วันต่อมา
12.00 น.
วันนี้มิเกลมีเรียนบ่ายโมง ตอนนี้เธอจึงขับรถอยู่บนถนนเพื่อเดินทางไปมหา’ ลัย อีกไม่ไกลก็จะถึงแล้ว แต่ระหว่างที่ขับรถและฮัมเพลงไปด้วยนั้น สายตาก็เหลือบไปเห็นบิ๊กไบค์คันหรูขับอยู่อีกเลนส์ มิเกลเบิกตากว้างเพราะจำได้แม่นว่าดูคาติคันนั้นคือพี่มาร์ติน วันนี้เขาคงจะมีเรียนแค่ช่วงเช้า ตอนนี้อีกฝ่ายจึงออกจากมหา’ ลัยแล้ว มิเกลควรจะหยุดสนใจเขาและขับไปยังจุดหมายของตัวเอง ทว่าไม่รู้อะไรดลใจให้เธอตัดสินใจกลับรถ ก่อนจะขับตามมาร์ตินไปห่างๆ
อาจเพราะมาร์ตินเป็นผู้ชายที่ลึกลับและน่าค้นหา เธอจึงไม่รู้เลยว่าเขาเป็นคนยังไง มิเกลรู้เพียงตระกูลของอีกฝ่ายทำธุรกิจเกี่ยวกับน้ำมันปิโตเลียมเท่านั้น พ่อแม่ของมาร์ตินรวยมาก...เธอรู้แค่นั้นและก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลย จนกระทั่งตอนนี้ที่เธอกำลังทำตัวไม่ดี การสะกดรอยตามผู้อื่นถือเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำ แต่ในเมื่อทำแล้วก็ต้องไปให้สุด และเมื่อครู่มิเกลเห็นท้ายบิ๊กไบค์เลี้ยวเข้าไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง เธอมั่นใจมากๆ ว่าเขาไม่รู้ว่ามีคนกำลังตามอยู่เพราะมิเกลขับตามหลังรถแท็กซี่ที่ขั้นตรงกลางมาตลอดทาง บัดนี้แท็กซี่คันนั้นขับหายไปแล้ว และมิเกลก็หยุดอยู่ตรงหน้าทางเข้าของตึกร้างขนาดใหญ่ซึ่งอยู่ในซอกซอยค่อนข้างลึก เธอตัดสินใจดับเครื่องยนต์และเดินเข้าไปในตึกร้างที่เห็นว่ามาร์ตินเข้าไปก่อนหน้านี้ รองเท้าส้นสูงค่อนข้างทุลักทุเลเพราะพื้นถมด้วยหิน...รอบข้างเงียบเชียบ มิเกลไม่แน่ใจว่าตัวเองควรเข้าไปหรือเปล่า
“พี่มาร์ตินมาทำอะไรที่นี่นะ”
เธอไม่เดาไม่ออกว่าเขาจะมีธุระอะไรกับสถานที่แบบนี้ แต่มิเกลมักจะเห็นในละครอยู่บ่อยๆ ว่าตึกร้างในซอยลึกเปลี่ยวมักจะเป็นที่แลกเปลี่ยนของผิดกฎหมาย ร่างกายของเธอชาวาบก่อนจะรีบสลัดความคิดไร้สาระนั้นทิ้งไป ขาเรียวที่โผล่ออกจากกระโปรงนักศึกษาตัวสั้นจู๋เดินเข้าไปจนเห็นรถบิ๊กไบค์จอดอยู่อีกฟากของตึก
และรถยนต์อีกสามคันที่จอดอยู่เช่นกัน
มิเกลขมวดคิ้วแน่น เธอกำลังชั่งใจว่าจะตามเผือกต่อหรือพอแค่นี้ เพราะข้างในตึกร้างไม่ได้มีเพียงมาร์ตินคนเดียวแน่ๆ แต่มาถึงขั้นนี้แล้วเธอก็อยากจะรู้ว่าเขามาทำอะไรกันแน่ มือเล็กกระชับกระเป๋าใบสวยแน่น พยายามเดินหาช่องหรือรูตามผนังของตึกร้างใกล้ผุพังนี้ ก่อนจะเจอซี่ของปูนที่ถูกเชื่อมให้ห่างกันเพื่อระบายอากาศ มิเกลคิดว่าตรงนี้เหมาะแก่การส่องมองเข้าไปจากข้างใน แต่ด้วยความซี่ปูนมันอยู่สูงเกินไป เธอจึงมองหาบางอย่างก่อนจะไปเจอนั่งร้านขนาดเล็ก มิเกลลากมันมาและยกขาปีนขึ้นไปราวกับลืมว่าตัวเองกำลังใส่กระโปรงทรงเออยู่
ดวงตาที่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นมองผ่านซี่ปูนห่างตรงหน้า มิเกลเบิกตากว้าง เพราะไม่น่าเชื่อว่ามุมนี้สามารถมองเห็นสถานการณ์ข้างในได้อย่างเหมาะเจาะ เธอกวาดมองผู้ชายมากกว่าสิบคนกำลังยืนกันนิ่ง ทุกคนล้วนใส่ชุดสูทสีดำคล้ายกับบอดี้การ์ด ชายชุดดำพวกนั้นกำลังจ้องมองไปที่บุคคลหนึ่งซึ่งนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้น มิเกลขมวดคิ้ว...เพราะคนที่นั่งคุกเข่าบนพื้นเนื้อตัวและใบหน้าเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ ก่อนที่สายตาจะค่อยๆ เลื่อนไปยังชายหนุ่มสูงใหญ่กำยำ เขาใส่ชุดนักศึกษา และในมือหนาถือปืนกระบอกสีดำขลับ กำลังจ่อไปที่หน้าผากของคนที่คุกเข่าบนพื้น
ดวงตาเบิกแทบจะถลนออกมาทันที เมื่อคนที่ถือปืนอยู่นั้นคือมาร์ติน คนที่มิเกลตั้งใจตามมา
เธอกลืนน้ำลายแทบไม่ลงคอ เนื้อตัวชาวาบเมื่อเห็นริมฝีปากหยักเอื้อนเอ่ยไม่กี่คำ ก่อนที่ปืนเก็บเสียงกระบอกนั้นจะลั่นไกออก กระสุนฝังลงบนหน้าผากของคนที่นั่งคุกเข่ากองลงกับพื้นและเสียชีวิตคาที่ด้วยฝีมือของเขา
ใบหน้าหล่อเหี้ยมเกรียมโดยเฉพาะแววตา มิเกลยกสองมือปิดปากตัวเองแน่น
“...!!!”
ร่างกายแข็งทื่อขยับแทบไม่ได้ หูสองข้างของเธออื้ออึงแต่กลับได้ยินเสียงชายชุดดำคนหนึ่งเอ่ยขึ้นกับมาร์ติน
‘เอายังไงต่อครับนายน้อย’
‘ไปลากตัวพวกหนอนบ่อนไส้มาให้หมด กูจะได้ฝังพวกมันทีเดียว’
มิเกลรีบนั่งยองลงทันที เธอยกมือปิดอุดปากตัวเองแน่นก่อนจะกระโดดลงจากนั่งร้านขนาดเล็ก ร่างบางสับขาวิ่งไปที่รถยนต์ของตัวเองและสตาร์สรถขับออกจากที่นี่ด้วยความเร็ว
ดวงตาสั่นระริกแดงก่ำ มาร์ตินไม่ใช่คนธรรมดา และมิเกลก็รู้ว่าเธอควรออกจากชีวิตของผู้ชายคนนั้นตั้งแต่บัดนี้!!
“อะไรนะ!!”
“ชู่วว เบาๆ สิ”
มิเกลยกมืออุดปากเอกกี้หลังจากเล่าเรื่องทั้งหมดให้อีกฝ่ายฟัง แม้ว่าเรื่องที่เธอพึ่งจะพบเจอมานั้นไม่มีเค้าโครงของความจริงเลย แต่มันคือเรื่องจริงที่เธอเห็นมากับตา!
“งั้นก็แปลว่าพี่มาร์ติน เป็นพวกที่อยู่เหนือกฎหมายเหรอ”
เอกกี้ทำตาโต ทั้งคู่กระซิบกระซาบกันในโรงอาหารของคณะ อีกห้านาทีจะถึงเวลาเข้าเรียน มิเกลส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะยกมือลูบแขนตัวเอง
“ไม่รู้อะ แต่พวกชายชุดดำดูเคารพพี่มาร์ตินมาก แถมยังเรียกว่านายน้อยด้วย”
“อย่างกับในหนัง แล้วนี่พวกนั้นไม่เห็นแกใช่ไหมยะ”
“คิดว่าไม่นะ เพราะฉันวิ่งตีนแตกกลับมาที่รถ เกือบล้มด้วย”
“เกือบตายด้วยยัยมิเกล แกต้องเลิกยุ่งกับพี่เขาเลยนะ”
“ไม่ต้องบอกก็รู้”
มิเกลถอนหายใจ ไม่ต้องบอกเธอก็จะเลิกยุ่งกับผู้ชายลึกลับคนนั้นแน่นอน ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมที่ผ่านมาเขาเอาแต่ไล่เธอ แต่เธอเองที่ดื้อด้าน ตามตื้ออยู่นั่น ถ้ามิเกลไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังของมาร์ติน เธอก็คงยังเอาตัวเข้าไปวุ่นวายกับอีกฝ่าย จุดจบสุดท้ายของมิเกลอาจจะหนีไม่พ้นผู้ชายที่คุกเข่าอยู่บนพื้นในตึกร้างก็ได้
แค่คิดก็สยองแล้ว ขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คุ้มครองและเตือนเธอให้รู้ความจริงก่อนจะถูกเก็บจากคนน่ากลัวคนนั้น!
“ตัดใจซะ แล้วมาโฟกัสที่คนนี้ดีกว่า”
“หือ ใคร?”
เสียงหวานถามขึ้นพลางมองบนหน้าจอมือถือของเอกกี้ที่ยื่นมาให้ ภาพหน้าจอปรากฏรูปผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาในเฟสบุ้คของเจ้าตัว
“พี่ภูมิ วิศวะปีสี่ พี่เขาขอเบอร์แกจากฉัน กรี้ดดด”
เอกกี้วี้ดว้ายออกนอกหน้า มิเกลหลุดขำกับท่าทางของเพื่อนสาว
“อดีตเดือนวิศวะเชียวนะยะ ตัวจริงหล่อมาก!! พี่เขามาขอเบอร์แกกับฉันตั้งหลายวันละ แต่ฉันเห็นว่าแกใส่ใจแต่พี่มาร์ตินเลยไม่ได้บอก ถ้าตอนนี้แกบอกว่าจะเลิกยุ่ง ฉันก็คิดว่ามันดีเพราะพี่มาร์ตินเขาไม่ได้ชอบแก เขาไล่แกอย่างกับหมูกับหมาทุกวัน ถึงจะตื้อต่อไปมันก็เป็นไปไม่ได้ มีแต่จะทำให้พี่เขายิ่งรำคาญ ฉันกลัวว่าแกจะโดนเก็บเข้าจริงๆ”
“...”
“ตัดใจเถอะ แล้วตอนนี้โอกาสของสาวสวยอย่างแกก็เข้ามาแล้ว มูฟออนค่ะ!”
“...”
“เอายังไง ให้เบอร์พี่ภูมิ หรือไม่ให้?”
และทันทีที่เปลี่ยนเรื่องคุย มิเกลก็ลืมความน่าหวาดผวาเมื่อครู่ราวกับมันไม่เคยเกิดขึ้น เธอคิดตามที่เอกกี้พูด เรื่องของเธอกับมาร์ตินยังไงก็เป็นไปไม่ได้ และอีกอย่างเบื้องหลังของเขาก็น่ากลัวเกินไป ถึงจะเป็นไปได้แต่ก็ต้องขอบาย เธอเห็นเขาฆ่าคนอย่างเลือดเย็นต่อหน้าต่อตาถ้ายังชอบลงก็ถือว่าแปลกมาก ร่างบางถอนหายใจออก เธอกลอกสายตาคิดครู่หนึ่งและตอบอย่างขอไปที
“ถ้าพี่ภูมิเขาโสด ลองดูก็ได้”
“มันต้องอย่างนี้!”