ตาสว่าง...2

848 คำ
“ดาคุณก็บอกไปสิว่ามันไม่จริง เราไม่ได้มีอะไรกันอย่างที่มินคิด” ดาวินยังพยายามให้มินตราเชื่อ ทั้งที่สภาพตรงหน้าไม่มีทางแก้ตัวอย่างอื่นได้เลย “อย่าพยายามเลยค่ะ แค่นี้ดาก็รู้สึกผิดกับมินมากพอแล้ว ดาไม่อยากโกหกอีกแล้ว วินบอกความจริงมินไปเถอะค่ะ” ญาดาแสร้งร้องไห้เพื่อให้มินตราเชื่อว่าเธอไม่ต้องการทำแบบนี้ ทั้งที่ความจริงแล้วทั้งชีวิตเธออิจฉามินตรามาตลอด "คุณอย่ามาโกหกนะดา คุณหลอกผมมาที่นี่ทำไม" ดาวินพยายามหาข้อแก้ตัวอีกครั้ง สถานการณ์แบบนี้ญาดาคงไม่ยอมร่วมมือเป็นแน่ ดังนั้นเขาจึงคิดเรื่องโกหกขึ้นมาอีกครั้ง "หยุดทั้งคู่เลยพวกคุณมันเลวด้วยกันทั้งหมดแหล่ะ ไม่งั้นคงไม่กล้าแทงข้างหลังฉันขนาดนี้" มินตรากล่าวด้วยแววตาที่เอ่อล้นไปด้วยน้ำตา เพราะความรู้สึกผิดหวังอย่างรุนแรง "มินคุณอย่าไปเชื่อดานะ ผมกับดาเราไม่มีอะไรกันจริงๆ" "คุณเลิกโกหกฉันได้แล้ววิน พรุ่งนี้มันจะไม่มีงานแต่งงานระหว่างเราเกิดขึ้น พอกันทีกับคนที่หน้าไหว้หลังหลอกแบบคุณ" มินตรากล่าวพร้อมกับแววตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด เธอปวดร้าวที่สุดในชีวิต เพื่อนรักและคนรักได้หักหลังเธอ และย่ำยีจิตใจของเธอ มินตราแทบจะทนยืนอยู่ไม่ไหว เธอรีบเดินออกไปจากห้องที่มีแต่ความสกปรกทันที "เดี๋ยวก่อนสิมิน คุณจะยกเลิกงานแต่งงานแบบนี้ไม่ได้นะ" ดาวินกล่าวพร้อมกับลุกขึ้นจากที่นอน แล้วคว้าผ้าเช็ดตัวมาพันกายเพื่อจะวิ่งตามมินตราออกไป ญาดาได้แต่ยืนมองด้วยความพอใจ ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป ปล่อยให้ดาวินวิ่งตามมินตราออกไป เพราะเธอรู้จักมินตราเป็นอย่างดี เธอจึงมั่นใจว่าพรุ่งนี้มินตราไม่ยอมแต่งงานกับดาวินอย่างแน่นนอน สำเร็จเสียทีภารกิจล้มงามแต่งงานของมินตราและดาวิน มินตราวิ่งร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ เธอไม่เคยคิดเลยว่างานแต่งงานในฝันของเธอ จะต้องล้มเลิกลงกลางคัน เพราะความไม่ซื่อสัตย์ของว่าที่เจ้าบ่าว มินตราก้มหน้าวิ่งไปที่ลิฟท์ด้วยความเสียใจ เธอได้ยินเสียงตะโกนเรียกของดาวิน ที่พยายามจะหยุดเธอ แต่มินตราไม่ยอมหยุด เพราะเธอไม่สามารถทำใจเห็นหน้าผู้ชายทรยศคนนั้นได้อีกแล้ว เป็นโชคชะตาที่ช่วยให้ประตูลิฟท์ปิดก่อนที่ดาวินจะวิ่งเข้ามาในลิฟท์ ตอนนี้มินตรารู้สึกสมเพชผู้ชายคนนี้เหลือเกิน เพราะเมื่อเธอมองเห็นเขาเมื่อสักครู่คือ เขาใช้เพียงผ้าขนหนูพันกายวิ่งตามเธอออกมาจากห้อง มันช่างน่าสมเพชเหลือเกิน เพราะถ้าเขารู้จักผิดชอบชั่วดีตั้งแต่แรกก็คงไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ และมันเป็นเรื่องที่มินตราไม่สามารถจะทำใจให้อภัยเขาได้ ร่างบางร้องไห้ด้วยความเสียใจจนตัวโยน ก่อนที่ลิฟท์จะพาเธอมาหยุดที่ชั้นหนึ่ง เมื่อประตูลิฟท์เปิด หญิงสาวรีบสาวเท้าก้าวออกมาด้วยความรีบร้อน จนกระทั่งร่างบางชนกระแทกเข้ากับร่างสูงที่สมส่วน ราวกับถูกปั้นแต่งมาเป็นปฏิมากรรมชั้นเยี่ยม “อุ้ย!! ขอโทษค่ะ” มินตราเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าหล่อเหลา ผ่านม่านน้ำตาที่ไหลเอ่อล้นอยู่เต็มสองตา “คุณเป็นอะไรหรือเปล่าครับ” เสียงกังวานของอคิราห์ถามขึ้นมาด้วยความเป็นห่วงหญิงสาวตรงหน้า ไม่ใช่เพราะว่าแรงชนจากการกระแทกเมื่อสักครู่ แต่เป็นภาพน้ำตาที่เอ่อล้นเต็มสองตาของหญิงสาวสวยร่างเล็ก ที่เขาไม่สามารถมองผ่านได้จริงๆ “เอ่อ...ไม่ๆ ...เป็นไรค่ะ” มินตรากล่าวพร้อมกับใช้มือบางเช็ดคราบน้ำตา ที่ไหลอาบสองแก้มด้วยความอาย “ผมว่าคุณกำลังต้องการความช่วยเหลือนะ” อคิราห์เอ่ยออกมาเสียงนุ่ม ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดจึงทำให้เขาสนใจผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าขึ้นมาทันที ทั้งที่เขากำลังจะแต่งงานกับคนที่มารดาของเขาจัดหาให้ในวันพรุ่งนี้ แต่ดวงหน้างามดวงนี้ก็สะกดให้เขาจ้องมองด้วยความสนใจ “ไม่เป็นไรจริงๆ ค่ะ ขอบคุณนะคะ” มินตรากล่าวพร้อมกับวิ่งออกไปด้วยความประหลาดใจ เหตุใดเขาเป็นเพียงคนไม่รู้จักที่ผ่านเข้ามา แต่เขากลับเอ่ยถามเธอด้วยความรู้สึกห่วงใยเช่นนี้ หญิงสาววิ่งออกไปเรียกแทกซี่ และก็รีบออกไปจากคอนโดแห่งนี้อย่างรวดเร็ว มีเพียงชายหนุ่มใบหน้าคมสัน ที่มองตามด้วยความรู้สึกเป็นห่วง เขาไม่รู้ว่าเธอประสบพบเจออะไรมา แต่ตอนนี้เธอคงบอบช้ำจิตใจไม่น้อย เขาได้แต่หันหลังกลับมาแล้วเดินขึ้นไปในลิฟท์ ก่อนจะตัดเรื่องของเธอออกจากสมอง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม