ตอนที่ 2 นึกว่าจะจำกันไม่ได้ซะแล้ว

1937 คำ
ตระกูลเตชะปรีดาสกุล ภายในบริเวณบ้านสองชั้นหลังใหญ่ที่มีพื้นที่รอบข้างหลายร้อยตารางวา สวนหย่อมสีเขียวขจีด้านหน้า อีกฟากเป็นพื้นที่กว้างของโรงจอดรถ สาวใช้สามถึงสี่คนประจำทำงานยี่สิบสี่ชั่วโมงที่นี่และยังมีคนขับรถอีกสองคน นับว่าบ้านหลังนี้คือบ้านของเศรษฐีท่านหนึ่งก็ว่าได้ เจ้าของตระกูลทำธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำหวานหลากสีชื่อดังมาหลายสิบปี ถึงแม้ว่ายอดขายในสมัยนี้จะไม่ได้รุ่งเรืองเท่ากับสมัยรุ่นก่อนๆ แต่ด้วยชื่อแบรนด์ที่ติดตลาดและคุ้นหูคนไทยมานาน ทำให้น้ำหวานแสนอร่อยยังคงวางขายตลอดมา แม้จะมีแบรนด์ใหม่ๆ ที่น่ารับประทานและน่าสนใจมากกว่าผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ดก็ตาม BMW คันสีดำขับมาจอดที่โรงจอดรถของบ้านในเวลาสี่โมงเย็น ประตูฝั่งคนขับเปิดออกหลังจากที่เครื่องยนต์ดับลง ปรากฎร่างสวยในชุดเดรสสั้นสีแชมเปญ เส้นผมตรงยาวสสวยถึงกลางหลัง เครื่องประดับและของใช้ในตัวของเธอล้วนแต่เป็นแบรนด์เนมทั้งสิ้น ผิวขาวเนียนละเอียดกระทบแสงแดดอ่อนๆ ในยามเย็น ร่างบางสูงหนึ่งร้อยหกสิบเซนติเมตร ใบหน้าสวยหวานของหญิงสาววัย 24 ปีที่ออกแนวรั้นหน่อยๆ หันมองสาวใช้ที่เดินนอมน้อมเข้ามาอย่างเช่นทุกวัน “กลับมาแล้วเหรอคะคุณหนูมิเกล ป้าถือให้ค่ะ” แม้ว่าใบหน้าสวยจะดูเหวี่ยงไปนิดในตอนที่ไม่ยิ้ม ทว่าเมื่อไรที่มีรอยยิ้ม...ก็แทบจะทำให้คนมองละลายกองตรงหน้าได้ทั้งนั้น “ขอบคุณนะคะป้าอร” มิเกล เตชะปรีดาสกุล ส่งรอยยิ้มให้คนรับใช้ที่อยู่ที่นี่มาตั้งแต่เธอยังไม่เกิด อีกทั้งยังเป็นแม่นมของเธอ มือเล็กส่งกระเป๋าเอกสารให้ป้าอร ก่อนจะเดินเข้าบ้านโดยมีอีกฝ่ายเดินตามอยู่ข้างหลัง ดวงตาเรียบนิ่งกวาดมองภายในบ้านขณะที่เข้ามาแล้ว ก่อนจะหยุดฝีเท้าและหันไปยิงคำถามใส่ป้าอร “คุณพ่อกลับมาหรือยังคะ?” “กลับมาก่อนคุณหนูไม่นานเองค่ะ ตอนนี้คุณท่านน่าจะอยู่ในห้องทำงานนะคะ” “อ๋อ ค่ะ” “ถ้างั้นเดี๋ยวป้าเอาของกระเป๋าเอกสารไปเก็บในห้องทำงานของคุณหนูนะคะ แล้วจะลงมาทำของว่างให้ค่ะ รอป้าแป๊บนึงนะคะ” มิเกลส่งยิ้มและพยักหน้าให้ป้าอร อีกฝ่ายรีบขึ้นบันไดไปยังชั้นสอง ส่วนเธอก็เดินขึ้นตามไปอย่างไม่รีบร้อน และสาเหตุที่ได้ถามคำถามเมื่อครู่ไป เพราะตอนจอดรถ เธอเห็นรถยนต์ของบิดาจอดอยู่ก่อนแล้ว ทว่าในบ้านกลับเงียบสงัด ปกติถ้าบิดาของเธอกลับมาถึงบ้านก่อน ก็จะมี ปลิง บางตัว คอยออเซาะพ่อของเธออยู่ในห้องนั่งเล่น เสียงแหลมๆ น่ารำคาญคงจะลอยเข้ามาในหูของมิเกลไปแล้ว ทว่าวันนี้ผิดปกติที่ในห้องนั่งเล่นกลับไม่มีใครเลย มิเกลเลิกใส่ใจก่อนจะก้าวขึ้นบันไดและมุ่งตรงไปยังห้องนอนของตัวเอง แต่ฉับพลัน ประตูห้องที่ถัดจากเธอสองห้องถูกเปิดออกมาจากคนด้านในซะก่อน ปรากฏร่างเพรียวของใครบางคนที่กำลังจะเดินสวนกับเธอ มิเกลตีสีหน้านิ่ง จ้องมองใบหน้าสวยของอีกฝ่ายที่สูงไล่เลี่ยกัน ฝีเท้าของทั้งสองชะลอลงเมื่อเผชิญหน้า ก่อนจะเกิดรังสีน่าสะพรึงแผ่ซ่านออกมาในบริเวณรอบข้างทันที “หลบ” กันตา เตชะปรีดาสกุล เอ่ยขึ้นก่อนเชิดใบหน้า มิเกลได้ยินแบบนั้นก็ขมวดคิ้ว ทว่าดวงตาเรียวรีกลับดุดันน่าขนลุก “ที่ตั้งกว้าง ถ้าไม่มีปัญญาหลบไปเดินตรงอื่น ก็คลานไป” มิเกลย้ำคำสุดท้าย ส่งผลให้กันตากำมือแน่น ถลึงตากว้าง “ฉันจะฟ้องคุณวิชัย!!” “ก็เอาสิ คิดว่าฉันกลัวรึไง ที่นี่มันบ้านของฉัน ปลิงดูดเลือดอย่างเธอจะทำอะไรฉันได้?” มิเกลกดเสียงต่ำพลางมองขวาง แม่เลี้ยง ของตัวเอง แววตาสมเพชอีกฝ่ายอย่างไม่ปิดบัง กันตาเข้ามาในชีวิตของมิเกลเมื่อสามปีก่อน เข้ามาในฐานะเมียของพ่อ และที่ได้เชิดฉายอยู่ในบ้านหลังนี้แถมยังได้ใช้นามสกุลเดียวกันก็เพราะเหตุผลที่ว่ากันตาตั้งท้องกับวิชัย บิดาของมิเกล ทุกคนงุนงงแม้กระทั่งวิชัยเอง เพราะคบกันไม่นานกันตาก็บอกว่าตัวเองนั้นท้องได้สามเดือนแล้ว บิดาของเธอทำอะไรไม่ได้นอกจากรับผิดชอบโดยการแต่งงานกับอีกฝ่าย และกันตาก็ขอมากถึงขั้นจดทะเบียนสมรสและเปลี่ยนนามสกุล แม้ว่ามารดาแท้ๆ ของมิเกลจะเสียชีวิตไปสิบปีแล้วทว่าเธอก็ไม่ได้ยินดีหากพ่อตัวเองจะแต่งงานใหม่ แถมยังไปคว้าผู้หญิงนิสัยประหลาดอย่างผู้หญิงคนนั้น เรื่องท้องยังกำกวมว่าจะใช่ลูกของพ่อเธอจริงๆ หรือเปล่าด้วยซ้ำ และนิสัยเลวๆ เห็นแก่ตัว ไม่ทำงานทำการแถมยังเอาแต่ปอกลอกเงินทอง กันตาคือผู้หญิงที่มิเกลเกลียดมากที่สุด และบิดาของเธอก็ดูเหมือนจะรักอีกฝ่ายมากขึ้นทุกวันเพราะความออเซาะตอแห_ที่ไม่มีใครเกิน กันตาอายุมากกว่ามิเกลแค่ไม่กี่ปี พูดง่ายๆ ก็คือบิดากำลังหลงเมียเด็กคราวลูก แถมเมียเด็กคนนั้นยังมีลูกชายวัยกำลังน่ารักให้...ทุกวันนี้มิเกลแทบจะเป็นส่วนเกินของบ้านหลังนี้ไปแล้ว ที่เธอยังทนอยู่ก็เพราะบ้านหลังนี้มีความทรงจำดีๆ ระหว่างเธอและมารดาในอดีต เธอเกิดที่นี่ โตที่นี่ แม้ว่าสามปีที่ผ่านมานี้จะไม่มีความสุขเพราะต้องคอยทะเลาะและเขม่นกับแม่เลี้ยงก็เถอะ แต่ยังไงบ้านหลังนี้ก็เป็นบ้านของเธอ สักวันมิเกลจะฉีกหน้ากากยัยแม่เลี้ยงตัวดีให้พ่อของเธอได้ตาสว่างและเฉดหัวมันทิ้ง “ฉันไม่มีเวลามาเสวนากับเด็กเมื่อวานซืนอย่างแกหรอกนะ แต่ฝากไว้ก่อนเถอะ!” กันตากำมือแน่นและใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความโมโหเพราะตนไม่เคยเถียงสู้มิเกลได้เลยสักครั้ง และอาการคล้ายกับว่ากำลังมีเรื่องทุกข์ร้อนใจทำให้มิเกลค่อนข้างที่จะสงสัยว่าสงครามฝีปากวันนี้จบไวกว่าอื่นๆ กันตากระทืบเท้าตึงตังเดินผ่านมิเกลไปและเข้าห้องทำงานของวิชัยทันที เธอมองตามแม่เลี้ยงอย่างนึกสงสัยก่อนจะเปลี่ยนใจไม่เข้าห้องนอนของตัวเอง มิเกลเดินไปที่หน้าห้องทำงานของบิดาแทน ก่อนจะเอาหูแนบกับประตู ตั้งใจฟังบทสนทนาของคนด้านใน “ว่าไงนะ ยี่สิบล้าน!!!” “คุณต้องช่วยตานะคะ .ถ้าตาไม่จ่ายมัน ตาต้องถูกเก็บแน่ๆ พวกนั้นเป็นมาเฟีย ฮึก ฮื้อออ คุณวิชัย ช่วยตาด้วยนะคะ” “เงินตั้งมากมายขนาดนั้น ยี่สิบล้านเลยนะกันตา!!” “ฮึก คุณรวยจะตาย ทำไมเงินแค่ยี่สิบล้านถึงได้หวงนักละ คุณอยากให้ตาถูกฆ่าเหรอคุณวิชัย!!” “ยี่สิบล้านมันไม่ใช่น้อยๆ และคุณรู้ไหมว่าปีที่ผ่านมายอดขายบริษัทเราไม่ดี ผมต้องกู้เงินเพื่อมาลงทุน เท่านี้ผมก็เป็นหนี้ไม่รู้ตั้งเท่าไรแล้ว เงินยี่สิบล้าน คุณจะให้ผมเอาไปเสียให้บ่อนพนันไร้สาระของคุณงั้นเหรอ ผมทำไม่ได้หรอก!!!” “แล้วจะให้ตาทำยังไงคะ!! พวกมันส่งข้อความขู่ว่าจะบุกมาที่นี่ถ้าตาไม่จ่ายมัน แค่ดอกเบี้ยก็ได้นะคุณวิชัย ตาผลัดมันมาหลายเดือนแล้ว นะคะ ฮึก...” “ย...ยี่สิบล้าน” มิเกลโกรธจนตัวสั่น เธอได้ยินทุกคำสนทนาข้างในห้อง กันตาพูดมาได้ไม่อายปากว่า ‘แค่ยี่สิบล้าน’ อีกฝ่ายไม่เคยทำงาน มีแต่เธอกับบิดาที่ช่วยกันบริหารหลังจากที่คุณปู่เสียชีวิต อยู่ๆ ผู้หญิงคนนั้นก็เข้ามาในบ้านหลังนี้ ผลาญเงินหน้าด้านๆ และบอกว่าแค่ยี่สิบล้าน เนื้อตัวของหญิงสาวสั่นเทา ดวงตากลมแข็งกร้าวทำท่าจะเปิดประตูห้องทำงานของบิดา ทว่ายังไม่ทันได้เปิด ก็ต้องหันขวับไปมองที่บันไดเมื่อคนรับใช้ส่วนตัวของกันตา พ่วงด้วยเป็นพี่เลี้ยงของลูกชายอีกฝ่ายวิ่งขึ้นมาพร้อมกับอุ้มเด็กน้อยวัยสองขวบด้วยใบหน้าตื่นตูม “มีอะไร” มิเกลตวัดสายตามองอีกฝ่ายที่เหงื่อแตกพลั่ก ในขณะที่หนูน้อยกัปตัน น้องชายคนละแม่ของเธอที่ยังไม่แน่ใจว่าใช่หรือเปล่าส่งยิ้มหวานให้มิเกลตามประสาเด็ก เธอมองน้องชายด้วยสายตาที่อ่อนลง ทว่าสายตากลับแข็งกระด้างเมื่อพี่เลี้ยงของเด็กน้อยพูดด้วยน้ำเสียงหยิ่งผยองไม่ต่างจากเจ้านายของตัวเอง “คุณกันตาละ!” “ก็แหกตาดูสิว่าอยู่ตรงนี้รึเปล่า” มิเกลตอกกลับ อีกฝ่ายอุ้มหนูน้อยกัปตันก็ยิ่งหน้าเสีย มิเกลเห็นว่ามีท่าทางแปลกๆ ก็ถามขึ้นอีกครั้ง “ฉันถามว่ามีอะไร ตอบมา!” “หลีก เปรี้ยวจะรายงานคุณกันตาเอง!” มิเกลถูกดันให้ออกจากหน้าประตูห้องทำงานของบิดา เธอยอมหลีกทางและยกแขนกอดอก จ้องมองคนสนิทของกันตาที่อุ้มหนูน้อยไว้ข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างยกมือขึ้นทุบประตู ปังๆๆๆ “คุณกันตาคะ แย่แล้วค่ะ คุณกันตา!!” มิเกลขมวดคิ้วแน่น มองคนสนิทของกันตาสลับกับบานประตูที่ถูกดึงออกจากด้านใน กันตาที่มีน้ำตาไหลพรากเต็มใบหน้าโผล่ออกมา อีกฝ่ายจ้องคนใช้คนสนิทของตัวเองเขม็ง “มีอะไรนังเปรี้ยว! ไม่เห็นเหรอว่าฉันคุยธุระกับคุณวิชัยอยู่!!” “แย่แล้วค่ะคุณกันตา ขะ ขะ ข้างล่าง!!” “ข้างล่างทำไม!!!” “พวกเจ้าหนี้คุณกันตาบุกเข้ามา ตอนนี้อยู่ข้างล่างค่ะ!!” “ว่าไงนะ!!” กันตาหน้าซีดไร้เลือด ดวงตาเบิกโพลงเหมือนคนสติหลุด วิชัยที่ได้ยินเรื่องทั้งหมดก็ตกใจไม่ต่างกัน มิเกลคลายแขนออกจากอก หายใจไม่ทั่วท้องก่อนจะตั้งสติเมื่อเห็นว่าบิดาวิ่งลงไปข้างล่างเป็นคนแรก กันตาและเปรี้ยวที่อุ้มหนูน้อยกัปตันแนบอกก็วิ่งลงไปด้วย ทำให้มิเกลรีบตามทุกคนไปยังชั้นหนึ่งของบ้าน เธอเป็นห่วงพ่อ เพราะได้ยินว่าคนพวกนั้นเป็นมาเฟีย สองขาเรียวเร่งฝีเท้าตามทุกคนลงไปถึงกลางโถงทางเข้าของบ้าน มิเกลมองเห็นชายชุดดำมากกว่าสิบคนยืนกระจายทั่วบ้านของเธอ สาวใช้สองคนรวมถึงป้าอรก็นั่งคุกเข่าก้มหน้าอยู่บนพื้นเพราะชายชุดดำจำนวนหนึ่งจ่อปืนกระบอกสีดำขลับไปที่ป้าอรและสาวใช้ในบ้านเธอ มิเกลหูอื้อและตาลาย เธอเห็นบิดายืนประชันหน้ากับคนที่เป็นหัวหน้าชายชุดดำเหล่านี้ ร่างบางวิ่งเข้าไปกอดแขนบิดาตัวเองทันที ก่อนจะเงยหน้าสบตากับร่างสูงกำยำ เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาทว่าดุร้าย นัยน์ตาสีดำสนิทคู่นั้นที่จำได้ขึ้นใจ “...พี่มาร์ติน” “ไง นึกว่าจะจำกันไม่ได้ซะแล้ว”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม