ทอส ธีรภพ
ผมรู้สึกดีใจที่สุดเมื่อได้ข่าวว่าคนของพี่ทัชคาดว่าจะตามหาตัวของพี่แบงค์พบ ผม พี่ทัชและคุณเค จึงรีบเดินทางไปที่ตึกแห่งนั้นทันที ผมนั่งกุมมือของพี่ทัชไปตลอดทางด้วยความหวัง ความดีใจและที่สำคัญไปกว่านั้นผมรู้สึกเป็นห่วงพี่แบงค์มาก ไม่รู้ว่าป่านนี้เขาจะเป็นอย่างไรบ้าง ทันทีที่ผมพร้อมทุกคนเดินทางมาถึง ผมก็เห็นคนของพี่ทัชและเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนหนึ่งกำลังยืนพูดคุยกับชายแก่คนหนึ่งซึ่งผมคิดว่าเขาอาจจะเป็นเจ้าของที่นี่ พวกผมจึงเดินเข้าไปเพื่อเจรจาสมทบอีกแรงหนึ่งก็ทำให้ชายแก่คนนั้นอนุญาตให้พวกเราขึ้นไปยังห้องที่คิดว่าพี่แบงค์ของพวกผมจะอยู่ ชายแก่คนนั้นกลับมีสีหน้าวิตกกังวลเป็นอย่างมากเพราะไม่สามารถที่จะทำอะไรได้เนื่องจากมีอาการพิรุธเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงคอยควบคุมตัวเขาอยู่ตลอดเวลา จนมาถึงหน้าห้องๆ หนึ่งจากนั้นชายแก่คนเดิมก็เป็นผู้เคาะประตูห้องไม่นานก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินมาเปิดประตูให้เราก่อนที่เด็กหนุ่มลูกฝรั่งคนนั้นจะมีสีหน้าตกใจ ดูหวาดกลัวเป็นอย่างมากเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อนที่จะรีบดันประตูปิดใส่พวกเรา
ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ผลักประตูเข้าไปอย่างแรงแล้วแสดงตัวจับกุม ผมเดินเข้าไปภายในห้องแล้วรู้สึกตกใจมากเมื่อผู้คนภายในห้องล้วนแล้วแต่เป็นชายวัยกลางคนที่กำลังมีความสุขกับการมีเซ็กหมู่อย่างโจ่งแจ้ง ผมรีบเดินหาพี่แบงค์โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ด้านข้างเพื่อคอยระวังภัยให้ ผม พี่ทัชเดินมาถึงหน้าห้องอีกห้องหนึ่งที่อยู่ภายในห้องใหญ่ที่เราเข้ามา ผมได้ยินเสียงใครสักคนกำลังเจรจาอะไรสักอย่างกันอยู่ภายใน ผมไม่รอช้าก่อนจะบิดลูกบิดประตูเข้าไปก็แทบช็อคเมื่อพี่แบงค์ของผมกำลังถูกใครคนหนึ่งนั่งคร่อมอยู่บนตัวของเขาด้วยท่าทางหื่นกระหาย ผมรีบวิ่งเข้าไปแล้วใช้เท้ายันชายคนนั้นจนกระเด็นแล้วประคองตัวพี่แบงค์ขึ้นมาจากเตียงใหญ่ พี่แบงค์ดูหวาดกลัว ตกใจและมีน้ำตานองหน้าอย่างน่าสงสาร ก่อนที่ผมจะดึงตัวพี่แบงค์เข้ามากอดเพื่อปลอบขวัญ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าจับกุมชายคนนั้นใส่กุญแจมือในสภาพเสื้อผ้าหลุดลุ่ย ส่วนพี่แบงค์ยังมีเสื้อผ้าห่อหุ้มร่างกายอยู่ครบทุกชิ้น ทำให้ผมรู้สึกโล่งใจขึ้นมาบ้าง ผมก็ยังอดเป็นห่วงพี่ชายของผมที่ยังคงร้องไห้ตัวสั่นสะท้านด้วยอาการหวาดกลัวปนตกใจอยู่ภายในอ้อมกอดของผมไม่ได้
"พี่แบงค์ไม่เป็นไรนะครับ ผมอยู่ตรงนี้แล้วนะครับ ไม่มีใครทำอะไรพี่แล้วนะครับพี่ปลอดภัยแล้วนะ" ผมกอดแล้วพูดปลอบโยนพี่ชายที่ผมรักอยู่ตลอดเวลาแต่ก็ไม่ทำให้พี่แบงค์หายจากอาการหวาดระแวง ยังคงดูตกใจกลัวไม่หาย ผมควรจะทำยังไงต่อไปดี ผมเห็นอาการของพี่ผมเป็นแบบนี้ผมก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ตามด้วยความสงสารพี่ชายคนนี้เป็นที่สุด ระหว่างนั้นผมก็ได้ยินพี่ทัช คุณเค และเจ้าหน้าที่ตำรวจคุยกับไอ้ชายคนนั้น ก็ได้ความว่าพี่แบงค์ถูกมันลวงมาที่ห้องแห่งนี้โดยอ้างตัวว่ามันเป็นถึงเจ้าหน้าที่ของกงสุลไทยประจำกรุงซิดนีย์เพื่อนำตัวมาค้ากามให้กับเหล่าเกย์ไฮโซแก่ทั้งหลาย หลังจากนั้นเมื่อหมดความนิยมจากเหล่าเกย์ไฮโซแก่ๆ ทั้งหลายแล้วก็จะส่งตัวไปใช้แรงงานที่ชายแดนออสเตรเลียเป็นลำดับต่อไป
หลังจากที่ทุกคนภายในห้องใหญ่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มาสมทบกำลังเพิ่มอีกกว่า 20 นายก็สามารถรวบตัวผู้ก่อเหตุได้ทั้งหมด ซึ่งก็มีเด็กหนุ่มจากประเทศไทยกว่า 10 คนและชายแก่ต่างชาติกว่าอีก 20 คน เหตุการณ์นี้ทำให้ผมรู้สึกตกใจมากและไม่คิดเลยว่าคนไทยจะมาทำร้ายคนไทยด้วยกันเอง ผมเดินประคองพี่แบงค์ออกมาจากห้องใหญ่เพื่อจะให้การกับตำรวจที่ด้านหน้าห้องโดยพวกเราจะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีกับชายคนนั้นให้ถึงที่สุดแต่ไม่น่าเชื่อที่ชายคนนั้นกลับไม่มีทีท่าสะทกสะท้านกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหรือการถูกคุมตัวของตัวเองเขาเลย ยังจะส่งรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ให้กับพี่แบงค์อยู่เป็นระยะซึ่งสร้างความหวาดกลัวและหวาดระแวงแก่พี่แบงค์ทุกครั้งที่สบตากับมัน จนผมต้องรีบพาพี่แบงค์ลงมาด้านล่างเพื่อไปรอในรถยนต์ที่จอดอยู่ด้านหน้าตึกในขณะที่พี่ทัช คุณเคกำลังไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ โดยพี่ทัชให้เราสองคนพี่น้องเดินทางกลับไปที่คอนโดก่อน ผมและพี่ชายมาถึงคอนโดก็พาพี่ชายที่ยังคงอยู่ในอาการหวาดกลัวเข้าไปพักผ่อนภายในห้องรับรองที่พี่ทัชเป็นคนจัดให้ ผมค่อยๆ ประคองพี่ชายนั่งบนเตียงก่อนที่ผมจะขึ้นไปนั่งอยู่ด้านข้างตัวเขาด้วยแล้วพยายามพูดปลอบโยนให้เขารู้สึกผ่อนคลายกับอากาศที่กำลังรุมเร้าเขาอยู่ด้วยความหวังแต่ยิ่งพูดมากเท่าไหร่พี่แบงค์ก็ยังคงร่ำไห้หนักขึ้นทุกที ผมจึงไม่สามารถที่จะพูดอะไรต่อไปได้ ณ ตอนนี้ทำได้เพียงสิ่งเดียวก็คือโอบกอดพี่ชายคนที่ผมรักอยู่ภายในอ้อมแขนจนเขาหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อนในที่สุด ทั้งที่มีหยดน้ำตาไหลอาบแก้มเป็นทาง ผมรู้สึกสงสารและเห็นใจพี่แบงค์มากๆ ผมก็มีน้ำตารินไหลไม่ต่างจากพี่ชายของผมจนหลับคู่กับเขาไปเช่นกัน
ทอส ธีรภพ
เวลาผ่านไปไม่นานพี่ทัชก็กลับมาพร้อมกับคุณเคและเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกหนึ่งคนเพื่อจะมาสอบปากคำพี่แบงค์ ผมค่อยๆ ประคองศีรษะของพี่แบงค์ให้หนุนหมอนแล้วเดินตามพวกเขาออกไปจากห้องนอนรับรอง ผมเดินไปนั่งที่โซฟาด้านข้างพี่ทัชโดยมีคุณเคกับตำรวจนายนั้นนั่งรออยู่แล้ว ภายในมือของตำรวจมีแฟ้มเอกสารพร้อมปากกาเตรียมจดคำให้การจากผมแต่ก่อนที่ผมจะให้การแก่ตำรวจผมก็ชิงถามถึงข้อสงสัยออกไปก่อน
"ตกลงคนไทยคนนั้นเขาเป็นใครครับทำไมเขาถึงกล้าทำกับพี่ชายผมขนาดนี้!?" เจ้าหน้าที่ตำรวจมีสีหน้าดูเครียดแล้วตอบคำถามผมด้วยความรู้สึกเอือมระอาจนเห็นได้ชัด
"... ผู้ต้องหานายนี้ชื่อนทีหรือนะครับ เขาทำอาชีพเป็นเด็กเสิร์ฟในร้านอาหารชื่อดังในกรุงเพิร์ธบังหน้า กลับไม่มีใครคาดคิดครับว่าเขาจะกลายเป็นผู้ร้ายเปิดธุรกิจค้ากามให้กับเกย์ไฮโซ คนมีเงินมากมายทั่วประเทศของเรา ซึ่งเขาจะมีวิธีการและกลยุทธ์เพื่อหลอกล่อให้เหยื่อตายใจแล้วลวงไปที่คอนโดก่อนจะทำร้ายร่างกายของเหยื่อหากไม่ยินยอม เมื่อเขาได้พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเหยื่อเป็นที่เรียบร้อย เขาก็จะส่งต่อให้กับกลุ่มเกย์ไฮโซ ได้ใช้บริการซึ่งจะเป็นรูปแบบสวิงกิ้ง ตามแต่ลูกค้าของเขาต้องการ บางครั้งมีเหยื่อเพียงคนเดียวแต่กลับมีลูกค้าเป็นสิบรายก็เคยเกิดขึ้นมาแล้ว คนที่จะตกเป็นเหยื่อของเขาส่วนมากจะเป็นคนไทยเสียส่วนมาก เนื่องด้วยผู้ต้องหารายนี้เป็นลูกชายของผู้มีอิทธิพลที่ย้ายถิ่นฐานมาจากประเทศไทย มาขยายอิทธิพลและตั้งรกรากที่ออสเตรเลียเมื่อ 10 กว่าปีก่อนจึงไม่มีผู้ใดหรือตำรวจคนไหนจะสามารถจับกุมหรือควบคุมตัวเขาไว้ได้นาน เพราะหากเรื่องนี้พ่อของเขารู้เรื่องเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต้องยอมปล่อยตัวผู้ต้องหาคนนี้ไปเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ซ้ำร้ายไปกว่านั้นเมื่อเหยื่อหมดความน่าสนใจจากลูกค้าเขาก็จะส่งเหยื่อเหล่านั้นไปที่ชายแดนต่อไปเพื่อไปใช้แรงงานที่ได้ค่าตอบแทนเพียงน้อยนิดในการประทังชีวิตเพื่อให้รอดตาย โดยระยะหลังมานี้เขาจะตระเวนหาเหยื่อรายใหม่เพิ่มขึ้นแทบทุกวันเพื่อจัดส่งออเดอร์ให้กับลูกค้าภายในกรุงเพิร์ธและเมืองต่างๆ ของออสเตรเลียและนับว่าเป็นธุรกิจที่ได้รับความนิยมกำลังรุ่งเรืองสำหรับเขา ผมเองก็ไม่รู้จะทำยังไงไม่มีวิธีการใดเลยที่จะสามารถจับกุมเพื่อควบคุมตัวเขาเพื่อให้ได้รับโทษตามที่เขาควรจะได้รับครับ"
ผมได้ฟังเรื่องราวที่เจ้าหน้าที่ตำรวจนายนั้นเล่า ถึงกลับรู้สึกตกใจจนทำอะไรไม่ถูก แม้แต่กฎหมายยังทำอะไรเขาไม่ได้แล้วจะมีวิธีใดที่จะหยุดเขาได้ หลังจากที่ผมฟังเรื่องราวจบลงความคิดหนึ่งของผมก็เกิดขึ้นซึ่งผมไม่ได้บอกใคร ผมจะเป็นคนนำตัวมันมากราบขอโทษพี่แบงค์ของผมด้วยตัวผมเอง จากสิ่งที่ผมรับรู้และได้สัมผัสจากพี่แบงค์พี่ชายคนที่ผมรักมากที่สุด เขาต้องเจ็บปวดมากขนาดไหน เขาถึงดูหวาดระแวงทุกอย่างจนไม่พูดจาอะไรกับใครแม้แต่ตัวผมเองเขาก็ยังไม่เอ่ยปากบอกเล่าอาการอะไรให้ผมได้รับรู้เลย พี่เขาคงยังรู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ก็เป็นได้ ผมขออนุญาตทุกคนเข้าไปดูแลพี่แบงค์ต่อปล่อยให้ชายหนุ่มทั้งสามคนนั่งคุยกัน เพื่อจะหาทางดำเนินการต่อไปในการเอาผิดคนที่คิดจะทำร้ายพี่ชายของผมและผมก็เชื่อว่าพี่ทัชน่าจะสามารถช่วยพวกเราได้..
กลางดึกคืนนั้นผมสะดุ้งตกใจตื่นด้วยเสียงร้องโวยวายของพี่แบงค์ คงจะเป็นเพราะความหวาดกลัวจึงนำเก็บไปฝันแล้วร้องโวยวายขึ้นท่ามกลางความเงียบสงบภายในห้องนอน
"อย่า!!… อย่าเข้ามา!… ออกไปนะ!… ออกไป!!..."
"พี่แบงค์!?.. พี่แบงค์ผมอยู่นี่.. ผมอยู่นี่ครับ..." ผมรู้สึกสงสารพี่แบงค์จับใจก่อนจะพยายามเขย่าตัวให้เขาตื่นลืมตาขึ้นมาจากฝันร้าย
"ทอสช่วยพี่ด้วย!!" ทันทีที่พี่แบงค์ลืมตาขึ้นก็ผวาเข้าสวมกอดผมอย่างหวาดกลัวและหาที่พึ่ง
"โถ่! พี่แบงค์ มันทำกับพี่ขนาดนี้เลยเเหรอเนี่ย.." ส่งผลให้พี่ทัชรีบเปิดประตูเข้ามาดูสถานการณ์หลังจากได้ยินเสียงร้องนั้น แล้วขอนอนในห้องนอนนี้ด้วยเพื่อช่วยผมดูแลพี่แบงค์อีกคน
"พี่แบงค์ไม่เป็นอะไรแล้วนะครับตอนนี้ผมกำลังให้ทนายของผมจัดการเรื่องนี้ให้พี่อยู่ ใจเย็นๆ นะครับต่อไปนี้จะไม่มีใครมาทำร้ายพี่ได้อีก เชื่อผม.." พี่ทัชค่อยๆ ลงนั่งด้านข้างพี่แบงค์อีกฝั่งหนึ่งก่อนจะบอกในสิ่งที่เขากำลังช่วยพี่ชายของผม แม้กระทั่งที่พี่ทัชนั่งลงด้านข้างเขา พี่แบงค์ก็ยังรู้สึกระแวงจนต้องขยับตัวมาหาผมอย่างหวาดๆ ผมเองก็พยายามพูดอธิบายถึงความตั้งใจของเราทั้งสองคนที่ต้องการจะช่วยเขาและจะรีบดำเนินการเอาผิดกับคนที่ทำร้ายพี่เขาได้ฟังในความตั้งใจของเราทั้งสองคน พี่แบงค์ดูผ่อนคลายลงก่อนจะค่อยๆ ล้มตัวลงนอนหลับไปอีกครั้งโดยมีเราสองคนนอนเฝ้าดูแลอยู่ข้างๆ
ทอส ธีรภพ
สองวันต่อมาสิ่งที่ตำรวจนายนั้นเล่าให้พวกเราฟังก็เกิดขึ้นเพราะนายนะได้ออกมาจากห้องขังสถานีตำรวจอย่างหน้าตาเฉยเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ที่สำคัญมันยังมาหาพวกเราที่บริษัทของพี่ทัชด้วย แหละนั่นยิ่งทำให้พี่แบงค์กลับมามีอาการหวาดกลัวอีกครั้ง รบเร้าให้ผมพากลับบ้านที่ประเทศไทยทันที ในขณะที่คุณเคกับผมเราสองคนสนิทกันอย่างรวดเร็ว มีความรู้สึกที่ดีต่อกัน ห่วงใยและรู้สึกผูกพันกันอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนราวกับว่าผมมีพี่ทัชเพิ่มขึ้นอีกคนหนึ่งแล้วหรือจะพูดง่ายๆ ก็คือคุณเคเป็นแฝดคนที่สามรองจากพี่ทัชและพี่แบงค์นั่นเอง สำหรับพี่แบงค์เป็นไปไม่ได้เพราะผมทั้งสองคนเรารักกันในแบบพี่น้อง สำหรับคุณเคเวลาเพียงไม่กี่วันทำไมมันทำให้ผมรู้สึกดี มีความสุขทุกครั้งที่อยู่ใกล้กับเขาทั้งที่เขาก็รู้ว่าผมมีคนรักคือพี่ทัช เขาก็พูดคุยกับผมเป็นปกติเหมือนตอนที่เขาเพิ่งรู้ว่าผมกับพี่ทัชเป็นคนรักกันก็ตาม ผมสัมผัสได้ถึงความรู้สึกความต้องการของเขา เท่าที่สังเกตคุณเคไม่เคยคิดจะแย่งผมหรือแยกตัวผมออกจากพี่ทัชเลยแม้แต่น้อย เขากลับสนับสนุนคอยช่วยเหลือในความรักของเราสองคนตลอด
ขณะที่เขาอาจจะรู้สึกเจ็บปวดแต่เขาก็ทำเพราะนั่นอาจจะเป็นความต้องการของเขาจริงๆ ที่เขาทำด้วยหัวใจอันบริสุทธิ์ไม่หวังสิ่งตอบแทน ทำไมสิ่งเหล่านั้นกลับทำให้ผมรู้สึกดี ทำให้ผมรู้สึกว่าผมเริ่มจะขาดผู้ชายคนนี้ไม่ได้ วันนี้ผมและพี่แบงค์ต้องบินกลับไทยเพื่อจะพาพี่แบงค์กลับบ้านเพื่อให้เกิดความสบายใจในการใช้ชีวิตที่ควรจะเป็นปกติสุข ที่ผู้ชายดีๆ คนหนึ่งอย่างพี่แบงค์ควรจะได้รับ ถ้าหากผมกลับประเทศไทยผมก็ไม่รู้อีกว่าจะอีกนานแค่ไหนที่ผมจะได้กลับมาที่นี่อีก เพราะพี่แบงค์คงรู้สึกไม่ดีทั้งยังรู้สึกกลัวกับเหตุการณ์ร้ายๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศนี้เสียแล้ว ผมจะทำยังไงต่อไปเมื่อหัวใจของผมเพิ่งได้มาเจอชายคนรักที่พลัดพรากกันมาเป็นเวลาหลายปี ท้ายที่สุดที่เราเพิ่งได้เจอได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันไม่ถึง 4 วันเลยด้วยซ้ำ มันยังไม่คุ้มค่ากับการรอคอยมาเป็นเวลานานที่ผมต้องการจะเจอชายคนนี้ อีกใจก็รู้สึกผูกพันกับชายอีกคนอย่างไม่รู้ตัวมาก่อนอีก ผมควรจะทำยังไงดี เมื่อหนึ่งคนก็ยังรักอีกหนึ่งคนก็เริ่มผูกพัน...
ทัช ธารากร
วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่น้องทอสซึ่งเป็นคนรักของผมจะได้อยู่กับผมมันไม่ยุติธรรมเลยที่เราสองคนรอเวลาหลายปีเพื่อที่จะได้เจอกันครั้งหนึ่ง แล้ววันนี้เราก็ได้เจอกันจริงๆ แต่ทำไมถึงให้เวลาเราน้อยแบบนี้ ผมรู้สึกว่ามันไม่คุ้มค่ากับวันเวลาที่ผ่านเลยที่ผมตั้งใจเฝ้าคอยเพื่อที่จะเจอกับเขา ผมนั่งทบทวนถึงเรื่องการพบเจอกันระหว่างผมและน้องทอสพลางยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูก็ปรากฏว่าเหลือเวลาอีกไม่ถึง 2 ชั่วโมงครึ่งก็จะถึงเวลาที่เที่ยวบินของทอสและแบงค์ต้องเดินทางกลับไทย ณ ตอนนี้ผมกลับไม่เห็นน้องเขาเลยหลังจากที่เขาขอตัวไปเข้าห้องน้ำเมื่อ 20 นาทีก่อน ป่านนี้ก็ยังไม่กลับมาผมรู้สึกร้อนใจแปลกๆ จึงรบกวนให้คุณเคช่วยดูแลแบงค์แทนผมก่อนสักครู่ ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งผู้โดยสารขาออกของสนามบินไปตามเขาที่ห้องน้ำตามที่บอก