ทอส ธีรภพ
เมื่อผมกับพี่ทัชรีบที่กึ่งวิ่งกึ่งเดินมาถึงห้องน้ำของสนามบิน ผมก็ดึงพี่ทัชเข้าไปในห้องอาบน้ำแล้วจัดการกับเสื้อผ้าของทั้งผมและพี่ทัชออกก่อนจะจับแขวนมันไว้ที่แขวนเสื้อผ้าตรงประตูห้องน้ำด้านใน จากนั้นผมจึงรีบเปิดน้ำจากฝักบัวเพื่อชำระร่างกายทันที การกระทำของผมคงสร้างความตกใจให้กับพี่ทัชมากเขาคงจะรู้สึกตกใจแปลกใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นผมถึงพาเขาเข้ามาอาบน้ำด้วยกันแบบนี้
"เดี๋ยวทอส บอกพี่หน่อยได้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้น พี่งงไปหมดแล้ว?!" ผมอดที่จะหัวเราะกับท่าทางของพี่ทัชไม่ได้ที่ยืนงงท่ามกลางสายน้ำจากฝักบัวที่ไหลผ่านใบหน้าของเขาอยู่ตลอดเวลา
"พี่จำท่าทางของไอ้นะได้ไหมตอนที่ผมให้มันมาขอโทษพี่แบงค์น่ะ"
"จำได้ ทำไมเเหรอครับ"
"อาการของไอ้นะที่มันเป็นแบบนั้น เพราะมันเกิดจากสารเคมีบางอย่างที่ผมลงทุนทาตามตัวเพื่อให้มันติดกับผมไง" พี่ทัชได้ฟังแบบนั้นก็รู้สึกตกใจแล้วรีบซักถามผมต่อด้วยความอยากรู้
"ทอส! อย่าบอกพี่นะว่าเราลงทุนเปลืองตัวให้มันติดกับ!!"
"ไม่ถึงขนาดนั้นเหรอกพี่ เพียงแค่มันได้กลิ่นและลิ้มรสไม่เกิน 10 วินาทีอาการก็กำเริบแล้วครับพี่" สีหน้าของพี่ทัชดูคลายกังวลลงเมื่อได้ฟังที่ผมอธิบายเหตุผลก่อนจะมองผมด้วยสายตาเจ้าเล่ห์
"พี่กำลังคิดอะไรอยู่อ่ะ ทำไมทําหน้าแบบนั้น? หยุดความคิดนั้นเดี๋ยวนี้เลยนะ ผมจะปิดน้ำใส่เสื้อผ้าแล้ว.." ในขณะที่ผมกำลังเอื้อมมือไปปิดวาล์วน้ำของฝักบัวก็ถูกฝ่ามือใหญ่รั้งเอวคอดของผมดึงเข้าไปชิดลำตัวแกร่งของเขาก่อนจะใช้ฝ่ามือใหญ่อีกข้างประคองท้ายทอยของผมดึงเข้าหาริมฝีปากหนานุ่มที่รอบดเบียดริมฝีปากบางของผมอย่างตั้งใจ เสียงสายน้ำจากฝักบัวตกกระทบพื้นดังซ่าอยู่ตลอดเวลา ก่อนที่ผมจะควบคุมสติไม่อยู่จึงถือโอกาสรีบดึงริมฝีปากบางของตัวเองออกจากริมฝีปากของพี่ทัชด้วยความรู้สึกเสียดายแต่อีกใจก็รู้สึกผิดต่อตัวเองที่ยอมให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น การดึงริมฝีปากของผมออกจากริมฝีปากของคนตรงหน้าก็ส่งผลให้พี่ทัชกลับมาได้สติอีกครั้งเช่นกัน เราสองคนต่างช่วยกันใช้ผ้าเช็ดตัวเพียงผืนเดียวจากกระเป๋าเป้ที่ผมสะพายเข้ามาด้วยช่วยกันเช็ดตัวและแต่งตัวให้กันอย่างรวดเร็วก่อนจะรีบเดินออกไปหาพี่แบงค์ที่ใกล้เวลาจะขึ้นเครื่องเต็มทีแล้ว
"พี่ขอโทษนะทอสที่เกิดเหตุการณ์เมื่อกี้ขึ้น"
"ผมเองมากกว่าที่ต้องขอโทษพี่ที่ปล่อยให้อารมณ์ของตัวเองนำทางไปสู่ทางไม่ค่อยดีที่มันไม่ควรเกิดขึ้น.." ผมและคนรักเราเดินคุยกันมาตลอดทางจนมาถึงเก้าอี้ที่นั่งผู้โดยสารก็ยังเห็นพี่แบงค์นั่งคุยกับคุณเคอยู่ที่เก้าอี้ที่เดิม ผมจึงเงยหน้าขึ้นมองจอ lcd ที่บอกสายการบินไฟลท์ต่อไปที่พี่ชายของผมต้องออกเดินทาง
"หายไปไหนกันมา พี่นั่งรอตั้งนาน" พี่แบงค์ส่งเสียงถามทันทีเมื่อผมพร้อมพี่ทัชนั่งลงบนเก้าอี้ใกล้ๆ แต่ไม่ทันที่ผมกับพี่ทัชจะตอบอะไร พี่แบงค์ก็พูดแซวเราสองคนจนหน้าแดงไปตามๆ กันอย่างเลี่ยงไม่ได้แต่คุณเคเองกลับยิ้มๆ ในคำพูดแซวของพี่แบงค์ ไม่นานผมกับคนรักและคุณเคก็เดินไปส่งพี่ชายสุดที่รักของผมขึ้นเครื่องบินกลับไทยอย่างปลอดภัย คุณเคกลับมีท่าทางที่แปลกไปหลังจากที่ผมกลับมาจากห้องอาบน้ำของสนามบิน จากนั้นเราทั้งสามคนก็เดินทางกลับมาที่บริษัทของพี่ทัชโดยที่คุณเคได้ขอตัวกลับไปที่ร้านของเขาก่อน
ทัช ธารากร
ตลอดเวลาที่ผมนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะทำงาน ภาพเหตุการณ์ในห้องอาบน้ำของสนามบินยังปรากฏวนเวียนในความทรงจำของผมอยู่ทุกวินาที ส่งผลให้ผมต้องเหลือบตาขึ้นมองน้องทอสหลายครั้ง ที่กำลังนั่งอ่านนิตยสารอยู่ที่โซฟาภายในห้องทำงานของผมด้วยท่าทางน่ารักในสไตล์ของเขา คนอะไรน่ารักขนาดนี้ยิ่งมองก็ยิ่งน่ารัก ผมรู้สึกจะทนต่อความรู้สึกของตัวเองไม่ไหว ความรู้สึกที่อยากอยู่ใกล้ชิดกับน้องเขามากขึ้นผมจึงตัดสินใจวางปากกาลงบนเอกสารแล้วลุกขึ้นจากโต๊ะทำงานเดินเข้าไปหาเขาที่โซฟาด้วยความระมัดระวังแล้วให้มีเสียงเบาที่สุดก่อนที่ผมจะค่อยๆ นั่งลงบนโซฟาแล้วยกมือขึ้นสวมกอดเอวเขาอย่างเบามือ
"เบื่อไหมครับต้องมานั่งเฝ้าพี่ทำงานอยู่แบบนี้" ผมถามเขาอย่างคนรู้สึกผิด
"ไม่เบื่อเหรอกครับ ผมดีใจสะมากกว่าที่ผมได้มาหาพี่ได้เห็นหน้าพี่ทุกวัน เพียงแค่นี้ผมก็มีความสุขแล้วครับแต่สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดในห้องอาบน้ำเมื่อสักครู่นี้ทอสต้องขอโทษพี่ด้วยนะพี่ทัช ถ้าผมไม่ทำแบบนั้นมันก็อาจจะเกิดอันตรายขึ้นกับพี่ได้" ผมกอดกระชับเขามากขึ้นหลังจากได้ยินความรู้สึกผิดของทอส
"ทอสอย่าคิดมากเลยนะครับไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นพี่ยินดีและพร้อมจะดูแลทอสเสมอไม่ว่าจะอยู่ในฐานะอะไรก็ตาม"
"ผมเองก็เช่นกันครับพี่ทัช ผมจะใช้ทุกวินาทีที่อยู่กับพี่ให้มีความสุขมากที่สุดเพราะถ้าหากเปิดเทอมผมก็ต้องบินกลับไทยไปเรียนหนังสือต่อแล้ว"
"พี่ก็จะใช้ทุกวินาทีกับคนรักของพี่ให้มีความสุขเช่นกันนะครับน้องทอสของพี่" หลังจากที่ผมและเขาอธิบายถึงความรู้สึกที่ต่างพร่ำบอกต่อกันจบลง ผมก็อดที่จะลอบหอมแก้มนวลของเขาเสียไม่ได้ เขาเองก็ยินดีให้ผมหอมแก้มนั้นที่เปี่ยมไปด้วยความรักความคิดถึงอยู่บนโซฟาใหญ่ก่อนที่ผมจะลุกจากโซฟามานั่งทำงานต่อด้วยกำลังใจที่เต็มเปี่ยมที่พึ่งได้รับจากเขาจนล้นทั้ง 4 ห้องหัวใจของผม
เวลาผ่านไปเพียงไม่นานก็ได้เวลามื้อกลางวัน ผมเลยถือโอกาสชวนเขาออกไปรับประทานอาหารที่ภัตตาคารหรูที่ไม่ไกลจากบริษัทมากนัก ผมปฏิบัติต่อเขาด้วยความรักและซื่อสัตย์เช่นแต่ก่อนไม่เปลี่ยนแปลง ที่คอยช่วยบริการตักกับข้าว ยกแก้วน้ำให้กันอย่างรู้ใจส่งผลให้อาหารมื้อกลางวันของผมช่างเป็นการทานอาหารที่สุดแสนจะวิเศษ เราใช้เวลารับประทานอาหารเที่ยงไม่นานอาหารที่ถูกจัดวางอยู่บนโต๊ะทานอาหารของภัตตาคารหรูก็ถูกเราสองคนรับประทานอย่างราบคาบด้วยความอร่อยและความสุขที่นานๆ ครั้งจะเกิดขึ้นทีหนึ่ง หลังจากนั้นเราสองคนก็เดินทางกลับไปที่บริษัท ระหว่างทางที่จะกลับบริษัทบังเอิญต้องผ่านร้านขายของฝากของคุณเอ ลูกชายผู้ถือหุ้นในบริษัทของผมแต่สายตาของผมหันไปเห็นทอสที่กำลังกวาดสายตาเข้าไปในร้านเพื่อมองหาใครคนหนึ่งแล้วผมก็เห็นคุณเคกำลังช่วยเด็กในร้านจัดของในร้านของเขาอย่างขะมักเขม้น ทอสเผยรอยยิ้มอย่างสุขใจจนผมสัมผัสได้ถึงความสุขของเขา
"ทอสอยากลองเข้าไปช่วยงานคุณเคไหมครับ ถ้าเหนื่อยก็ค่อยกลับไปพักที่บริษัท สนใจไหม"
"ได้เเหรอครับพี่ทัช.." น้ำเสียงของเขาดูตื่นเต้นอย่างกับเด็กๆ ที่ตอนแรกผมคิดว่าเขาคงจะสนใจคุณเคแต่พอมาเห็นอาการดีใจของเขาในตอนนี้ทำให้ผมรู้แล้วว่าเขาสนใจและอยากจะเข้าไปช่วยงานในร้านคุณเคจริงๆ ไม่ใช่เพราะสนใจในตัวคุณเคอย่างที่ผมเข้าใจในตอนแรก เพราะในร้านขายของคุณเคคงจะมีอะไรแปลกใหม่ มีความน่าสนใจสำหรับเขามากซึ่งต่างจากห้องทำงานของผมที่ต้องอยู่กับกองเอกสารตลอดทั้งวัน เมื่อผมคิดได้แบบนั้นจึงเปิดประตูรถให้ทอสแล้วอนุญาตเขาอย่างเข้าใจ..
"คุณเคครับผมฝากดูแลทอสด้วยนะครับ ใช้งานเขาได้ตามความเหมาะสมเลยครับเพราะเห็นว่าเขาคงจะเบื่อๆ กับงานเอกสารที่บริษัทผม มาอยู่กับคุณคงจะทำให้เขาหายเบื่อได้บ้าง ผมฝากด้วยนะครับ" ผมเปิดกระจกรถทักทายคุณเคที่ออกมาต้อนรับน้องทอสอย่างเป็นกันเอง
"ผมไม่กล้าใช้งานเขาหนักเหรอกครับคุณทัชไว้ใจได้ครับ"
"พี่ทัชงอนผมเปล่าเนี่ย ถึงโบ้ยผมให้คุณเคดูแลแทนแบบเนี้ยะ.."
"เปล่าครับ พี่จะงอนอะไรทอสล่ะ ก็แฟนพี่น่ารักขนาดนี้" ผมไม่ลืมกอดคอเขาเข้ามาหอมแก้มทอสให้ชายอีกคนหนึ่งได้เห็นเหมือนเป็นการแสดงความเป็นเจ้าของกลายๆ ให้อีกฝ่ายได้รู้ว่าเขาคนนี้คือคนของผมนะครับ ถึงแม้ว่าคุณเคจะไม่ได้แสดงออกต่อทอสให้ผมเห็นก็ตามแต่ลึกๆ ในใจของผมและในฐานะที่เป็นผู้ชายด้วยกันทำไมผมจะมองไม่ออกว่าคุณเคก็พอมีใจให้กับคนรักของผมด้วยเช่นกัน ทุกอย่างเลยขึ้นอยู่กับทอสคนเดียวว่าเขาจะเล่นด้วยกับชายหนุ่มรายนี้หรือเปล่าเท่านั้น ก่อนที่ผมจะกล่าวลาทุกคนเพื่อกลับไปทำงานที่บริษัทต่อด้วยความมุ่งหวังว่าทอสคงไม่ทำให้ผมเสียใจหากวันนั้นมาถึงคำพูดทุกอย่างจากปากของเขาคงฟังไม่ขึ้นอีกแล้ว แล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อผมหันไปอีกครั้งก็พบเข้ากับภาพที่คนรักของผมกำลังซบที่อกกว้างของคุณเคบริเวณบนฟุตบาทหน้าร้าน จากภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นความคิดเมื่อสักครู่นี้มันได้อันตรธานหายไปหมด ตอนนี้ผมรู้สึกโกรธและเสียใจมากกับสิ่งที่เห็น ผมรีบยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่กำลังไหลอาบแก้มก็เหลือบไปเห็นน้องทอสลุกขึ้นมาใช้ฝ่ามือเล็กทั้งสองข้างพยายามทุบกระจกด้านข้างคนขับที่ผมนั่งอยู่ เหมือนกับกำลังจะบอกอะไรบางอย่างกับผม แต่นั่นมันก็ไม่ทันแล้วผมรู้สึกเคว้งคว้างบวกกับความเสียใจอย่างหนักก่อนที่จะออกรถไปทันทีโดยไม่หันไปมองเหตุการณ์ด้านหลังอีกเลย
ทอส ธีรภพ
ผมก้าวขาลงจากรถยนต์ของพี่ทัชซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันที่คุณเคเดินเข้ามาเพื่อจะปิดประตูรถให้ผม ก่อนที่ผู้ชาย 2 คนจะพูดคุยทักทายกัน โดยที่ผมก็หันไปพูดคุยกับคนรักที่นั่งอยู่ตรงเบาะคนขับ ไม่ทันระวังตัวเท้าเจ้ากรรมของผมกลับไปสะดุดกับฟุตบาทที่มีความสูงเพียงเล็กน้อยเท่านั้นแต่กลับทำให้ผมล้มเซหน้าคะมำไปด้านหน้าลงกับพื้นฟุตบาทหากไม่ได้แขนแกร่งของคุณเคคว้าตัวเอาไว้ได้ทัน ไม่อย่างนั้นผมคงได้รับบาดเจ็บอย่างแน่นอนแต่นั้นก็ทำให้ผมล้มซบลงอกกว้างของคุณเคโดยไม่ได้ตั้งใจ ทันทีที่ผมได้สติก็รีบดันตัวเองขึ้นจากร่างใหญ่ที่นอนล้มลงไปกับพื้นฟุตบาท ผมรีบหันมาหาคนรักที่รถยนต์ก็เห็นพี่ทัชกำลังมองมาที่เราสองคนด้วยสายตาไม่พอใจปนความตกใจอย่างเห็นได้ชัด ผมเห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งไปที่กระจกฝั่งคนขับพร้อมร้องตะโกนใช้มือทั้งสองข้างถูกกระจกเผื่อเรียกให้คนที่ผมรักเลื่อนกระจกลงฟังคำอธิบายของผมก่อน แต่นั่นกลับไม่เป็นผลไม่ถึงเสี้ยววินาทีรถยนต์ของพี่ทัชก็เคลื่อนตัวออกไปอย่างรวดเร็ว
แล้วรถก็แล่นจากไปผมจึงตัดสินใจวิ่งตามรถยนต์ของเขาอย่างไม่คิดชีวิตจนล้มลงกับพื้นถนนแต่รถยนต์ด้านหน้ากลับไม่มีทีท่าว่าจะจอดหรือจะลงมาจากรถเพื่อจะดูผมเลย พี่ทัชยังคงขับรถต่อไปตามเส้นทางไปจนลับตาและเส้นทางดังกล่าวก็เลยออกไปจากบริษัทที่เขาทำงานอย่างที่ผมคิดเอาไว้ พี่ทัชกำลังจะไปไหน ผมรู้สึกตกใจและร้อนใจเป็นที่สุดจึงขอยืมรถยนต์ของคุณเคเพื่อขับตามไปอย่างกระชั้นชิด ผมขับรถยนต์ตามเขาไปเกือบสิบนาทีก็มาพบรถยนต์ของพี่ทัชจอดอยู่ข้างทางตรงข้ามกับสวนสาธารณะของกรุงเพิร์ธ ผมรีบหาที่จอดรถก่อนจะรีบลงเดินเข้าไปในสวนสาธารณะแห่งนั้นเพื่อตามหาชายคนรักด้วยใจที่ร้อนรนและกระวนกระวายมากจนแล้วจนรอดเวลาผ่านไปเกือบ 15 นาทีผมก็ยังไม่สามารถตามตัวพี่เขาเจอ แล้วเขาไปอยู่ที่ไหน เขากำลังคิดอะไรอยู่ ทำไมไม่ฟังเหตุผลที่ผมกำลังจะอธิบายให้เขาฟังเลยแล้วผมจะทำยังไงต่อไป ขาของผมเริ่มเมื่อยล้าจากการเดินระยะไกลเพื่อตามหาชายคนรักแต่กลับไร้วี่แววของเขาจนผมเดินมาถึงสุดทางเดินของสวนสาธารณะ แล้วสายตาของผมก็ไปพบกับร่างๆ หนึ่งซึ่งกำลังยืนหันหลังให้ผม เขากำลังยืนมองออกไปยังทะเลสาบด้านข้างกับสวนสาธารณะ ผมรู้สึกดีใจและเตรียมจะก้าวขาเข้าไปหาเขาเพื่อจะอธิบายเหตุผลทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้เขาฟังแต่จังหวะนั้นกลับมีชายคนหนึ่งเดินออกมาจากมุมหนึ่งของสวนสาธารณะ ชายคนนั้นเดินเข้าไปประชิดตัวของพี่ทัชก่อนที่จะโอบเอวของเขาแล้วซบศีรษะลงบนไหล่กว้างโดยที่ชายคนรักของผมก็ตอบรับด้วยการยกมือขึ้นกอดเอวแล้วใช้มืออีกข้างประคองศีรษะแล้วลูบเบาๆ อย่างเอ็นดูก่อนที่พี่ทัชจะคลายวงแขนออกจากร่างของชายแปลกหน้าคนนั้น แล้วดึงเข้ามาอยู่ต่อหน้า
ภาพที่ทำให้ผมช็อคและเสียใจสุดขีดก็เกิดขึ้นเมื่อชายคนนั้นกอดรั้งคอของพี่ทัชเข้าไปจุมพิตอย่างดูดดื่มต่อหน้าผม ผมช็อคกับภาพที่เห็นตรงหน้าจนทรุดลงนั่งกับพื้นอย่างหมดแรง นี่มันเกิดอะไรขึ้นทำไมพี่ทัชถึงทำกับผมแบบนี้เพียงเพราะเข้าใจผมผิดถึงกับคิดนอกใจมาพรอดรักกับชายอื่นแบบนี้เลยเเหรอ ผมรู้สึกโกรธและเสียใจจนแทบทำอะไรไม่ถูก น้ำตาของผมเอ่อล้นดวงตาก่อนที่มันจะรินไหลอาบแก้มเป็นทางทั้งสองข้างอย่างมากมายแต่ทำไมเสียงสะอื้นของผมกลับไม่ออกมาทั้งที่ผมกำลังร่ำไห้อย่างหนักก็ตาม ผมพยายามทบทวนเรื่องราวทั้งหมดตั้งแต่วันแรกที่เรารู้จักกัน กระทั่งผมและเขารักกันต้องถูกพรากจากกันด้วยความต่างทางฐานะและเพศสภาพเดียวกัน