นางหันไปมองหน้าบุตรทั้งสองก่อนจะพยักหน้ารับกับบิดา เมื่อหมอเลี่ยงเห็นเช่นนั้นก็แทบจะเก็บความยินดีไว้ไม่ไหว เขารีบให้บ่าวและคนขับรถม้ามาช่วยทั้งสามเก็บข้าวของทันที
เจียอีกับลู่เสียนที่ยังมึนงงความสัมพันธ์กับหมอจินอยู่ ก็แยกย้ายไปเก็บของของตนอย่างเหม่อลอย ทั้งคู่เพิ่งจะคารวะท่านหมอจินเป็นท่านปู่เมื่อไม่กี่ชั่วยามที่ผ่านมา มาตอนนี้กลับพบว่าท่านหมอจินเป็นท่านตาแท้ๆของตนที่ผลัดพรากจากมารดามานับสิบกว่าปี
เจียอีจึงได้เข้าใจว่าเหตุใดวิญญาณของหญิงชราจึงยอมจากไปอย่างง่ายดายเพียงพวกนางคารวะหมอจินและรับปากว่าจะอยู่ดูแลเขา เจียอียังจดจำใบหน้าที่มีแต่รอยยิ้มก่อนจากไปของท่านยายได้ดี คงเป็นเพราะนางได้รับเลือดเนื้อเชื้อไขของเยว่เลี่ยงบุตรสาวของนางแล้วจึงวางใจยอมไปเกิดใหม่
ชาวบ้านที่เห็นคนขับรถม้าขนของในเรือนของเยว่เลี่ยงขึ้นรถม้าก็รีบไปตามผู้นำหมู่บ้านและบางคนยังไปตามคนตระกูลหลันมาดูอีกด้วย
"อาเลี่ยงพวกเจ้าจะไปที่ใด" หัวหน้าหมู่บ้านที่รีบร้อนเดินทางมาที่เรือนท้ายหมู่บ้านก็เอ่ยถามขึ้น เป็นเพราะหลันหวงกุ้ยฝากสามคนแม่ลูกไว้กับเขา เขาจึงเป็นห่วงพวกนาง
"ท่านคือหัวหน้าหมูบ้านใช่หรือไม่" เป็นหมอจินที่เดินเข้ามาพูดคุยแทน
"ใช่แล้วขอรับ ท่านหมอจิน" หมอจินย้ายมาอยู่ที่จางเป่ยสิบปีได้แล้ว เขาเป็นที่รู้จักอย่างดีภายในเมืองจางเป่ย เพราะเป็นถึงหมอหลวงมาก่อน ชาวบ้านจึงให้ความนับถือเขาอย่างมาก
เหตุที่เขาตามหาเยว่เลี่ยงไม่พบเป็นเพราะนางไม่เคยได้ออกจากเรือนไปในเมืองเลย แม้เขาจะส่งคนออกมาตามหาแต่ตระกูลหลันที่ปกปิดความเป็นมาของนางทำให้ตรวจสอบมาไม่ถึง ชาวบ้านรับรู้เพียงจากคำด่าของนางหูซื่อเท่านั้นว่าเยว่เลี่ยงเป็นสตรีไม่มีหัวนอนปลายเท้า บิดามารดาถูกโจรฆ่าตายหมด หลันหวงกุ้ยไปพบนางเข้าจึงได้ช่วยเหลือไว้
เมื่อหมอจินตามหาบุตรสาวที่หายไป ข้อมูลที่ถูกส่งต่อมาย่อมจะคลาดเคลื่อนจนเพิ่งได้มาพบเพราะเจียอีขอให้มาตรวจมารดาของนาง ก่อนหน้านี้ตระกูลหลันไม่เคยตามหมอมารักษาเยว่เลี่ยงเพียงแต่หลันหวงกุ้ยซื้อยามาต้มให้กินเท่านั้น ต่อให้เขาจะแอบไปตามหมอมาดูนางก็เป็นเพียงหมอเท้าเปล่าในหมู่บ้านที่มารักษาให้
"เยว่เลี่ยงคือบุตรสาวที่หายตัวไปของข้า จินเยว่เลี่ยง ข้าจะรับนางและหลานทั้งสองกลับไปดูแล" สิ้นคำของหมอจิน ตระกูลหลันที่เพิ่งเดินเข้ามาถึงก็ตกใจจนอ้าปากค้าง
ทั้งตระกูลหลันและชาวบ้านไม่คาดคิดว่าหญิงสาวที่ไร้บิดามารดาเช่นนางหูซื่อด่าทออยู่ทุกวันจะเป็นบุตรสาวของท่านหมอจิน หมอหลวงจากเมืองหลวงที่ทิ้งตำแหน่งใหญ่โตออกมาตามหาบุตรสาว
"ปะ เป็นไปได้อย่างไร" หูซื่อกับสะใภ้ใหญ่ที่เคยรังแกเยว่เลี่ยงกับบุตรทั้งสองก็หวาดกลัวจนแข้งขาอ่อน
"ท่านมีหลักฐานหรือไม่ ท่านหมอจิน" ต่อให้ทั้งคู่เป็นพ่อลูกกันจริงก็ควรที่จะมีหลักฐานออกมาชี้แจงให้ทุกคนได้เห็น
หมอจินมิได้พูดอันใด เขาเพียงหยิบหยกพกแบบเดียวกับของเยว่เลี่ยงขึ้นมา เมื่อนำของเยว่เลี่ยงมาเทียบกันก็พบว่าเป็นหยกชนิดเดียวกันจากก้อนเดียวกัน
"เสียมารยาทแล้ว ข้าน้อยขอแสดงความยินดีกับท่านหมอจินที่หาตัวบุตรสาวพบแล้ว" หัวหน้าหมู่บ้านที่เห็นหลักฐานที่หมอจินนำออกมาก็ก้มหัวลงแสดงความยินดี
"อ้อ พวกเจ้าคนตระกูลหลันใช่หรือไม่ ข้าจะจดจำไว้" ก่อนที่หมอจินจะเดินขึ้นรถม้า เขาหันไปพูดกับคนตระกูลหลัน
เยว่เลี่ยงพาบุตรทั้งสองเข้าไปขอบคุณผู้นำหมู่บ้านและชาวบ้านที่ได้เคยช่วยเหลือไว้ ก่อนที่นางจะคารวะพ่อแม่สามีแล้วขึ้นรถม้าไป ถึงอย่างไรทั้งสองก็คือพ่อแม่ของสามีถึงจะรังแกนางมามากเพียงใด แต่ในเมื่อไม่ต้องอยู่ด้วยกันแล้วนางก็ทำความเคารพก่อนลาจาก
"ดู ดู ช่างทำตัวใหญ่โตเสียจริง" สะใภ้ใหญ่พูดขึ้นเมื่อรถม้าเคลื่อนตัวออกไปแล้ว
"สะใภ้ใหญ่หลันช่างพูดเสียจริง เมื่อครู่ไยเจ้าไม่พูดต่อหน้าท่านหมอจินเลยเล่า"
"ใช่ใช่ คนตระกูลหลันคงเข้าโรงหมอของท่านหมอจินไม่ได้แล้วเป็นแน่ ฮ่า ฮ่า"
เสียงหัวเราะพูดจาถากถางของชาวบ้านทำให้คนตระกูลหลันที่มาดูเหตุการณ์จำต้องรีบหนีกลับเรือนของตนด้วยความอับอาย
"เพ้ย รอให้อากุ้ยกลับมาเสียก่อน ข้าจะให้หย่ากับหญิงสสารเลวนั่นเสีย" หูซื่อที่ทนเก็บความแค้นกลับมาถึงเรือนก็เอ่ยปากขึ้น
"หุบปากของเจ้าเสีย อากุ้ยจะเชื่อคำเจ้าหรือ หากเขาเชื่อคงไม่แต่งนางตั้งแต่แรก" ผู้เฒ่าหลันตวาดเมียตน
"ท่านแม่ ท่านก็ให้น้องรองขอเงินจากท่านหมอจินเป็นค่าข้าวที่นางกินในเรือนของเราดีหรือไม่" หลันถังพูดกับมารดา
"จริงด้วย เหอะ กินข้าวข้าสิบกว่าปีเรียกสักร้อยตำลึง ไม่ ไม่ ห้าร้อยตำลึงดีกว่า" หูซื่อพูดกับบุตรชายอย่างเข้าขากัน โดยมีสะใภ้ใหญ่เอ่ยสำทับอย่างเห็นด้วยอยู่หลายประโยค
ผู้เฒ่าหลันมองทั้งสามที่พูดเรื่องไปขอเงินจากหมอจินก็ถอดถอนหายใจ เหตุใดในตระกูลของตนจึงมีแต่คนโง่เช่นนี้
หมอจินพาทั้งสามคนแม่ลูกมาที่จวนของเขา จวนของหมอจินอยู่ห่างจากโรงหมอเพียงสองเค่อเท่านั้น จวนรอบๆล้วนเป็นจวนคหบดี จึงทำให้จวนของหมอจินเงียบสงบ
สามคนแม่ลูกมองจวนหลังใหญ่ตรงหน้าอย่างเหม่อลอย เจียอีกับลู่เสียนประคองท่านตาและมารดาเดินเข้าจวน ท่ามกลางสายตาของบ่าวไพร่ที่ออกมายืนรอรับ
แม่นมจินเมื่อเห็นว่าหมอจินพาใครมาก็ปล่อยโฮออกมาเสียงดัง นางวิ่งเข้ามา กอดเยว่เลี่ยงแน่น แล้วร้องเรียก คุณหนู คุณหนู ไม่ขาดปาก
"แม่นมจิน เลี่ยงเออร์นางไม่หลงเหลือความจำเดิมอีกแล้ว" หมอจินพูดกับแม่นม เพื่อไม่ให้นางทำให้เยว่เลี่ยงตกใจ
"โถ่ คุณหนูของบ่าว เวรกรรมอันใดถึงเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น" นางร่ำไห้จนตัวโยน เยว่เลี่ยงที่มีความรู้สึกคุ้นเคยแต่ยังคงจดจำเรื่องในอดีตไม่ได้ก็ปลอบโยนให้นางหยุดร้องลง
กว่าที่แม่นมจะปล่อยให้คนทั้งสามได้ไปดูเรือนของตนก็โดนหมอจินดุเสียหลายรอบ เรือนของสามคนแม่ลูกอยู่ไม่ไกลจากเรือนหลักของหมอจินนัก