หลังจากทักทายกับไอเตอร์จบ ฉันเดินส่งตัวเองเข้าไปในโซนออฟฟิศด้านใน ที่เป็นพื้นที่เฉพาะสำหรับพนักงานเท่านั้น บรรยากาศในนั้นเงียบกว่าด้านนอกเล็กน้อย มีโต๊ะทำงานเรียงรายพร้อมเอกสารและแฟ้มงานวางอยู่เป็นระเบียบ ผนังประดับด้วยปฏิทินและแผนงานที่แสดงตารางกิจกรรมประจำเดือน
ฉันนั่งลงที่โต๊ะตัวเอง เปิดคอมพิวเตอร์พร้อมกับหยิบแฟ้มเอกสารขึ้นมาดูอย่างตั้งใจ ขณะที่กำลังเตรียมเช็คลิสต์งานประจำวัน เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ฉันหยิบขึ้นมากดรับ
“สวัสดีค่ะ นุ่นคาแคร์ค่ะ มีอะไรให้ช่วยไหมคะ?”
เสียงปลายสายเป็นเสียงลูกค้าท่านหนึ่งที่โทรเข้ามาสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับบริการล้างรถ ฉันตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลแต่ชัดเจน พร้อมทั้งจดบันทึกข้อมูลอย่างรวดเร็ว
ความวุ่นวายเล็กๆ ในออฟฟิศเป็นสิ่งที่ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนได้กลับมาอยู่ในพื้นที่ของตัวเองอีกครั้ง แม้ว่าจะต้องรับมือกับเรื่องรถยนต์และงานเอกสารที่คาราคาซัง แต่ก็เป็นชีวิตประจำวันที่ฉันรักและเลือกเดินทางนี้อย่างตั้งใจ
ระหว่างที่ฉันกำลังจัดการเอกสารและตอบโทรศัพท์อย่างตั้งใจ จู่ๆ ประตูออฟฟิศก็ถูกผลักเปิดอย่างแรง เสียงฝีเท้าก้าวเข้ามาอย่างรวดเร็ว ฉันเงยหน้าขึ้นมาเห็นพี่เตย พี่คนสนิทที่ช่วยดูแลงานในคาแคร์ด้วยกัน เดินเข้ามาด้วยสีหน้ากังวล
“น้องนุ่นพอดีเลย ไหนๆ ก็เข้าออฟฟิศแล้ว ช่วยดูเอกสารตรงนี้ให้พี่หน่อยสิ พี่ไม่แน่ใจว่าเด็กเรามันออกบิลให้ลูกค้าผิดหรือเปล่า” พี่เตยยื่นแฟ้มเอกสารมาให้ฉัน พร้อมกับเลื่อนแว่นตาลงมานิดหนึ่งเหมือนกำลังตั้งใจสุดๆ
ฉันรับแฟ้มเอกสารมากางออกดูก่อนจะเลื่อนสายตาไล่เรียงทีละแผ่นอย่างละเอียด ใบเสร็จ ใบแจ้งหนี้ บางอันตัวเลขกับรายการเหมือนจะผิดพลาดจริงๆ
“อืม… นี่น่าจะเป็นบิลซ้ำกันกับลูกค้าคนก่อนหน้า แล้วก็ราคาบางอย่างก็เกินด้วย” ฉันพูดอย่างรวดเร็ว พร้อมชี้ให้พี่เตยดู
“ใช่ๆ พี่ก็คิดเหมือนกัน นี่ถ้าไม่แก้ไขให้เร็ว ลูกค้าอาจจะงงแล้วก็เสียความรู้สึกได้” พี่เตยถอนหายใจอย่างโล่งอกที่มีคนช่วยตรวจสอบ
ฉันเก็บเอกสารใส่แฟ้ม แล้วยิ้มให้พี่เตย “เดี๋ยวนุ่นจัดการแก้ไขและส่งต่อให้เด็กในทีมเซ็นต์รับทราบนะคะ”
พี่เตยพยักหน้าอย่างสบายใจ “ขอบใจมากนุ่น งานแบบนี้ละเอียดหน่อย แต่ถ้าเราดูแลดี ลูกค้าก็ไว้ใจมากขึ้นแน่นอน”
ฉันยิ้มรับ แล้วพี่เตยหันมาถามเสียงติดเล่น “แล้วนี่คิดไงถึงได้เข้าออฟฟิศ ปกติจับตัวยากจะตาย”
“พึ่งว่างดิพี่ พ่อเอาแต่ให้ช่วยทำรถลูกค้าที่ร้าน ไหนจะติดเรียนอีก ไม่ว่างเลย” ฉันตอบอย่างตรงไปตรงมา พลางถอนหายใจเบา ๆ
พี่เตยหัวเราะเบา ๆ ก่อนแซว “คิวทองแบบนี้น้องพี่จะมีแฟนกับเขาไหมเนี่ยย”
ฉันหัวเราะเสียงดังขึ้นนิดหนึ่ง “ฮ่า ๆ พี่เตยดูหน้าสิ สวย ๆ แบบนี้ มีแต่คนจีบนะ แต่นุ่นยังไม่เจออ่ะ มันแบบ…ไม่ใช่” ฉันพูดอย่างตรงไปตรงมาพร้อมยักไหล่เล็กน้อย ก่อนจะหันกลับไปจัดการงานต่อด้วยรอยยิ้มที่แฝงความหวังเล็ก ๆ อยู่ในใจ
“แล้วพี่แนะนำให้ไหม รับรองคนนี้เลิศ แถมโครตหล่อ” พี่เตยส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ พลางยื่นโทรศัพท์มาให้ดูรูป
ฉันเลิกคิ้วอย่างสนใจ “ใครหรอพี่”
“รุ่นน้องค่ะ รู้จักกันผ่าน ๆ แบบเป็นญาติกับคนนั้น แล้วคนนั้นเป็นญาติกับคนนี้อีกที” พี่เตยอธิบายพร้อมทำท่าคุยลึกซึ้งเหมือนเล่าความลับ
ฉันหัวเราะ “หล่อจริงป่ะ” ถามติดเล่นแต่ก็แอบหวังคำตอบดี ๆ
พี่เตยยักไหล่ “จริงสิ! พี่เอารูปให้ดู พอดีพี่มีไลน์น้องเขาอยู่ เพราะเขาชอบเอารถมาล้างที่คาแคร์เรา”
ฉันรับโทรศัพท์มาดูรูป พลางยิ้มมุมปาก ความน่าสนใจเพิ่มขึ้นทันที ในรูปเป็นผู้ชายที่…โครตหล่อจริง ๆ ขาวจัด ผิวเนียนแบบไม่ได้พยายาม จมูกคมเป็นสันเหมือนจะลูกครึ่ง แต่ก็มีเค้าความไทยอยู่ครบ ไม่รู้จะอธิบายความหล่อยังไงดี แค่รู้สึกว่าหน้าตามันดึงดูดสายตาแบบแปลก ๆ
“ชื่อแม็ก” พี่เตยเอ่ยขึ้น “น่าจะเป็นรุ่นพี่เรานะ เห็นว่าเรียนสถาปัตย์ มหาลัยเดียวกับนุ่นเลย เคยเจอกันผ่าน ๆ ไหมล่ะ”
ฉันส่ายหน้า ยักไหล่เล็กน้อย “ไม่อ่ะ นุ่นอยู่แต่วิศวะ ไม่เคยเดินไปคณะอื่นเลย”
พี่เตยหัวเราะในลำคอ “ก็จริงของนุ่น อยู่แต่วิศวะ วัน ๆ เจอแต่พวกช่างกับพวกผู้ชายหัวมัน ๆ จะไปเจอหนุ่มสถาปัตย์ได้ไง”
ฉันยักคิ้วขึ้นนิด ๆ ยื่นโทรศัพท์คืน “เอาเป็นว่าหล่อก็จริง แต่ยังไงก็ยังไม่ใช่อยู่ดี”
พี่เตยมองหน้าฉันแล้วทำตาเจ้าเล่ห์ “ไม่ใช่เพราะไม่ชอบ… หรือเพราะตอนนี้มีคนในใจอยู่แล้วกันแน่?”
ฉันชะงักไปนิด ก่อนทำหน้ากวนตอบกลับ “ไม่มี๊… ถ้ามีเดี๋ยวพี่เตยก็รู้เองแหละ”
หลังจากที่ฉันและพี่เตยคุยกันอยู่นาน เสียงจากน้องพนักงานก็ดังลอดเข้ามาเคาะบรรยากาศชิล ๆ ในออฟฟิศ
“พี่เตย! พี่แม็กเอารถมาล้างค่ะ!”
พี่เตยชะงักเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับ “โอเค เดี๋ยวตามไป” จากนั้นเธอก็หันกลับมามองฉันด้วยสายตาเจ้าเล่ห์เต็มที่
“ไปดูไหมล่ะ… เผื่อเจอของจริงแล้วจะเปลี่ยนใจ”
ฉันส่ายหน้าเร็วทันที “ไม่เอาพี่ พี่เตยไปเถอะ เดี๋ยวลูกค้ารอนาน”
“โห่… ไม่ไปจริงหรอ น้าาา” พี่เตยลากเสียงยาว แถมทำหน้าเหมือนเด็กขอขนม “ไปเจอหน่อยก็ได้ ครั้งเดียวนะ นะ”
ฉันถอนหายใจ ยกมือกอดอกมองเธออย่างระอา “พี่นี่นะ… กดดันยิ่งกว่าพ่ออีก” แต่แววตาพี่เตยยังคงล่อใจไม่หยุด
ฉันจำใจเดินตามพี่เตยออกมาจากโซนออฟฟิศที่เย็นสบาย มายังโซนต้อนรับด้านนอก เสียงน้ำแรงดันสูงและกลิ่นโฟมล้างรถตลบอบอวล
สายตาฉันก็สะดุดเข้ากับร่างสูงของผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนรออยู่ด้านหน้า
แม็ก ตัวจริงสูงกว่าในรูปนิดหน่อย ผิวขาวแบบคนดูแลตัวเองดี โครงหน้าเป๊ะ จมูกเป็นสันแบบที่พี่เตยโม้ไว้ไม่มีผิด
พี่เตยยกยิ้มพลางก้าวเข้าไปทักทาย “สวัสดีแม็ก มาล้างรถอีกแล้วเหรอ” ก่อนจะชี้มาที่ฉัน “นี่น้องนุ่น—”
แต่ยังไม่ทันได้แนะนำให้จบ เสียงตะโกนจากโซนล้างรถก็ดังแทรกขึ้นมาเสียก่อน
“เจ๊นุ่น! มาดูตรงนี้หน่อยครับ!” ไอเตอร์โบกมือเรียกเสียงดังจากหลังพวงมาลัยรถของแม็กที่เพิ่งขับเข้าไปในเลนล้าง “ผมว่ารถมันแปลก ๆ เหมือนได้ยินเสียงอะไรไม่รู้ดัง”
ฉันชะงักกลางทาง สายตาหันไปมองไอเตอร์ที่โบกมือเป็นพัลวันอยู่ตรงเลนล้างรถ เสียงน้ำฉีดแรงดันสูงยังดังประกอบฉากอยู่ข้าง ๆ
พี่เตยหันมามองฉันพร้อมยิ้มเจื่อน “ไปเถอะนุ่น เดี๋ยวถ้าเป็นเรื่องจริงแล้วเกิดพังขึ้นมาจะยุ่ง”
ฉันถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะหันไปยิ้มบางให้แม็ก “ขอโทษนะคะ เดี๋ยวขอตัวไปดูรถก่อน”
แม็กพยักหน้าน้อย ๆ พร้อมมุมปากที่ยกขึ้นเล็กน้อย “ตามสบายครับ รถผมเอง ถ้ามีปัญหาอยากให้ช่วยดู” น้ำเสียงเขาเรียบ ๆ แต่ฟังแล้วติดหูอย่างประหลาด
ฉันพยักหน้ารับ ก่อนจะก้าวไปทางเลนล้างที่ไอเตอร์ยืนรออยู่ มือฉันลูบไปตามตัวรถเบา ๆ แล้วเงี่ยหูฟัง เสียงเครื่องเดินเบา ๆ แต่มีเสียงจังหวะสะดุดแผ่ว ๆ แทรกอยู่จริง
“เสียงเหมือนวาล์วไอดีเปิดปิดไม่สม่ำเสมอ…” ฉันพึมพำเบา ๆ ก่อนจะก้มดูรอบเครื่องอีกทีแล้วหันไปสั่งไอเตอร์ “ไอเตอร์ ดับเครื่องแล้วเปิดฝากระโปรงให้หน่อย ฉันอยากดูให้แน่ใจ”
ไอเตอร์ทำตามทันที ขณะที่ฉันดึงผ้าขี้ริ้วจากโต๊ะข้าง ๆ เช็ดมือเล็กน้อย ก่อนโน้มตัวไปตรวจดูด้านในสายตาจริงจัง