ไม่อยากเสียใจ

1591 คำ
ตุลธรกลับมาถึงห้องก็รีบทำธุระส่วนตัวจากนั้นก็นั่งอ่านหนังสือเหมือนกับกับทุกคืน แต่อ่านยังไงก็ไม่รู้เรื่องเพราะตอนนี้เขาคิดถึงแต่ใบหน้าเคร่งเครียดของปณิชา เขาอยากรู้ว่าเพราะอะไรเธอถึงเป็นแบบนั้น ชายหนุ่มไม่อยากจะเก็บความสงสัยไว้นาน เขาเลยตัดสินใจไลน์ไปหาเธออีกครั้งเผื่อเธอจะใจอ่อนและยอมเล่าเรื่องที่ติดอยู่ในใจให้เขาฟัง “เหมยนอนหรือยัง” “ยังค่ะ” หญิงสาวตอบทันทีที่เขาส่งข้อความไป “ทำอะไรอยู่” “นั่งหายใจทิ้งค่ะ” ปณิชาตอบตามความจริงเพราะหลังจากอาบน้ำเสร็จแล้วเธอก็นั่งนิ่งอยู่บนโซฟารับแขก “ผมว่าอาการคุณไม่ค่อยดีนะให้ผมไปอยู่เป็นเพื่อนไหม” “เหมยไม่ได้เป็นอะไรค่ะ” “ผมรู้ว่าคุณมีเรื่องไม่สบายใจนะ คุณไม่ต้องเล่าให้ผมฟังก็ได้ ผมแค่อยากนั่งเป็นเพื่อนเท่านั้นเอง” “แต่นี่มันดึกแล้วหมอไม่รีบนอนเหรอคะ” “ปกติผมก็นอนเกือบจะเที่ยงคืนนี่มันเพิ่งจะสี่ทุ่มตกลงให้ผมไปอยู่เป็นเพื่อนนะ” “ได้ค่ะ” เพราะอยู่คอนโดเดียวกันตุลธรเลยไม่ต้องเปลี่ยนชุดให้ยุ่งยากเขาเลยเดินลงไปกดออดที่หน้าห้องนอนของปณิชาทั้งที่ยังใส่ชุดนอนอยู่ รอไม่นานเจ้าของห้องก็เดินมาเปิดด้วยชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นซึ่งเขาพอจะเดาออกว่านั่นก็คือชุดนอนของเธอเช่นกัน “เชิญค่ะ หมอจะดื่มอะไรไหมในห้องเหมยมีเบียร์นะคะ” “ปกติคุณดื่มเบียร์ด้วยเหรอ” “เปล่าหรอกค่ะ เหมยซื้อมาหมักผมแต่ไหนๆ คืนนี้ก็นอนไม่หลับแล้วกินสักหน่อยก็คงไม่เป็นไร หมอเอาด้วยไหมคะ พรุ่งนี้หมอมีตรวจตรวจคนไข้แต่เช้าหรือเปล่า” “พรุ่งนี้ผมมีตรวจเช้าแต่กินแค่กระป๋องเดียวคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง” “งั้นหมอนั่งรอหน้าทีวีเลยค่ะเดี๋ยวเหมยเอา” ปณิชาเดินมาหยิบเบียร์ในตู้ที่มีทั้งหมดสี่กระป๋องส่งให้คุณหมอหนุ่มหนึ่งกระป๋องและของตัวเองอีกหนึ่งกระป๋องทั้งสองคนนั่งกันเงียบๆ ก่อนที่เจ้าของห้องจะหันมาถามเมื่อเวลาผ่านไปสักพัก “หมอจะดูทีวีไหมคะ” “ไม่เป็นไรครับ” “งั้นเหมยเปิดเพลงได้ไหม” “ได้สิ” “ปกติหมอชอบฟังเพลงแบบไหนคะ” “ผมชอบฟังเพลงสากลนะแล้วเหมยล่ะครับ” “เหมยก็ชอบฟังเพลงสากลค่ะ แต่ไม่ใช่เพราะว่าเหมยเก่งภาษาอังกฤษหรอกนะคะ” “แล้วเพราะอะไรล่ะครับ” เมื่อเห็นท่าทางของหญิงสาวผ่อนคลายตุลธรก็ชวนเธอคุยมากขึ้น “เพราะเหมยไม่ค่อยเข้าใจความหมายมันค่ะ ก็เลยทำให้ฟังซ้ำได้หลายๆ รอบ” “แต่งานที่คุณทำอยู่มันก็ต้องใช้ภาษาอังกฤษนะครับ” “มันไม่เหมือนกันหรอกค่ะ ภาษาที่ใช้กับคนไข้มันก็เป็นภาษาพื้นๆ ส่วนภาษาที่อยู่ในเพลงบางครั้งมันก็ยากที่เราจะเข้าใจความหมายแต่พอฟังไปก็รู้สึกเพลินค่ะ” ปณิชาพูดจบก็หยิบโทรศัพท์ของตนขึ้นมาแล้วเปิดเพลงที่ตนเองฟังประจำเบาๆ พอให้ทั้งห้องไม่เงียบจนเกินไป “หมอคะ” “ว่าไงครับ” “หมอว่าเหมยเป็นยังไงบ้าง” “เป็นยังไงบ้างในที่นี้หมายถึงอะไร” “ก็หมายถึงรวมๆ ค่ะหน้าตานิสัย” “คุณเป็นคนที่สวยนะ นิสัยก็ดีน่ารักอีกอย่างคุณเป็นคนร่าเริงเข้ากับเด็กได้ดีเลยทีเดียว” “แต่เหมยไม่มีเสน่ห์มัดใจผู้ชายเลยใช่ไหมคะ” “ทำไมคิดแบบนั้นล่ะ มีอะไรหรือเปล่า” “เหมยก็แค่สงสัยค่ะว่าเพราะอะไรคนคนหนึ่งถึงได้หายไปจากชีวิตเราโดยไม่มีเหตุผล ทำเหมือนเราเป็นธาตุอากาศ” “นี่คือเหตุผลที่คุณซึมเย็นนี้ใช่ไหมล่ะ เล่าให้ผมฟังสิ” “หมอตอบคำถามเหมยมาก่อนว่าในสายตาของผู้ชายเหมือนสวยใช่ไหม” “สวยสิคุณเป็นคนสวยมากโดยเฉพาะเวลายิ้มมันดูมีเสน่ห์คุณดูสดใสนะ” “ถ้าเหมยมีสวยเสน่ห์แล้วทำไมเขาถึงเลือกที่จะมองข้ามเหมยไปล่ะคะ” “เขาคงเป็นผู้ชายที่โง่มาก” “หมอคิดแบบนั้นเหรอคะ” “ไม่รู้สิเท่าที่ผมรู้จักคุณมาหลายเดือนคุณเป็นผู้หญิงที่น่ารักและมีเสน่ห์ถ้าเกิดผมเป็นแฟนคุณก็ไม่มีทางที่จะทิ้งคุณไปหรอก” “แล้วถ้าเกิดสมมุติว่าหมอและเหมยเป็นแฟนกันหมอจะทิ้งเหมยไหมคะ” “มันตอบไม่ได้นะว่าจะทิ้งไหม มันต้องดูด้วยว่าก่อนหน้านั้นเราทะเลาะกันหรือผิดใจกันเรื่องอะไรหรือเปล่า” “ไม่เลยค่ะ เราไม่เคยทะเลาะไม่เคยผิดใจกันเหมยตามใจเขาทุกอย่าง เขาก็ตามใจเหมยทุกอย่าง” “ถ้าเป็นแบบที่คุณพูดมันก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ผมจะทิ้งคุณหรือเขามีคนอื่น” “แล้วถ้าเป็นหมอตุลย์ หมอจะมีคนอื่นไหมคะ” “ถ้าผมมีแฟนแล้วแฟนผมน่ารักนิสัยดีเข้ากับผมได้ทุกอย่างมันก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ผมจะไปมีคนอื่นนะ” “นั่นสิคะเหมยไม่เข้าใจเลย ไม่เข้าใจจริงๆ ทำไมผู้ชายถึงเข้าใจยากนักนะ” “ผู้ชายมันไม่ได้เข้าใจยากทุกคนหรอกนะเหมย มันอยู่ที่ว่าเขาอยากให้เราเข้าใจเขาหรือเปล่า ไหนๆ คุณก็เราพูดมาถึงขนาดนี้แล้วลองเล่ามาซิว่าเขาเป็นใคร” “หมอสัญญาได้ไหมก่อนได้ไหมคะ ถ้าเหมยเล่าให้ฟังแล้วหมอจะไม่หัวเราะเยาะเหมยและจะไม่มองเหมยเป็นผู้หญิงไร้ค่า” “เหมยอย่าดูถูกตัวเองแบบนั้นสิ ที่ผมอยากเล่าให้เหมยฟังก็เพราะอยากให้เหมยได้ระบายมันออกมาแล้ว มันจะรู้สึกดีขึ้น” ปณิชามองหน้าเขาอย่างลังเลแต่ถ้าไม่ได้ระบายความรู้สึกออกมาให้ใครสักคนฟังคืนนี้เธอคงได้อกแตกตายแน่ๆ ถึงแม้เขาจะมีอาชีพเดียวกับคนต้นเหตุที่แต่มันก็ยังดีกว่าอึดอัดอยู่คนเดียว “เรื่องมันเกิดนานแล้วค่ะ ตอนนั้นเหมยเพิ่งเรียนจบแล้วเหมยก็เจอกับเขา เขาชื่อหมอเอกวิทย์ค่ะ” “เอกวิทย์รุ่นน้องของผมด้วยเหรอ” “ค่ะ รุ่นน้องของหมอนั่นแหละค่ะ” จากนั้นปณิชาก็เล่าเรื่องระหว่างเธอกับเอกวิทย์ให้กับหมอตุลธรฟังอย่างละเอียดเหมือนกับที่เล่าให้พาขวัญและอารดาฟังเมื่อวันก่อน ตุลธรนั่งฟังและพยายามใช้ความคิดตามไปด้วยเขานึกไม่ออกเลยว่าเพราะเหตุผลอะไรเอกวิทย์ถึงทิ้งผู้หญิงที่น่ารักและจิตใจดีอย่างปณิชาไปได้ เพราะถ้าเป็นเขา เขาจะไม่มีทางทิ้งผู้หญิงคนนี้เป็นอันขาด พอฟังจบเพราะเราจบปณิชาก็หัวเราะ เมื่อได้ระบายความรู้สึกออกมาจนก็รู้สึกโล่งมาก “ผมว่ามันไม่เมคเซ็นส์เลยนะ คุณได้ถามเขาไหมว่าเพราะอะไร ผมว่ามันต้องมีเหตุผลสิ” “ก็อย่างที่เล่าค่ะ เหมยถามจนอายตัวเองแล้วแต่เขาก็ไม่เคยตอบ แล้วหมอเห็นไหมล่ะวันนี้ที่เขาเจอกับเหมย เขาทักทายเหมยเหมือนว่าระหว่างเหมยกับเขาไม่เคยเกิดอะไรขึ้น” “คุณยังรักเขาอยู่ไหม” ที่ถามเพราะถ้าปณิชายังรักเอกวิทย์เขาก็จะถอยออกมาจากชีวิตเธอ ถึงแม้จะรู้สึกชอบปณิชามากแค่ไหนแต่เขาก็ไม่อยากเป็นตัวแทนของใคร “ไม่เลยค่ะ บางทีเหมยอาจจะไม่เคยรักเขาก็ได้นะคะ มันอาจจะเป็นแค่ความหลงอย่างที่เพื่อนเหมยบอก” “แต่เหมยดูเหมือนมีอะไรในใจ” “ค่ะ ในหัวเหมยมีแต่ความสงสัยและอยากรู้ว่ามันเพราะอะไรเขาถึงเป็นแบบนั้น” “เพราะอะไรถึงอยากรู้ละครับ” “เหมยอยากปลดล็อกความรู้สึกของตนเองค่ะ ถ้ามันยังคาใจอยู่แบบนี้เหมยก็คงไม่กล้าคบกับใครอีก” “หลังจากเลิกกับเขาคุณมีแฟนอีกไหม” “ไม่มีค่ะ” “หมายความว่าถ้าคุณไม่รู้สาเหตุคุณก็จะอยู่เป็นโสดแบบนี้ไปตลอดเหรอครับ ผมว่ามันไม่ยุติธรรมเลยนะ เขาไปแต่งงานมีครอบครัวแต่เหมยยังจมอยู่กับความคิดว่าตัวเองไม่ดีแบบนี้” “เหมยไม่ได้คิดจะเป็นโสดไปตลอดหรอกค่ะ เหมยแค่รอเวลาและรอใครสักคนที่คิดว่ารักเหมยจริงและจะไม่ทิ้งเหมยไปอีก” “ผู้ชายแบบไหนที่เหมยชอบล่ะ” “เหมยชอบคนใจเย็นและเอาใจเก่งค่ะ นิสัยก็ต้องดี ไม่รำคาญเวลาที่เหมยอยู่ใกล้ เหมยติดสกินชิพค่ะ ที่สำคัญต้องหล่อด้วยค่ะ หมอตุลย์ว่ามันมากไปไหม” “ไม่หรอกครับ แต่ผมได้ยินมาว่าเหมยไม่ชอบอาชีพหมอ” “ก็ประมาณนั้นค่ะ เหมยไม่อยากเสียใจเหมือนเดิม” “หมอไม่ได้เป็นแบบนั้นทุกคนนี่ครับ” ตุลธรคิดว่ามันไม่ยุติธรรมเลยที่เธอจะมองหมอในแง่ลบเพียงเพราะผิดหวังจากหมอแค่คนเดียว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม