บทที่ 13 "หมาหอนเป็นใจ"

1966 คำ
"จองบ้าจองบออะไรล่ะ โซไม่ใช่สินค้านะ" หลังจากที่ถูกคนเจ้าของริมฝีปากที่ทำให้ปากของเธอสั่นระริกผนวกกับเห่อร้อนอย่างกับอยู่ใกล้เตาถ่านพูดคำว่าจองออกมาแล้ว ก้อนเนื้อตรงบริเวณหน้าอกข้างซ้ายก็พร้อมใจกันเต้นรัวแรงเป็นกลองสามช่าทันที จนโซดาต้องตอบโต้กลับด้วยท่าทางเหนียมอายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนกลับไป เอาจริงๆ ตอนนี้เธออยากวิ่งหนีกลับไปที่เต็นท์มาก แต่พอลองขยับตัวจะออกจากอ้อมกอดของคนตัวสูงที่กำลังกอดเธออยู่ตอนนี้ เธอกลับขยับตัวไม่ได้ซะงั้น "พี่ปล่อยโซก่อน ยืนกอดแบบนี้ไม่อายฟ้าดินหรือไง" "อายทำไม ดีออกฟ้าดินจะได้เป็นพยานให้ฉันด้วย ว่าฉันพูดจริงทำจริง ถ้าไม่เชื่อเธอรอดูได้เลย แล้วก็...เตรียมตรงนี้ให้ดีด้วยล่ะ เผลอเมื่อไหร่ฉันเอามาครอบครองแน่" พระพายพูดด้วยสีหน้ายิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมกับใช้นิ้วชี้ ชี้ลงไปบนหน้าอกด้านซ้ายของโซดาประกอบคำพูดไปด้วย ขณะที่สายตาแฝงรอยยิ้มก็จ้องมองดวงหน้าสวยที่กำลังทำตัวไม่ถูกไม่วางตา ชอบจัง...จู่ๆ เขาก็รู้สึกชอบท่าทางที่ทำตัวไม่ถูกตอนนี้ของคนตัวเล็กตรงหน้าจัง เพราะมันเป็นท่าทางใหม่ที่เขาได้เห็นนอกเหนือจากท่าทางเฉยเมยแข็งกระด้างพวกนั้นที่เห็นเป็นประจำ ซึ่งเอาจริงๆ มันน่ารักมาก โดยเฉพาะสายตาดุๆ นั้นที่เปลี่ยนไป...พอมันแฝงไปด้วยความเขินแล้วก็น่ารักขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เชี่ยเอ้ย นี่เขาผีเข้าหรือเปล่าวะ ถึงได้เป็นได้มากขนาดนี้ "อะฮั่ม!" ขวับ! "อาจารย์!" ผลั่ก! "เอ่อ...เราไม่ได้กอดกันนะคะอาจารย์ เมื่อกี้หนูจะล้มรุ่นพี่เขาก็เลยช่วยดึงจนเป็นภาพ...อย่างที่เห็นค่ะ" ทันทีที่เห็นผู้มาใหม่เป็นอาจารย์ทศพลโซดาก็ตกใจหน้าเต็นท์ว๋อรีบผลักพระพายกระเด็นจนเกือบจะหงายหลังลงธารน้ำทันที ก่อนที่จะรีบร้อนแก้ตัวอย่างเป็นตุเป็นตะ ขณะที่พระพายกำลังยืนหน้าซีดเพราะเกือบจะหงายหลังลงธารน้ำไปแล้ว ตั้งสติได้ก็รีบตั้งตัวกลับมายืนอย่างมั่นคงอีกครั้งในเวลาต่อมาพร้อมกับวางมาดยืนล้วงมือในกระเป๋ากางเกงทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นต่อไป ในขณะที่อาจารย์ทศพลยืนมองดูสองนักศึกษาสลับไปมาผ่านความเงียบไม่เอ่ยพูดอะไรออกไป โซดาก็ยืนตัวเกร็งประหม่าจนทำตัวไม่ถูกและอึดอัดกับสายตาของอาจารย์ทศพลที่กำลังมองพวกเธออย่างเงียบๆ สุดท้ายเธอจึงเลือกที่จะก้มโค้งให้อาจารย์ทศพลแล้ววิ่งหนีกลับไปที่เต็นท์ในที่สุด เหลือไว้เพียงอาจารย์หนุ่มวัยสามสิบห้ากับนักศึกษาหนุ่มวัยยี่สิบเอ็ดยืนมองตากันเงียบๆ ต่อ "ถ้าอาจารย์ไม่มีอะไรจะคุย งั้นผมขอตัวครับ" พระพายที่ยังเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงอยู่ว่าจบก็ก้มโค้งเบาๆ ให้อาจารย์ประจำโครงการ ก่อนจะเดินผ่านอาจารย์กลับไปที่เต็นท์ตัวเองเช่นกัน ปล่อยให้อาจารย์ทศพลที่มองตามหลังยืนส่ายหน้าเบาๆ ก่อนที่จะเดินไปล้างมือที่ลำธารตามความตั้งใจต่อ . . . หลายชั่วโมงต่อมา... หลังจากที่วันนี้ทั้งวันนักศึกษาทุกคนได้ช่วยงานฟื้นฟูโรงเรียนของเด็กๆ ในหมู่บ้านเสร็จไปอย่างเรียบร้อย ทานข้าวทำกิจกรรมเล็กๆ น้อยๆ เสร็จ ก็พอดีกับดวงอาทิตย์ตกท้องฟ้ามืดค่ำพอดี นักศึกษาทุกคนจึงได้เวลาเข้าที่พักเพื่อพักผ่อนกันตามอัธยาศัย เต็นท์นักศึกษาไม่ได้บังคับว่าต้องจัดแบ่งเป็นกลุ่มแยกชายหญิง อาจารย์อนุญาตทำตามใจชอบใครจะกางเต็นท์นอนที่ไหนก็ได้ขอเพียงเป็นพื้นที่ที่กำหนดให้เท่านั้น เพราะไม่อยากให้นักศึกษาทุกคนอึดอัดและอยากให้ทุกคนสนุกเหมือนได้มาพักผ่อน สิ่งที่อาจารย์ทศพลหวังไว้มีเพียงอยากให้หัวใจนักศึกษาผ่อนคลายไม่เครียดและการมาฟื้นฟูครั้งนี้ก็เพื่อทำประโยชน์ต่อผู้อื่นแต่ได้ประโยชน์แก่ร่างกายตัวเองไปด้วย จิตใจสงบ สมองปลอดโปร่ง นั่นคือเป้าหมายของอาจารย์ที่จัดตั้งโครงการนี้ขึ้นมา ส่วนนักศึกษาคนไหนจะได้ความรักกลับไปจากโครงการนี้ก็สุดแล้วแต่ความปรารถนา... หลังจากที่อาจารย์ทศพลได้ยืนมองความเรียบร้อยของนักศึกษาที่ทยอยเข้าที่พักของตนเองเรียบร้อยแล้ว ก็ได้หมุนตัวเดินกลับไปที่พักของตนเอง...แต่หารู้ไม่ว่าภายใต้ลมพัดโชยเบาๆ ให้ความรู้สึกอบอุ่นหัวใจในค่ำคืนอันเงียบสงบนี้ กำลังพัดอากาศเย็นๆ จนทำให้ขนตามร่างกายลุกขึ้นตั้งชันกันอย่างพร้อมเพรียงขึ้นมาดื้อๆ ทำให้โซดาที่นั่งแปะแผ่นมาสก์หน้าลายเสือไว้บนใบหน้าในเต็นท์ของตนเองพึมพำออกมาด้วยน้ำเสียงกังวลกลัว "อะไรวะเนี่ย จู่ๆ อากาศก็หนาวขึ้นมาดื้อๆ เลย" บรู๊ววววว~ สิ้นเสียงประโยคของโซดาไม่ถึงหนึ่งวินาที จู่ๆ เสียงหมาก็หอนลากยาวฟังดูโหยหวนจนหลอนเบาๆ ทำให้โซดาที่ชะงักนิ่งไปก่อนหน้านี้ขยับใบหน้าเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ เพื่อจะได้ฟังออกว่าเสียงหลอนหูนี้ดังมาจากทางไหนแต่ยิ่งเงี่ยหูฟังก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงความหลอน จากที่ขนลุกเพราะอากาศที่หนาวเย็นก่อนหน้านี้จู่ๆ มันก็ลุกขึ้นซู่อีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงหมาหอนอย่างโหยหวนดังเข้ามาใกล้มากขึ้นจนรู้สึกหวาดกลัวไปหมด ให้ตายเถอะ สถานการณ์แบบนี้เธอไม่ค่อยชอบเลยสักนิด ทั้งอากาศทั้งเสียงที่ไม่ได้รับเชิญจนทำให้ขนลุกซู่ท้องไส้ปั่นป่วนแบบนี้ บรู๊ววววว~ "โอ้ย ไอ้หมาบ้าเอ้ย! จะมาหอนอะไรเวลานี้เนี่ย คนยิ่งกลัวๆ อยู่" คิ้วเรียงสวยขมวดเข้าหากันอย่างตึงเครียด พร้อมด้วยความรู้สึกกลัวที่ถาโถมเข้ามาจนแทบนั่งไม่ติด บรู๊วววว~ "โอ๊ย ไม่อยู่มันแล้วโว้ย!" สุดท้ายโซดาที่นั่งแทบไม่ติดเพราะความกลัวผีขึ้นสมองก็ต้องเผ่นแน่บออกจากเต็นท์ของตัวเองวิ่งไปหาเต็นท์ของพระพายที่กางไว้ห่างประมาณสิบก้าวทันที ถึงเต็นท์พี่รหัสปุ๊บเธอก็จัดการรูดซิปเปิดออกแล้วรีบเข้าไปด้านในเต็นท์ของพระพายทันที ทำให้พระพายที่กำลังจะล้มตัวนอนชะงักตัวค้างอยู่ในท่านั่งเหมือนเดิมพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นมองคนที่นั่งหันหลังให้อย่างสงสัยว่าใครที่วิ่งเข้ามาในเต็นท์ของเขาแบบนี้ แต่พอนึกขึ้นได้ว่าต้องเป็นสาวๆ ที่ชื่นชอบและหมายปองในตัวเองแล้ว ใบหน้าหล่อเหลาก็ออกอาการไม่พอใจทันที "วิ่งเข้ามาในเต็นท์ฉันแบบนี้ อยากตายหรือไง" เสียงทุ้มเข้มฟังดูไม่พอใจอย่างชัดเจนเอ่ยถามออกไปด้วยความขึ้งโกรธ ไม่ว่าจะเป็นลูกเต้าเหล่าใครที่กำลังชอบเขาจนต้องทำเรื่องงามไส้แบบนี้ เขาก็ไม่ชอบทั้งนั้น ของขาดก็จริง แต่ก็ไม่คิดที่จะเอาใครง่ายๆ มาแก้ขัดนะโว้ย! "..." แต่ผู้หญิงที่นั่งหันหลังเงียบไม่ยอมตอบเขาตอนนี้ก็เหมือนจะสร้างความหงุดหงิดได้เท่ากับหมาโง่ๆ พวกนั้นที่กำลังหอนตอนนี้เลยแม่ง เป็นอะไร นั่งตัวแข็งทื่อเป็นพระรอญาติโยมก้มกราบไปได้ "แม่งเอ้ย เป็นใบ้หรือไงห้ะ ถ้าคิดจะมาอ่อยฉันถึงเต็นท์แบบนี้หยุดความคิดนั้นเดี๋ยวนี้เลยนะแล้วก็เชิญใส่หัวออกไปจากเต็นท์ฉันด้วย" ขวับ! "เชี้ย!" "โซเอง" "โซดา? เล่นบ้าอะไรของเธอเนี่ย แปะแผ่นบ้าอะไรบนหน้าแบบนั้น" ทันทีที่โซดาตัดสินใจหันหน้าไปเผชิญกับพระพายที่นั่งอยู่ข้างหลัง เจ้าของเต็นท์อย่างพระพายก็ถึงกับตกใจอุทานคำหยาบพร้อมกระเถิบถอยหลังหนีติดเต็นท์ทันทีด้วยสภาพหน้าเหวอหายใจแรงอย่างกับไปวิ่งมาราธอนมายังไงอย่างนั้น "มันเป็นแผ่นมาสก์หน้า" บรู๊ววววว~ หมับ! O_o "..." "พี่ได้ยินเสียงนั้นไหม" "ดะได้ยิน แต่...ตอนนี้ชะช่วยเอามือของเธอออกจากตรงนั้นของฉันก่อนได้ไหม เดี๋ยวมันตื่น" พรึบ! "...ขอโทษไม่ได้ตั้งใจ" โซดารีบเอามือออกจากตรงกลางกายของพระพายทันทีหลังจากที่ก่อนหน้านี้ตกใจเสียงหมาหอนแล้วตะครุบเข้าหาพระพายแต่เผลอเอามือไปทับตรงนั้นของพระพายเข้าเต็มๆ "อะอื้ม ไม่เป็นไร แล้วนี่เธอวิ่งเข้ามาในเต็นท์ของฉันทำไม" "ข้างนอกหมาหอนอะ" "เธอกลัวผี..." อุ๊บ! "พี่ห้ามพูดคำว่าผีนะ เมื่อวานป้าคนนั้นเขาบอกแล้วว่าห้ามพูดถึงผีเวลาอยู่บนดอย" ฝ่ามือนุ่มของโซดาจัดการตะปบเข้ากลางปากของพระพายด้วยความรวดเร็วทันทีที่ได้ยินรุ่นพี่ของตนเองเอ่ยคำต้องห้ามออกมา "แต่เธอพูดอยู่และพูดไปสองรอบด้วย ฟังนะผีเผอมันมีที่ไหนกัน" ฟึบ! O_o "กรี๊ดดดดดด! พี่เห็นเงาแวบๆ นั่นไหมแล้วมันก็หายไปเลย" โซดากรี๊ดลั่นเต็นท์พร้อมเบิกตาโตยิ่งกว่าไข่ห่านเมื่อเห็นเงาแวบๆ เดินผ่านด้านหน้าเต้นแล้วหายไปในพริบตา ซึ่งมันไม่มีเสียงเดินและอื่นๆ ที่พอจะสันนิษฐานได้ว่าเป็นคน ทำให้ยิ่งตอกย้ำความกลัวผีของโซดาขึ้นอีกเท่าตัว "เห็น...อาจจะเป็น..." อุ๊บ! "พี่หยุดพูดเดี๋ยวนี้ ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว แล้วก็เอาผ้าห่มนั่นให้โซด้วย โซจะนอนที่นี่ส่วนพี่ห้ามนอน" "เห้ย! เดี๋ยวนะ นี่มันเต็นท์ฉัน ทำไมฉันจะนอนไม่ได้" "แล้วพี่จะนอนยังไงหมอนข้างที่กั้นตรงกลางก็ไม่มี เราไม่ได้เป็นแฟนกันนะนอนด้วยกันไม่ได้" "แต่เธอวิ่งเข้ามาในเต็นท์ของฉัน แล้วจะให้ฉันนั่งเฝ้าเธอนอนเนี่ยนะ" "อืม" "ได้ แต่ต้องมีข้อแลกเปลี่ยน ถ้าไม่ให้ฉันนอนข้างๆ เธอ จบโครงการนี้เธอต้องกลับไปกินข้าวเที่ยงพร้อมฉันที่ศูนย์อาหารทุกวันเป็นเวลาสิบห้าวัน ดิลไหม" เพราะรู้ว่าถ้าโพล่งออกไปว่าไม่ได้เป็นแฟนกันก็เป็นซะสิ เขาอาจจะมีสิทธิ์ที่จะโดนถีบออกนอกเต็นท์ได้ เพราะฉะนั้นเมื่อมีโอกาสแล้วก็ต้องคว้าไว้ก่อน ไม่ได้โอกาสใหญ่ ก็เอาข้อแลกเปลี่ยนค่อยๆ สร้างความสนิทสนมแบบนี้แหละเข้าใกล้ เดี๋ยวมันก็ได้เป็นเองแหละ แฟน เมียนะ หึ น้ำหยดลงหินทุกวันหินยังกร่อน แล้วนับประสาอะไรกับโซดาเด็กน้อยที่ไม่เคยมีประสบการณ์ความรักมาก่อน "..." "ถ้าไม่ดิล งั้นฉันนอน" หลังจากที่นั่งรอคำตอบจากโซดาสักพักแล้วแต่ยังไม่ได้คำตอบ เจ้าของเต็นท์อย่างพระพายก็ทำท่าจะล้มตัวนอนเพื่อนเร่งคำตอบ "เดี๋ยว ดิลก็ได้แค่ไปกินข้าวเที่ยงด้วยกันเฉยๆ นะ" "อืม" "โอเค ขอหูฟังหน่อยจะอุดหูไม่อยากได้ยินเสียงหมาหอน" "ได้ดิ เดี๋ยวฉันเปิดเพลงกล่อมด้วยเลย" ว่าจบพระพายก็หยิบกล่องหูฟังจากกระเป๋าเป้ตัวเองออกมายื่นให้โซดาเสร็จ เขาก็จัดการเปิดเพลงตามที่บอกไว้ โซดาที่ได้ยินเสียงเพลงในหูตัวเองแล้วจึงล้มตัวนอนใช้ผ้าห่มห่มตัวเองทันที ขณะที่เจ้าของเต็นท์อย่างพระพายได้แต่นั่งมองใบหน้าสวยที่ถูกบดบังด้วยแผ่นมาร์คหน้าลายเสือหลับตานอนด้วยรอยยิ้มกริ่มมีความสุขเบาๆ คนเดียว "ผีแม่งมาได้ถูกจังหวะ"
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม