“ทำไมถึงรับงานนี้ทั้งที่เราบอกเองว่าช่วงนี้จะไม่รับงานแล้ว” ปูเป้ ผู้จัดการสาวสองที่ดูแลเวย์ไทม์ตั้งแต่วันแรกจนถึงตอนนี้เอ่ยขึ้นหลังจากขึ้นรถในเวลาสี่ทุ่มกว่า ๆ หลังเลิกกอง
“พี่ช่วยหาวันว่างแทรกคิวให้ผมด้วย” เวย์ไทม์ไหวไหล่ก่อนจะเอนตัวหลับตาแล้วพูดขึ้นด้วยท่าทีสบายๆ
“มีอะไรหรือเปล่า ปกติเราไม่เคยยอมให้แทรกคิวแบบนี้” เพราะปกติเวย์ไทม์ไม่ค่อยมีเวลาพัก พอมีเวลาว่างจะพักผ่อนอย่างเดียวไม่มีการแทรกคิวให้ใครทั้งนั้น แต่นี่เขากลับเอ่ยปากออกมาเอง
“ก็คงมีเรื่องสนุก ๆ นั่นแหละ” เวย์ไทม์ตอบกลับด้วยท่าทีสบาย ๆ ราวกับไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร
ปูเป้เห็นแบบนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรต่อเพื่อให้เขาได้พักผ่อนระหว่างทางกลับบ้านก่อนจะนั่งดูตารางงานต่อ
“อ้อ แล้วถ้าชามีนติดต่อเรื่องงานมาบอกให้เธอติดต่อผมเองโดยตรงเลยนะ”
แล้วเวย์ไทม์ก็ไม่ลืมพูดสิ่งที่สำคัญอีกอย่างออกไป เพราะเขารู้ดีว่าผู้หญิงคนนั้นจะต้องติดต่อทุกอย่างผ่านปูเป้เท่านั้น
“ติดต่อนายเอง?” นี่ยิ่งเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นเลย เพราะถ้าเป็นเรื่องงานเวย์ไทม์จะให้เธอเป็นคนคุยตลอด เขาจะไม่คุยกับลูกค้าเองเลย
เรื่องสนุกที่เขาพูดถึงคงไม่ได้หมายถึงผู้หญิงที่ชื่อชามีนนั่นหรอกใช่ไหม
และสุดท้ายก็เป็นอย่างที่เวย์ไทม์คิดไว้ไม่มีผิดเมื่อชามีนได้ติดต่อไปยังเบอร์ของปูเป้เพื่อยืนยันเรื่องวันเวลาที่จะได้รับทางเธอจะได้เตรียมตัวได้ถูก
(เรื่องนี้คุณชามีนต้องติดต่อไปหาน้องเวย์เองนะคะ เพราะน้องเวย์จะเป็นคนเลือกเวลางานเองค่ะ) เสียงดัดของปูเป้เอ่ยขึ้น
“ติดต่อคุณเวย์ไทม์เองเลยเหรอคะ” ชามีนที่ได้ยินแบบนั้นก็ทวนถามออกมาด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์เพราะเธอไม่อยากติดต่อผู้ชายคนนั้นเลยสักนิด แม้ว่าเขาจะบอกไว้แล้วว่าหากเขาเรียกหาเธอก็ต้องไป แต่นั่นมันเป็นเขาติดต่อมานี่ แล้วนี่ยังจะให้เธอติดต่อไปอีกเหรอ
(ใช่ค่ะ ถ้าจะเอาเวลาว่างที่พี่จัดให้จริง ๆ คงต้องรอปีหน้าเลยถึงจะได้คิว แต่มันมีเวลาว่างและวันพักผ่อนของน้องเวย์อยู่บ้างเล็กน้อยที่ปกติน้องเวย์จะไม่แทรกคิวให้ใคร พี่ก็เลยเป็นฝ่ายเลือกเองไม่ได้คุณชามีนต้องโทรไปคุยกับน้องเวย์เองตรงนี้นะคะ)
ปูเป้อธิบายออกมาจบก็วางสายไปอย่างชัดเจน นั่นทำให้ชามีนถึงกับนั่งนิ่งด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง
ติ้ง! เสียงข้อความดังขึ้นทำให้ชามีนยกโทรศัพท์ขึ้นมาดูก่อนจะเห็นรายชื่อที่เธอไม่ได้บันทึกไว้แต่มันกลับปรากฏอยู่ที่แอปพลิเคชันแชทของเธอได้
Way: คืนนี้สามทุ่มมาหาฉันที่ห้อง
“สารเลว!” เสียงรอดไรฟันดังขึ้นอย่างเกลียดชังเมื่อเห็นชื่อและคำสั่งของเขาที่ปล่อยให้เธอสบายใจได้แค่หนึ่งวันหนึ่งคืนก็กลับเข้ามาสร้างความเลวร้ายให้กับเธออีกแล้ว
แต่เธอจะทำอะไรได้นอกจากไปอย่างที่เขาสั่งเพราะเธอต้องคุยเรื่องงานกับเขาอีกทั้งยังต้องหาทางแบล็กเมล์เขาคืนด้วย
เวลาสองทุ่มห้าสิบชามีนมาจอดรถอยู่ที่ลานจอดรถคอนโดแห่งหนึ่งพร้อมกับเตรียมอุปกรณ์ทุกอย่างที่เธอลงทุนซื้อใหม่อย่างเช่นเครื่องบันทึกเสียง โทรศัพท์ยี่ห้อดังที่พั่บครึ่งพร้อมในเคสให้เหมือนพวงกุญแจสำหรับการซ่อนไว้บันทึกคลิปของเขา
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยชามีนก็ลงจากรถก่อนจะตรงเข้าคอนโดหรูจำนวนสี่สิบชั้นที่เพียบพร้อมไปด้วยบริการต่าง ๆ รวมถึงสกายเล้าจ์ที่ชั้นสูงสุด อีกทั้งยังแบ่งสองชั้นบนที่สามสิบแปดและสามสิบเก้าเป็นเพนท์เฮ้าส์ส่วนตัวชั้นละสองห้องใหญ่พร้อมกับลิฟท์ตรงถึงที่หมายด้วยคีย์การ์ดส่วนตัวหรือรหัสลับที่เจ้าของห้องเท่านั้นจะรู้นั่นจึงทำให้คนนอกไม่สามารถขึ้นไปถึงชั้นแห่งนี้ได้หากไม่ได้รับอนุญาต
ติ่งต่อง ติ่งต่อง เสียงออดดังขึ้นด้วยนิ้วเรียวของชามีนพร้อมกับใบหน้าเรียบนิ่ง และไม่นานเสียงเดิมก็ดังออกมาเช่นเคยพร้อมกับประตูที่ถูกปลดล็อคจากด้านในทำให้คนด้านนอกเปิดมันเข้าไปได้ด้วยตัวเอง
ร่างบางเดินเข้าห้องไปด้วยชุดสูทกางเกงขายาวและนั่งลงที่โซฟาตัวนั้น โซฟาที่เธออยากเอามีดมากรีดมันให้ขาดไม่เหลือชิ้นดี แต่สุดท้ายก็เลือกจะมองข้ามและปล่อยผ่านความรู้สึกที่มีอยู่ไปและทำใจให้นิ่ง
“ฉันอยากได้เวลาที่คุณจะมาถ่ายงานให้เราได้” ชามีนเข้าประเด็นของเธอออกไปอย่างไม่รอช้า สายตาเรียบนิ่งจ้องมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างไร้ความรู้สึก ไม่มีแม้แต่ความเกลียดชัง
“สายตาของเธอไม่เปลี่ยนไปเลยนะ” แล้วน้ำเสียงเย้ยหยันก็ดังขึ้นพร้อมกับสายตาคมจ้องมองร่างบาง มุมปากเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม
“เราเคยรู้จักกันเหรอ” ชามีนอดไม่ได้จะถามออกไป เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาพูดจาแปลก ๆ แบบนี้ พูดจนทำให้เธอเริ่มสับสนไปไม่น้อย แต่ไม่ว่าจะมองเขาเท่าไหร่เธอก็มั่นใจว่าไม่เคยรู้จักกับเขา เขาเป็นศิลปินดังขนาดนี้เป็นไปไม่ได้หรอกที่เธอจะจำไม่ได้ว่าอดีตเคยรู้จักกัน
“นั่นสิ ฉันเองก็สงสัยอยู่เหมือนกัน” น้ำเสียงเกียจคร้านดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงเอนตัวพิงโซฟาด้วยท่าทีสบาย ๆ
“ฉันมั่นใจว่าฉันไม่เคยรู้จักหรือสร้างความเดือดร้อนให้คุณ!...”
“แต่ช่างเถอะ ฉันต้องการเวลาที่คุณจะถ่ายงานได้” ชามีนตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและจริงจังก่อนจะเปลี่ยนเป็นน้ำเสียงเรียบนิ่งถึงเรื่องงานอีกครั้ง
“เวลาเหรอ ฉันมีไม่มากนักหรอกนะ แต่ถ้าเธอทำให้ฉันพอใจได้ฉันจะสละเวลาให้เธอเร็วที่สุดเท่าที่เธอต้องการ”
หลังจากได้ยินคำพูดของชามีนรอยยิ้มเย็นชาก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากอีกครั้ง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มร้ายแล้วพูดบางอย่างออกไป บางอย่างที่ชวนให้คนฟังคิดดีไม่ได้
“คุณต้องการอะไร” แม้จะพอเดาได้อยู่แล้วแต่ก็ยังหวังว่าเขาจะยังมีจิตสำนึกอยู่บ้างและต้องการอย่างอื่นแทน
แต่เธอก็ยังมองโลกในแง่ดีเกินไป
“ขึ้นเตียงสิ”
“คนอย่างคุณไม่เคยใช้สมองทำงานเลยสินะ” ร่างบางพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มเย็น
“แน่นอนว่าไม่ เพราะฉันใช้แค่หน้าตาก็ทำให้ผู้หญิงอย่างเธอมีความสุขได้แล้ว” น้ำเสียงเกียจคร้านดังขึ้นอย่างไม่โกรธเคืองกับคำด่านั่นเลยสักนิด
“ฉันเคยบอกเหรอว่าฉันชอบคุณ” ร่างบางเอ่ยขึ้นอย่างเย้ยหยันบ้าง เธอไม่เคยบอกเลยสักนิดว่าชอบเขา แต่เขากลับพูดออกมาอย่างมั่นใจ เขาไม่รู้จริง ๆ เหรอว่าเธอเกลียดเขาแค่ไหน
“ไม่ต้องบอกฉันก็รู้ เพราะคนอย่างเธอมันก็มองคนที่ภายนอกเท่านั้นแหละ” และน้ำเสียงเยือกเย็นพร้อมสายตาคมก็จ้องมองชามีนนิ่งก่อนจะพูดออกมา
“ฉันไม่เคยมองคนที่ภายนอก!” เสียงแข็งปฎิเสธขึ้นอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ แต่ไม่รู้ทำไมพอเจอสายตาเยือกเย็นที่วาปผ่านความเกลียดชังจาง ๆ อย่างไม่ได้คิดไปเองของเธอแล้วมันทำให้เธอรู้สึกบางอย่างที่บอกไม่ถูกว่าคืออะไร
“อ้อ ก็ดีแล้ว เพราะฉันเองก็ไม่ชอบคนที่หลงใหลกับหน้าตาของฉันจนยอมทุกอย่างเหมือนกัน” ร่างสูงขานรับด้วยท่าทีสบาย ๆ ก่อนจะพูดออกไปอย่างไม่จริงจัง
“...” ชามีนจ้องมองร่างสูงตรงหน้าอย่างหาคำตอบบางอย่างในตัวเขา คำตอบที่เธอหาไม่เจอเพราะเธอไม่รู้ว่าตัวเองกำลังหาอะไรกันแน่ แต่มันเหมือนมีบางอย่างที่ทำให้เธอรู้สึกว่างผู้ชายคนนี้ทำแบบนี้เพราะมีอะไรบางอย่างกับเธอ
แต่มันคืออะไรกันแน่ เธอไม่รู้จริงๆ
“เข้าห้องนอนไปสิ หรือจะอยากเอาตรงนี้” เมื่อเห็นว่าเธอเอาแต่จ้องมองและไม่ได้พูดอะไรเวย์ไทม์ก็พูดขึ้นพร้อมกับมองสบตากลมของเธอกลับนิ่งๆ
“ฉันขออาบน้ำก่อน ฉันพึ่งเลิกงานไม่สบายตัวเท่าไหร่” ชามีนได้สติกลับมาก่อนจะพูดขึ้นและลุกตรงเข้าห้องนอนใหญ่ของเวย์ไทม์ที่เธอเคยเข้าไปโดยไม่สนใจเจ้าของห้องอย่างเขา
หลังจากเข้ามาในห้องเธอก็ไม่ได้ตรงเข้าห้องน้ำอย่างที่ควร สายตากวาดมองหาที่ที่พอจะวางโทรศัพท์ได้โดยที่เขามองไม่เห็น สุดท้ายก็ได้เป็นหลังผ้าม่านทึบที่หน้าจะเห็นหน้าเขาอย่างพอดิบพอดี
โทรศัพท์ที่ถูกวางกับพื้นตั้งฉากเป็นตัวแอลจึงสะดวกกับการวางโดยไม่ให้มันล้ม หลังจากวางโทรศัพท์โดยไม่ลืมเปิดโหมดบันทึกวีดีโอชามีนก็ตรงเข้าห้องน้ำก่อนจะอาบน้ำด้วยเวลารวดเร็ว แต่มันไม่ใช่ว่าเธออยากออกมาบริการเขาบนเตียง เพียงแต่เธอรู้ว่ายังไงก็หนีไม่พ้นอีกทั้งเธออยากได้หลักฐานโดยไม่ให้คลิปยาวไปกว่านี้
ชามีนออกจากห้องน้ำด้วยเสื้อยืดและกางเกงขาสั้นของเวย์ไทม์ด้วยการไปเปิดหยิบมันออกมาเอง เธอไม่อยากให้ภาพบางส่วนออกมาโดยที่เธอนุ่งผ้าขนหนูอย่างสมยอมนั่น และหลังจากออกมาก็เจอกับร่างสูงที่นั่งรอบนเตียงอยู่แล้วพร้อมกับหันมามองและยิ้มให้เธออย่างร้ายกาจ
หัวใจดวงน้อยเต้นโครมครามอีกครั้งเมื่อรู้ว่าจะต้องมีอะไรกับเขาอีก แม้ว่าจะเตรียมใจไว้แล้ว แม้จะเคยผ่านเรื่องอย่างว่ากับเขามาแล้ว แต่มันก็อดกลัวไม่ได้เลยจริง ๆ เพียงแต่เธอก็เลือกทำใบหน้าให้เรียบนิ่งก่อนจะเดินไปหยุดที่ข้างเตียงโดยไม่ได้พูดอะไรและจ้องมองเขานิ่ง
“นี่คือการบริการให้ฉันพอใจ?” ร่างสูงเอ่ยถามออกมาเมื่อเห็นว่าเธอไม่ทำอะไรนอกจากยืนนิ่ง
“ฉันไม่ได้อยาก ใครอยากก็ทำเอง” ชามีนเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าเรียบนิ่งทั้งที่หัวใจเต้นแทบทะลุอยู่แล้ว
“อ้อ ชอบรับมากกว่ารุกงั้นสินะ” น้ำเสียงเกียจคร้านเอ่ยขึ้นก่อนจะขยับตัวลุกและกระชากร่างบางลงเตียงอย่างไม่รอช้า