่ายเป็นการขอบคุณ ก่อนที่จะเดินออกจากล็อบบี้หอพัก หากแต่พอหญิงสาวก้าวพ้นจากบริเวณดังกล่าวได้เพียงแค่สามสี่ก้าว จู่ๆ ก็รู้สึกหน้ามืดขึ้นมา หัวใจของหญิงสาวหล่นวูบไปกองอยู่แทบเท้า พราวเพตราพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะไม่ให้ร่างกายที่กำลังซวนเซล้มลง แต่เป็นไปได้อย่างเหลือเกินเพราะการมองเห็นของพราวเพตราพร่าเลือนลงไปทุกที แต่ก่อนที่ร่างเล็กจะร่วงทรุดไปกองอยู่กับพื้น ใครคนหนึ่งก็เข้ามาช่วยพยุงร่างของเธอเอาไว้ได้ทัน พราวเพตราพยายามเปิดปรือเปลือกตาขึ้นมอง แต่การมองเห็นพร่าเบลอจนหญิงสาวไม่อาจเดาได้ว่าคนที่เข้ามาช่วยนั้นเป็นใคร ทว่าหญิงสาวกลับรู้สึกคุ้นชินกับอ้อมแขนอย่างน่าประหลาด พราวเพตราคิดว่าตัวเองคงเพ้อไปเท่านั้น ชั่วเสี้ยวนาทีต่อมาเปลือกตาสีมุกก็ปิดแน่นพร้อมสติที่ดับวูบลง ร่างไร้สติของพราวเพตราถูกจ้าวไป่เฟิงโอบอุ้มขึ้นสู่อ้อมแขน ขายาวก้าวอย่างมั่นคงตอนที่เดินไปขึ้นรถที่จอดรออยู่ “กลับคฤหาสน์” “ครับคุณจ้าว” เจิ้งสิงรับคำอย่างแข็งขัน เขาเดินไปขึ้นรถคันเดียวกันกับจ้าวไป่เฟิงแต่เป็นที่เบาะนั่งข้างคนขับเพราะทางเบาะโดยสารด้านหลังถูก จ้าวไป่เฟิงกับพราวเพตราจับจองแล้ว ก่อนที่ขบวนรถจะเคลื่อนตามกันออกไป
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม