คุณต้องไปกับฉัน

866 คำ
คนถูกไล่นิ่งตะลึง อ้าปากค้าง ก่อนจะกระพริบตาปริบๆ ...นี่มันประโยคเดียวกับวันฝนพรำ ให้ตาย ทำไมเธอจึงรู้สึกเหมือนว่าเรื่องวันนั้นมันเพิ่งจะเกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ นะ...ฟ้าอำไพตั้งสติ ระงับอารมณ์ให้คงที่ กล่าวเอ่ยด้วยน้ำเสียงสุภาพ “คุณอย่าเพิ่งกลับไปที่บ้านเลยนะ” เขามองหน้าเธอนิ่งๆ “ที่นั่น...อันตราย” เธอขยับเท้ามายืนตรงหน้าเขา เงยหน้ามอง พูดด้วยเสียงที่เบาที่สุด “ถ้าคุณไปที่นั่น คุณจะต้องตาย” เขาพยักหน้าช้าๆ ก่อนจะหัวเราะเยาะหยัน “ผมไม่รู้ว่าคุณพูดเรื่องบ้าอะไร แต่ผมไม่เชื่อหรอกนะ ถ้าคุณเป็นหมอดู กรุณาไปหาเหยื่อที่อื่น” “ฉันไม่ใช่หมอดู” น้ำเสียงร้อนรนกับใบหน้าเหมือนคนจะร้องไห้ ทำให้เขายิ่งขำ “ฉันได้รับคำสั่งจากคนที่หวังดีกับคุณ ให้มารับคุณไป ได้โปรด ฉันจะอธิบายให้คุณฟังทุกอย่าง แต่ต้องหลังจากนี้ ตอนนี้คุณกรุณาไปกับฉันก่อนได้ไหมคะ” ชายหนุ่มถอนหายใจระอาเอือม เขาพูดเหมือนบ่นกับตัวเองมากกว่าจะพูดกับเธอ “อยู่ในคุก เจอพวกต้มตุ๋มเป็นร้อย ออกมาข้างนอกได้แป๊บเดียวก็เจอตัวแม่เข้าอีก ชีวิตนี้จะไม่ได้สงบสุขเลยรึไง ผมไม่จำเป็นต้องรู้เหรอว่าคุณเป็นใคร” หน้าเธอเหมือนพวกต้มตุ๋นเหรอ เธอออกจะสวย น่ารักและใสซื่อ เขาช่างโง่เขลา ไร้วิจารณญาณและตาต่ำสิ้นดี หญิงสาวจ้องหน้าเขาเอาเรื่อง “คุณยังไม่ต้องรู้หรอกว่าฉันเป็นใคร แต่ฉันเป็นคนเดียวที่คุณไว้ใจได้” เธอปั้นปากจนแน่น รีบล้วงเอาหยกรูปพญาอินทรีย์สีนิลในกระเป๋าสะพายยื่นให้เขา ดวงตาคมกริบตื่นตะลึงเมื่อได้เห็นมันเต็มตา เขาคว้าหยกไปมองใกล้ๆ ตา “คนที่สั่งฉัน เขาบอกว่าให้มอบหยกนี่ให้คุณ” ห้านาทีต่อมา ชายหนุ่มผู้ดื้อด้านก็มานั่งบนเบาะข้างๆ เธอจนได้ หญิงสาวยังคงทำหน้าที่ขับ นำพารถกระบะคันเก่าสีแดงเข้มสู่ถนนเส้นใหญ่ เธอหมุนพวงมาลัยพลางเหลือบมองชายหนุ่มที่กำลังผิวปากเล่น นั่งยกแข้งขาบนเบาะอย่างไร้มารยาท ตอนนี้เขาไม่เหลือคราบผู้ดีมีเกียรติ คุกเปลี่ยนเขาให้เข้าใกล้กับคำว่าอันธพาล เข้มข้นหยาบกระด้างและป่าเถื่อนอย่างไม่รู้สึกรู้สา “มองอะไร???” เขาเตือน เธอหันขวับกลับมามองด้านหน้า ด้วยหัวใจเต้นระทึก ไม่ใช่เพราะความกลัว เธอมั่นใจว่าไม่ใช่อารมณ์แบบนั้น แต่เธอรู้สึกเหมือนถูกผู้ใหญ่จับได้ว่ากำลังโกหกอะไรสักอย่าง “ไหนลองบอกมาสิ ว่าใครจะฆ่าผม” “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน...” “อ้าว” เธอหันมายิ้มเฝื่อน เขามองดุ “คิดจะเล่นตลกอะไร” “ไม่เลย ฉันไม่เคยคิดจะเล่นตลกอะไรทั้งนั้น เชื่อฉันเถอะ มันเป็นเรื่องที่ฉันก็ไม่สามารถคาดเดาได้เหมือนกัน ฉันไม่รู้หรอกว่าใครจะฆ่าคุณ ฉันรู้แค่ว่ามีคนจะฆ่าคุณเท่านั้นเอง” ยิ่งพูด เธอยิ่งรู้สึกว่าตัวเองกำลังโกหกจริงๆ เพราะทั้งกุกกัก วกวน และปากสั่น “คุณรู้เรื่องนี้มาจากไหน” “มีก็แล้วกันน่า” หญิงสาวรีบตัดบทด้วยเสียงแข็งๆ หวังว่าเขาจะเกรงเธอบ้างนะ เธอเร่งเครื่องขับเคลื่อนรถด้วยความเร็วที่อาจทำให้สนิมตามตัวรถหลุดปลิวได้ รถกระบะคันเก่าคู่ใจวิ่งฉิวสู่ถนนลูกรัง ก่อนเลี้ยวเลาะเข้าสู่ทางเล็กๆ ลัดเลื้อยเข้าสู่สวนมะพร้าวรกร้าง มุ่งฝ่าทุ่งหญ้ารกชัฏ เข้าสู่ริมหาดร้างที่เต็มไปด้วยหินโสโครก บนเนินหินมีบ้านหลังเล็กๆ ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยว บ้านสีขาวเก่าๆ แต่ไม่ถึงกับทรุดโทรม เจ้าหล่อนดับเครื่องสนิท แสดงท่าสูดอากาศเข้าปอดอย่างมีความสุข ชายหนุ่มมองบ้านหลังนั้นผ่านกระจกหน้ารถที่เต็มไปด้วยคราบดินสกปรกที่กระเด็นเปรอะตอนวิ่งบนถนนลูกรังที่เต็มไปด้วยหลุมบ่อ “คุณพาผมมาที่นี่ทำไม อย่าบอกนะ...” “เซฟเฮ้าส์” เขาอ้าปากค้างเหมือนไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน เขารีบผลักประตู กระโดดลงจากรถ ยืนมองที่อยู่ใหม่ของเขาเหมือนไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็น “เซฟเฮ้าส์หรือว่าบ้านผีสิงวะ” เขาพูดพลางเดินเข้าไปสำรวจใกล้ๆ โดยมีหญิงสาวเดินตามหลังไม่ห่าง ด้วยสายตาสุดแสนจะหมั่นไส้ “สภาพบ้านโหดร้ายมาก ใครมันจะไปอยู่ลง” “คงไม่โหดร้ายไปกว่าในคุกหรอก” เขาหันขวับ เธอถึงกับสะดุ้งโหยง “คุณนี่ก็กล้านะ ไม่รู้รึไงว่าผมเข้าคุกด้วยข้อหาอะไร” หญิงสาวตาเบิกโพลง ขยับเท้าออกห่างเล็กน้อย “ปกป้องคนรักไง” คำตอบของเธอ ทำให้เจ้าหน้าเหี้ยมมีแววตาที่อ่อนลงเล็กน้อย แต่เธอไม่ทันได้เห็น เพราะเขากลับมาทำหน้าโหดเร็วกว่าที่เธอกระพริบตาเสียอีก
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม