รถกระบะของเจ้าหล่อนทั้งเก่าและแก่ เรี่ยวแรงอาจจะเทียบได้กับหญิงชราในวัยแปดสิบ หรือมากกว่านั้นก็ได้ หญิงสาวไม่ถือที่ถูกชายหนุ่มที่นั่งมาด้วยกันวิจารณ์สนุกปากเช่นนั้น ให้เขาได้ระบายออกบ้างหลังจากที่ต้องทนเก็บกดมานับทศวรรษ เมื่อรถขับเคลื่อนไต่ถนนที่ลาดชันผ่านเนินเขาลูกใหญ่ที่มีแต่ความแห้งแล้งของหญ้าคา รถของเธอก็ดับตัวเองสนิท
“อย่าอารมณ์เสีย” เขาพูดขึ้นก่อนที่เธอจะอาละวาดเพียงแค่วินาทีเดียว
“ผมว่าแถวนี้ก็ไม่เลวนัก” เขาบอกแค่นั้น แล้วกระโดดลงจากรถ เดินฝ่าแนวหญ้าสีเหลืองทองและกลุ่มก้อนหินขนาดใหญ่ที่ตั้งระเกะระกะ จนไปหยุดที่หน้าผา เบื้องล่างนั้น เกลียวคลื่นม้วนกระโจน เข้าทำศึกกับโขดหินโสโครกอย่างไม่ปราณี เขาไม่ได้ก้มมองลงไป เพียงแต่มองตรงไปข้างหน้า ท้องทะเลอันกว้างใหญ่ไพศาลที่นำหัวใจเขาไป
หญิงสาวทิ้งรถเอาไว้ริมถนน เดินตามชายหนุ่มผู้สูญสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต หากเขาคิดจะฆ่าตัวตาย เขาควรจะรู้ว่าเขายังมีมันสมองและร่างกายที่แข็งแรงพอที่จะต่อสู้กับวันข้างหน้า
“แถวนี้มันรกและน่ากลัวมาก” เจ้าหล่อนไม่พูดเปล่า ก้มมองลงไปยังเบื้องล่าง ก็ให้รู้สึกเสียวไส้ “นี่ถ้ารถตกลงไปคงแหลก”
ชายหนุ่มฟังเสียงลมอย่างตั้งใจ หากสิ่งที่เธอพูด ก็ต้องกระทบโสตประสาทเข้าอย่างจัง เขาหลับตานิ่ง จินตนาการภาพที่รถของบิดาหล่นตกเขาลงไป ภาพชวนสยดสยองทำให้หัวใจของเขาแทบจะหลุดจากขั้ว เขาไม่เคยคิดฝัน เจ้าพ่อผู้ยิ่งใหญ่จะต้องมาจบชีวิตลงอย่างน่าอนาถ ถูกพาดหัวข่าวหน้าหนึ่งบนหนังสือพิมพ์เพียงแค่วันเดียวเท่านั้น...อุบัติเหตุ...ปิดคดี...วันต่อมา หนังสือพิมพ์กลายเป็นขยะ หรืออย่างดีที่สุด ห่อมันเผา
“คุณ” เธอเห็นเขาหลับตาไปนาน จึงลองเรียกดู เห็นสภาพของเขาแล้วมันทำให้เธออดคิดไม่ได้ว่า เขากำลังเสียใจและเศร้าอย่างหนัก เขาได้อิสรภาพคืนมาก็จริง แต่ก็ต้องมาพบกับความสูญเสียมากมาย เธอเชื่อว่าเขากำลังพยายามปลอบใจตัวเองอยู่ และการเป็นลูกผู้ชาย ต้องไม่ร้องไห้
‘ต่อไปคุณจะทำอะไร จะเอายังไงกับอนาคต...?’
“คุณ” เขาไม่ตอบ เธอคิดว่าบางทีเขาอาจจะไม่ได้ยิน หรือไม่ เขาต้องการอยู่คนเดียว ฟ้าอำไพยิ้มกับตัวเอง เธออดคิดไม่ได้ว่าบางทีเขาอาจจะต้องการใครสักคน เพียงแต่คนๆ นั้นไม่ใช่เธอ
“ถ้าอย่างนั้น ฉันไปรอคุณที่รถนะ” ทันทีที่เธอหันหลัง เสียงของเขาก็ดังขึ้น พร้อมกับดวงตาคมกริบที่เปิดมองพระอาทิตย์ดวงมหึมาที่ตระหง่านเหนือเส้นขอบฟ้า
“ไพรัลย์”
เขาเรียกชื่อตัวเอง สีหน้านิ่งขรึม แต่เต็มไปด้วยประกายที่เจิดจรัส
“ไพรัลย์ อัครเดชดำรง”
ฟ้าอำไพหยุดฝีเท้า หันไปมองใบหน้าด้านข้างของเขา แสงสีทองทำให้ใบหน้านั้นยิ่งคมเข้มเข้าไปใหญ่ หนวดเคราของเขา ถ้าถูกกำจัดจนหมด เขาน่าจะดูเป็นผู้เป็นคนมากขึ้นกว่านี้ หุ่นกำยำภายใต้เสื้อผ้าที่สกปรก ดูเซ็กซี่ไม่น้อย หากไม่ไร้สาระจนเกินไป เธออยากจะแนะนำให้เขาไปเป็นนายแบบ
“ใช่ คุณคือเขา”
“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าวันนี้จะมาถึง”
เขายิ้มนิดๆ ยิ้มเย้ยหยัน ยิ้มที่แฝงความปวดใจ
เธอสัมผัสได้ด้วยดวงตาที่คมคาย เธอเคยคิดนะ ถ้าเขาไม่ติดคุกเสียก่อน ตอนนี้ชีวิตของเขาจะเป็นอย่างไร ถึงเธอไม่ใช่เทพพยากรณ์หรือผู้หยั่งรู้ แต่เธอก็มั่นใจว่าคำถามนี้ไม่ยากนัก แน่นอน ป่านนี้เขาคงจะแต่งงานกับแก้วกัลยาไปแล้ว มีลูกด้วยกันสองสามคน ลูกของเขาจะซุกซนแต่ฉลาด น่าอิจฉาจริงๆ และเขาจะกลายเป็นคุณหมอที่มีทรัพย์สินมากมายมหาศาล เขาอาจจะเปิดโรงพยาบาลในนามของตระกูลก็เป็นได้
“มันน่าสมเพชนะ”
“คิดอะไรอย่างนั้น” เธอแย้งอย่างหัวเสีย “คนที่เคยฉลาดอย่างคุณ น่าจะมองไปข้างหน้ามากกว่านะคะ อดีตมันจะสำคัญเท่ากับอนาคตได้อย่างไร”
คำปลอบใจจากหญิงสาวไม่ได้ช่วยให้เขารู้สึกดีขึ้นเลย เธอไม่เคยเผชิญชะตากรรมอย่างเขา เธอไม่เคยผ่านช่วงเวลาที่เลวร้ายมาก่อน
“ชีวิตจริงกับความฝันมันต่างกัน โลกของคุณมีแต่ฝัน”
เขาทิ้งปรัชญาสั้นๆ ไว้ แล้วหันหลังให้กับพระอาทิตย์ ชายหนุ่มเดินกลับไปที่รถ หญิงสาวมองตามหลังเขาไปด้วยความหมั่นไส้ อุตส่าห์ปลอบใจให้ข้อคิด แต่กลับหาว่าเธอฝันเฟื่อง เพ้อเจ้อ สายตาแบบนั้นเธอรู้ดีว่าเขากำลังดูถูกความคิดของเธอ เขาเห็นเธอไร้สาระ